วิธีรับมือและเคลมประกันเมื่อรถยนต์เสียหายจากเหตุการณ์หัวร้อนบนท้องถนน

June 13, 2025

ภาพความเสียหายรถยนต์ที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์หัวร้อนบนถนน

ในยุคปัจจุบันที่ความเครียดบนท้องถนนมีสูง เรามักพบเห็นคลิปวิดีโอเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปะทะคารมหรือแม้กระทั่งความรุนแรงที่อาจนำไปสู่ความเสียหายต่อทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่คู่กรณีแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ขับรถเบียด ปาดหน้า หรือหนักกว่านั้นคือลงมาทำร้ายร่างกาย หรือทุบทำลายรถของคุณจนเสียหาย คุณจะมีวิธีรับมือและเรียกร้องค่าเสียหายได้อย่างไร

รับมือสถานการณ์เฉพาะหน้า: ความปลอดภัยต้องมาก่อน

เมื่อเผชิญเหตุการณ์หัวร้อนบนท้องถนน สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ “ตั้งสติ” ให้มั่นคง หากคู่กรณีมีท่าทีก้าวร้าวรุนแรง หรือลงจากรถมาพร้อมอาวุธ สิ่งที่คุณควรทำคือ:

ตรวจสอบความปลอดภัยของตนเองและผู้ร่วมเดินทาง: ตรวจสอบว่าประตูรถทุกบานถูกล็อกอย่างแน่นหนา และอย่าเปิดกระจกพูดคุยกับคู่กรณีเด็ดขาด
เก็บหลักฐานสำคัญ: หากทำได้ ให้ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพนิ่ง หรือวิดีโอเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ หากสามารถ Live สดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ จะยิ่งเป็นประโยชน์ เพราะหลักฐานจะถูกจัดเก็บไว้ทันที และอาจมีผู้ที่รับทราบเหตุการณ์และพร้อมให้ความช่วยเหลือ
ติดต่อขอความช่วยเหลือ: หากมีผู้ร่วมเดินทาง คนหนึ่งควรทำหน้าที่บันทึกหลักฐาน ขณะที่อีกคนรีบโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ (เบอร์ 191) หรือบริษัทประกันภัยรถยนต์ของคุณทันที (สำหรับลูกค้า Roojai สามารถติดต่อแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือได้ที่ 02-582-8844 หรือผ่านแอปพลิเคชัน Roojai Mobile App ซึ่งสามารถระบุตำแหน่งของคุณได้)
กล้องติดรถยนต์คือผู้ช่วยสำคัญ: การติดตั้งกล้องติดรถยนต์ (Dashcam) จะช่วยบันทึกเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบได้โดยอัตโนมัติ ลดภาระในการบันทึกด้วยโทรศัพท์มือถือ ทำให้คุณมีเวลาโฟกัสกับการติดต่อขอความช่วยเหลือ และหลักฐานจากกล้องติดรถยนต์ยังเป็นสิ่งที่มีน้ำหนักสูงในการดำเนินคดีและการเคลมประกันอีกด้วย (ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของกล้องติดรถยนต์ได้ที่ แหล่งข้อมูลความปลอดภัยทางถนน)

ภาพความเสียหายรถยนต์ที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์หัวร้อนบนถนน

ขั้นตอนเคลมประกันและจัดการค่าเสียหายรถยนต์

หลังจากที่เหตุการณ์คลี่คลายและคุณอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดการกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ และการเรียกร้องค่าเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคู่กรณีหลบหนีไป (Hit and Run) การมีหลักฐานที่ชัดเจนถือเป็นกุญแจสำคัญ

หลักฐานคือหัวใจ: หากคุณไม่มีภาพหรือวิดีโอของคู่กรณีและรถยนต์ของเขาเลย ในมุมของการเคลมประกัน อาจถือเป็นความเสียหายที่ไม่มีคู่กรณี ซึ่งบางกรณีประกันภัยชั้น 1 อาจคุ้มครอง แต่คุณอาจต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) หากต้องการเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีโดยตรง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระบุตัวตนของคู่กรณีให้ได้
แจ้งความดำเนินคดี: นำหลักฐานที่มีทั้งหมด (วิดีโอจากโทรศัพท์, กล้องติดรถยนต์, ภาพถ่ายความเสียหาย) เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับคู่กรณีและรถยนต์ของเขาให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามตัว การแจ้งความยังเป็นเอกสารสำคัญประกอบการเคลมประกันและใช้ดำเนินคดีทางอาญาในกรณีที่คู่กรณีทำลายทรัพย์สินของคุณ
ประสานงานกับบริษัทประกันภัย: ติดต่อบริษัทประกันภัยของคุณ พร้อมส่งมอบหลักฐานและใบแจ้งความ เพื่อให้บริษัทดำเนินการประเมิน “ค่าซ่อมรถ” และช่วยเหลือในกระบวนการเคลมประกันภัย หากมีหลักฐานชัดเจน การเคลมประกันภัยชั้น 1 มักจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมความเสียหายโดยไม่เสียค่าเสียหายส่วนแรก (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขกรมธรรม์)

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่าย การบันทึกภาพเหตุการณ์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ทั้งจากโทรศัพท์มือถือ กล้องติดรถยนต์ หรือแม้แต่กล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง หลักฐานเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องสิทธิ์และเรียกร้อง “ค่าเสียหายรถยนต์” จากผู้กระทำผิด เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมจากกรมธรรม์ “ประกันรถยนต์” ที่คุณมี

เหตุการณ์ไม่คาดฝันบนท้องถนนเกิดขึ้นได้เสมอ การเตรียมพร้อมรับมือ ทั้งการมีสติ หลักฐาน และประกันภัยที่ดูแลคุณอย่างดี จะช่วยให้คุณผ่านสถานการณ์ยากลำบากไปได้ หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการเคลมประกันเมื่อรถเสียหาย หรือต้องการความคุ้มครองที่มั่นใจได้ ลองศึกษาข้อมูลประกันรถยนต์เพิ่มเติมเพื่อให้พร้อมรับมือในทุกสถานการณ์

Previous Post