รับมือสถานการณ์รถจมน้ำ: ประกันรถยนต์คุ้มครองแค่ไหน และเมื่อไหร่ที่คุณจะได้รับการเยียวยา?
ภาพรถเก๋งสีขาวถูกน้ำท่วมสูง แสดงถึงความเสี่ยงของรถจมน้ำ ประกันรถยนต์คุ้มครองอย่างไร
เหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่าง “รถจมน้ำ” ไม่ว่าจะเป็นจากอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน หรืออุบัติเหตุตกน้ำ เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้กับเจ้าของรถยนต์ทุกคน คำถามสำคัญที่ตามมาคือ ประกันภัยรถยนต์ที่เรามีอยู่นั้นจะให้ความคุ้มครองสำหรับความเสียหายจากน้ำท่วมรถ หรือกรณีรถจมน้ำได้มากน้อยเพียงใด บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเงื่อนไขการเคลมประกันรถยนต์ในสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมเจาะลึกถึงความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งมักให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด
ภาพรถเก๋งสีขาวถูกน้ำท่วมสูง แสดงถึงความเสี่ยงของรถจมน้ำ ประกันรถยนต์คุ้มครองอย่างไร
สาเหตุหลักของเหตุการณ์รถจมน้ำ
น้ำท่วมรถยนต์ หรือรถจมน้ำสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ปริมาณน้ำฝนสูงและเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้รถยนต์ต้องเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วม ดังนี้
รถจมน้ำจากอุบัติเหตุไม่คาดฝัน
เป็นกรณีที่พบเห็นได้จากข่าวสารบ่อยครั้ง เมื่อผู้ขับขี่ประสบเหตุไม่สามารถควบคุมรถได้ จนเป็นเหตุให้รถเสียหลักตกลงไปในแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำ คลอง หรือบ่อน้ำ เหตุการณ์เช่นนี้มักส่งผลให้รถจมมิดคัน และเกิดความเสียหายรุนแรงต่อระบบต่าง ๆ ของตัวรถ ทำให้เกิดคำถามว่าการเคลมประกันรถยนต์ในกรณีนี้จะทำได้อย่างไร
รถถูกน้ำท่วมขณะเดินทางหรือขับลุยน้ำ
อีกหนึ่งสถานการณ์ที่มักเกิดขึ้นในช่วงที่มีฝนตกหนักหรือเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทำให้น้ำท่วมถนนอย่างรวดเร็วและผู้ขับขี่ไม่สามารถนำรถหลบหนีได้ทัน บางกรณีอาจเกิดจากการตัดสินใจขับรถลุยน้ำท่วมขังโดยประมาท ซึ่งอาจทำให้น้ำทะลักเข้าสู่ห้องโดยสารและสร้างความเสียหายต่อเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าในรถ การจะเคลมประกันรถยนต์ในกรณีที่เกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือความประมาทนี้ มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป
รถจมน้ำจากน้ำท่วมขณะจอดอยู่ที่บ้านหรือที่พัก
ภัยธรรมชาติที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วขณะที่รถจอดอยู่ในบริเวณบ้านหรือที่พักอาศัย โดยที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถออกไปได้ทันท่วงที หากรถได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมบ้านนี้ ประกันภัยรถยนต์จะให้ความคุ้มครองหรือไม่ และต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองกรณีรถจมน้ำหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว การให้ความคุ้มครองสำหรับเหตุการณ์รถจมน้ำของบริษัทประกันภัยแต่ละแห่งอาจมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไป แต่หลักการพิจารณาเบื้องต้นมักเป็นไปตามประเภทของกรมธรรม์ประกันภัยที่คุณได้เลือกทำไว้
การเคลมประกันรถจมน้ำจากอุบัติเหตุตกน้ำ
สำหรับกรณีที่รถประสบอุบัติเหตุเสียหลักตกลงไปในแหล่งน้ำจนรถจม บริษัทประกันส่วนใหญ่พร้อมให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งให้ความคุ้มครองครอบคลุมความเสียหายต่อตัวรถยนต์จากอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม การชดเชยค่าสินไหมทดแทนจะขึ้นอยู่กับวงเงินทุนประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และอาจมีข้อยกเว้นสำหรับอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมที่ไม่ได้แจ้งไว้
การเคลมประกันน้ำท่วมรถขณะเดินทาง
ในกรณีที่รถถูกน้ำท่วมระหว่างการเดินทาง อันเกิดจากภัยธรรมชาติหรือเหตุสุดวิสัย หากคุณทำประกันรถยนต์ชั้น 1 บริษัทประกันมักให้ความคุ้มครองความเสียหายจากน้ำท่วมรถ การเคลม ประกันรถยนต์ประเภท 1 ในกรณีน้ำท่วมถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้เอาประกันอุ่นใจได้ แต่หากความเสียหายนั้นเกิดจากการที่คุณขับรถลุยน้ำท่วมสูงอย่างชัดเจนโดยเจตนาหรือประมาทเลินเล่อ ทั้งที่ทราบดีถึงความเสี่ยง บริษัทประกันอาจปฏิเสธการเคลมความเสียหายได้
การเคลมประกันรถถูกน้ำท่วมขณะจอดอยู่กับที่
หากรถยนต์ของคุณได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันขณะจอดอยู่ที่บ้าน ซึ่งเป็นเหตุที่เกิดจากภัยธรรมชาติและไม่สามารถป้องกันได้ทันท่วงที หากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ของคุณมีเงื่อนไขที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากน้ำท่วม (ซึ่งมักรวมอยู่ในประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือบางแผนที่มีการซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม) คุณสามารถยื่นเรื่อง เคลมประกัน เพื่อขอรับการซ่อมแซมหรือชดเชยค่าเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม หากเป็นกรณีที่มีการประกาศเตือนภัยแล้ว แต่ยังคงจอดรถทิ้งไว้ในพื้นที่เสี่ยงโดยประมาท อาจเป็นเหตุให้บริษัทประกันพิจารณาไม่รับเคลมได้เช่นกัน หลักการพิจารณาจะคล้ายคลึงกับกรณีน้ำท่วมขณะขับขี่ คือดูว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัยหรือความประมาทของผู้เอาประกันเอง
รถเสียหายหนักจนซ่อมไม่ได้ ประกันจะชดเชยอย่างไร?
เมื่อรถที่จมน้ำได้รับการกู้ขึ้นมาแล้ว บริษัทประกันจะเข้าทำการประเมินความเสียหาย เพื่อพิจารณาว่ารถอยู่ในสถานะ “ความเสียหายอย่างสิ้นเชิง” หรือ “เสียหายแต่ไม่สิ้นเชิง”
ความเสียหายอย่างสิ้นเชิง (Total Loss)
หมายถึงกรณีที่รถได้รับความเสียหายรุนแรงจนไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมแซม โดยทั่วไปบริษัทประกันจะพิจารณาจากค่าซ่อมที่คาดว่าจะเกินกว่า 70% ของวงเงินทุนประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ หากเข้าข่ายความเสียหายอย่างสิ้นเชิง บริษัทประกันภัยมีหน้าที่ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้แก่ผู้เอาประกันภัยเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ทำไว้ โดยจะจ่ายให้กับผู้รับผลประโยชน์ ในกรณีนี้ซากรถจะตกเป็นของบริษัทประกันภัย ยกเว้นแต่ว่าทุนประกันที่ทำไว้ต่ำกว่า 80% ของมูลค่ารถ ณ วันที่เกิดเหตุ ผู้เอาประกันอาจได้รับเงินคืนตามทุนประกันและยังคงเป็นเจ้าของซากรถ
ความเสียหายไม่สิ้นเชิง (Partial Loss)
คือกรณีที่รถได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมแต่ยังสามารถซ่อมแซมให้กลับคืนสภาพเดิมได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมไม่เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้สำหรับความเสียหายอย่างสิ้นเชิง ในกรณีนี้ บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบค่าซ่อมรถตามความเสียหายจริง แต่ไม่เกินวงเงินทุนประกันและความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โปรดทราบว่าอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ที่ติดตั้งเพิ่มเติมหลังจากทำประกันภัยแล้ว อาจอยู่นอกเหนือความคุ้มครอง
เหตุการณ์ รถจมน้ำ หรือ น้ำท่วมรถ เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก การมีแผนรองรับความเสี่ยงจึงเป็นเรื่องสำคัญ การพิจารณาเลือกซื้อ ประกันภัยรถยนต์ ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วม จะช่วยให้คุณคลายความกังวลใจได้มาก หากคุณกำลังมองหาความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ ลองศึกษาแผนประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุและเหตุการณ์ไม่คาดฝันจากภัยธรรมชาติ เพื่อให้คุณมั่นใจและอุ่นใจในทุกการเดินทาง
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ หรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการเคลมประกันรถยนต์ในกรณีต่าง ๆ สามารถศึกษาได้จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิ์และความคุ้มครองของคุณ
รถแต่ง ประกันคุ้มครองไหม? ไขข้อข้องใจเรื่องเบี้ยประกันสำหรับรถยนต์แต่ง
Next Postซ่อมห้าง vs ซ่อมอู่: เลือกแบบไหนดีสำหรับปร
