คนขับไม่ใช่เจ้าของรถ ประกันคุ้มครองหรือไม่? ทำความเข้าใจเงื่อนไขเพื่อเบี้ยประกันที่คุ้มค่า

June 14, 2025

ภาพประกอบอุบัติเหตุรถยนต์ แสดงสถานการณ์คนขับไม่ใช่เจ้าของรถ เพื่ออธิบายความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์

หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า หากผู้ขับขี่ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์ที่ทำประกันไว้ กรมธรรม์ประกันภัยจะยังให้ความคุ้มครองอยู่หรือไม่ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่พบบ่อยว่าเพียงแค่มีใบอนุญาตขับขี่ก็เพียงพอ แต่ในความเป็นจริง ความคุ้มครองจะขึ้นอยู่กับประเภทกรมธรรม์ที่คุณเลือกทำ และการทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้จะช่วยให้คุณเลือกแผนประกันที่เหมาะสมและอาจช่วยประหยัด [เบี้ยประกันภัยรถยนต์] ได้อีกด้วย

โดยทั่วไป การประกันภัยรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ตามการพิจารณาผู้ขับขี่ ได้แก่:

ทำความเข้าใจประเภทการคุ้มครองผู้ขับขี่ในกรมธรรม์

การประกันภัยแบบไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่: ใครขับก็ได้ความคุ้มครอง

นี่คือรูปแบบการประกันภัยแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมานานในประเทศไทย กรมธรรม์ประเภทนี้ให้ความคุ้มครองความรับผิดและความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดขึ้นในขณะที่บุคคลใดๆ ก็ตามกำลังขับขี่ โดยบุคคลนั้นต้องได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย ทั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขและข้อยกเว้นตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ถือเป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่น เหมาะสำหรับรถยนต์ที่มีผู้ใช้งานหลายคน

การประกันภัยแบบระบุชื่อผู้ขับขี่: ประหยัดเบี้ย แต่มีข้อจำกัด

ประกันภัยประเภทนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ผู้เอาประกันสามารถประหยัดค่าเบี้ยได้ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ จะให้ความคุ้มครองความรับผิดและความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดขึ้นเฉพาะในขณะที่บุคคลที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์เป็นผู้ขับขี่เท่านั้น ผู้เอาประกันสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ได้สูงสุด 2 คนในหนึ่งกรมธรรม์ การเลือกทำประกันแบบระบุชื่อมักจะได้รับส่วนลด [เบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1] หรือประเภทอื่นๆ เนื่องจากบริษัทประกันสามารถประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำขึ้น

ส่วนลดเบี้ยประกันภัยจากการระบุชื่อผู้ขับขี่ตามช่วงอายุ

การคำนวณเบี้ยประกันในกรมธรรม์แบบระบุชื่อผู้ขับขี่จะพิจารณาจากผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดเป็นหลัก โดยช่วงอายุของผู้ขับขี่ที่ระบุจะมีผลต่อส่วนลดเบี้ยประกันดังนี้:

อายุ 18-24 ปี ได้รับส่วนลด 5%
อายุ 25-35 ปี ได้รับส่วนลด 10%
อายุ 36-50 ปี ได้รับส่วนลด 15%
อายุเกิน 50 ปีขึ้นไป ได้รับส่วนลดสูงสุด 20%

หมายเหตุ: หากระบุผู้ขับขี่ 2 คน จะคำนวณส่วนลดจากผู้ขับขี่ที่อายุน้อยที่สุดหรืออยู่ในช่วงอายุที่มีส่วนลดน้อยที่สุด

รถประเภทใดบ้างที่สามารถทำประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ได้?

กรมธรรม์ประกันภัยแบบระบุชื่อผู้ขับขี่จำกัดเฉพาะรถยนต์ที่ใช้งานส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับรถยนต์รับจ้างสาธารณะ รถยนต์ที่ใช้เพื่อการพาณิชย์ หรือเพื่อการพาณิชย์พิเศษ ดังนั้น ประเภทรถที่สามารถทำประกันแบบนี้ได้จึงมีเพียง 3 ประเภท คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถยนต์โดยสารส่วนบุคคล, และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล การเลือกประเภทประกันควรพิจารณาจากการใช้งานจริงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเมื่อต้องเคลม

ความแตกต่างสำคัญ: ค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ระหว่างสองประเภท

จุดแตกต่างที่สำคัญระหว่างการประกันภัยแบบระบุชื่อและไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ คือเรื่องของ [ค่าเสียหายส่วนแรก] (Excess หรือ Deductible) ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ:

ประกันแบบไม่ระบุชื่อ: หากความเสียหายเกิดขึ้นในขณะที่บุคคลที่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันขับขี่ ผู้เอาประกันไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกใดๆ
ประกันแบบระบุชื่อ: หากความเสียหายเกิดขึ้นในขณะที่บุคคลที่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันขับขี่ แต่บุคคลนั้นไม่ใช่ชื่อที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกเองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ซึ่งโดยทั่วไปคือ 2,000 บาทแรกสำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก และ 6,000 บาทแรกสำหรับความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันเอาประกันภัยที่เกิดจากการชนหรือพลิกคว่ำ

ความแตกต่างนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา โดยเฉพาะหากรถของคุณมักถูกใช้งานโดยบุคคลอื่นที่ไม่ได้ระบุชื่อไว้

เลือกแบบไหนดี? พิจารณาจากพฤติกรรมการใช้งานรถ

การตัดสินใจเลือกระหว่างกรมธรรม์สองประเภทนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ของคุณบ่อยที่สุด หากมีผู้ขับขี่หลายคนและไม่ได้มีเพียง 1-2 คนที่ขับประจำ หรือรถถูกนำไปใช้โดยบุคคลอื่นบ่อยครั้ง การเลือกแบบ “ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่” อาจเหมาะสมกว่า แม้เบี้ยประกันจะสูงกว่าเล็กน้อย แต่ก็ตัดความกังวลเรื่องค่าเสียหายส่วนแรกเมื่อผู้ขับขี่ไม่ใช่ชื่อที่ระบุ

ในทางกลับกัน หากรถยนต์มีผู้ขับขี่หลักเพียง 1-2 คนที่ระบุชื่อได้ และมั่นใจว่าจะไม่มีผู้อื่นนำรถไปขับ การเลือกแบบ “ระบุชื่อผู้ขับขี่” จะช่วยประหยัดเบี้ยประกันได้อย่างมาก โดยเฉพาะหากผู้ขับขี่ที่ระบุมีอายุอยู่ในช่วงที่ได้รับส่วนลดสูง

การทำความเข้าใจเงื่อนไขเหล่านี้อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อหรือ [ต่อประกันรถยนต์] จะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการและคุ้มค่ากับเบี้ยประกันที่จ่ายไป

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทกรมธรรม์หรือเงื่อนไขความคุ้มครอง สามารถศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและครบถ้วน

เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและเลือกประกันภัยที่เหมาะสมกับรถและผู้ขับขี่ของคุณที่สุด ลอง [เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์] เพื่อเปรียบเทียบแผนประกันที่แตกต่างกันได้เลย

Previous Post