พ.ร.บ. รถยนต์ คืออะไร คุ้มครองแค่ไหน พร้อมขั้นตอนเคลมที่คุณต้องรู้
by admin

ทำความเข้าใจความคุ้มครองของ พ.ร.บ. รถยนต์ ประกันภาคบังคับ
พ.ร.บ. รถยนต์ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ ประกันภาคบังคับ เป็นประกันภัยที่กฎหมายกำหนดให้รถยนต์ทุกประเภทต้องมี เพื่อวัตถุประสงค์หลักคือการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที รวมถึงเป็นหลักประกันให้กับโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลว่าจะได้รับค่ารักษาพยาบาลด้วย การมี พ.ร.บ. จึงไม่ใช่เพียงแค่การทำตามกฎหมายเพื่อต่อภาษีรถยนต์ได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงและแบ่งเบาภาระหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
ทำความเข้าใจความคุ้มครองของ พ.ร.บ. รถยนต์ ประกันภาคบังคับ
พ.ร.บ. คุ้มครองอะไรบ้าง วงเงินเท่าไหร่?
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ. คือ ความคุ้มครองของ พ.ร.บ. เน้นเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ “บุคคล” ที่ประสบภัยจากรถเท่านั้น ไม่รวมถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินของรถยนต์คู่กรณี หรือความเสียหายอื่นๆ ที่ไม่ใช่การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของผู้ประสบภัย
ความคุ้มครองและวงเงินตามที่กฎหมายกำหนด มีดังนี้
- ค่ารักษาพยาบาลจากอาการบาดเจ็บ: จ่ายตามจริง ไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน
- กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง: จ่ายเป็นค่าสินไหมทดแทน 100,000 บาทต่อคน
- กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร: จ่ายเป็นค่าสินไหมทดแทน 100,000 บาทต่อคน
- กรณีสูญเสียอวัยวะ: มีวงเงินตามประเภทการสูญเสีย ตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาทต่อคน (เช่น สูญเสียนิ้ว สูญเสียแขน-ขา สูญเสียการมองเห็น ฯลฯ)
ค่าเสียหายเบื้องต้น: รับได้ทันทีโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกผิด
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ผู้ประสบภัยจะได้รับ “ค่าเสียหายเบื้องต้น” จาก พ.ร.บ. โดยยังไม่ต้องรอการพิสูจน์ว่าฝ่ายใดเป็นผู้ผิด ซึ่งวงเงินสำหรับค่าเสียหายเบื้องต้นมีดังนี้
- ค่ารักษาพยาบาล (กรณีบาดเจ็บ): จ่ายตามจริง ไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน
- ค่าปลงศพ (กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร): จ่ายจำนวน 35,000 บาทต่อคน
หากภายหลังการสอบสวนพบว่าผู้ประสบภัยเป็นฝ่ายถูก หรือเป็นฝ่ายที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายจากรถคันนั้น (เช่น เป็นผู้โดยสารในรถ หรือคู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูก) ก็จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมจนครบวงเงินความคุ้มครองสูงสุดตามที่กล่าวไว้ข้างต้น (โดยจะนำค่าเสียหายเบื้องต้นที่ได้รับไปแล้วมาหักออก)
ขั้นตอนการเคลม พ.ร.บ. เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
การขอรับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. สามารถทำได้ง่ายๆ โดยมีขั้นตอนและเอกสารที่ต้องเตรียม ดังนี้
- กรณีรักษาตัวที่โรงพยาบาล: แจ้งความจำนงค์ใช้สิทธิ พ.ร.บ. กับทางโรงพยาบาลได้ทันที โดยทั่วไปโรงพยาบาลส่วนใหญ่มีความเข้าใจในกระบวนการนี้และสามารถดำเนินการเบิกค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นจากบริษัทประกันภัยตาม พ.ร.บ. ได้โดยตรง
- กรณีสำรองจ่ายไปก่อน หรือไม่ได้รักษาตัวที่โรงพยาบาล: รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง และยื่นเรื่องเบิกค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัยที่รับทำ พ.ร.บ. รถคันที่ก่อให้เกิดเหตุ หรือรถที่เราโดยสาร (หากเราเป็นผู้ประสบภัย)
เอกสารที่ใช้ในการยื่นเคลม พ.ร.บ. (กรณีสำรองจ่ายหรือเบิกภายหลัง):
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือหลักฐานแสดงตัวตนของผู้ประสบภัย
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประสบภัย
- สำเนาบันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกิดเหตุ
- ใบเสร็จรับเงินต้นฉบับและหลักฐานการรักษาพยาบาลทั้งหมด (กรณีบาดเจ็บ)
- สำเนาใบมรณบัตร (กรณีเสียชีวิต) พร้อมเอกสารแสดงความเป็นทายาทโดยชอบธรรม
- สำเนาทะเบียนรถคันที่เกิดเหตุ
- สำเนาตารางกรมธรรม์ พ.ร.บ. ของรถคันที่เกิดเหตุ (ถ้ามี)
ข้อควรรู้: คุณต้องยื่นเอกสารขอเบิกค่าสินไหมทดแทนจาก พ.ร.บ. ภายในระยะเวลา 180 วัน นับตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ หากเกินกำหนด อาจหมดสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าสินไหม
พ.ร.บ. แตกต่างจากประกันภาคสมัครใจอย่างไร?
ดังที่ได้อธิบายไปแล้ว พ.ร.บ. คือ ประกันภาคบังคับที่เน้นคุ้มครอง “คน” เป็นหลักตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับสิทธิ์ขั้นพื้นฐานในการดูแลด้านการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ความคุ้มครองนี้ ไม่รวมถึงความเสียหายต่อทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ของเรา รถยนต์คู่กรณี หรือทรัพย์สินอื่นๆ ที่เสียหายจากอุบัติเหตุที่คุณเป็นฝ่ายผิด
ด้วยข้อจำกัดนี้ ผู้ใช้รถส่วนใหญ่จึงเลือกซื้อ ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ เพิ่มเติม เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมและเพียงพอต่อความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งประกันภาคสมัครใจมีให้เลือกหลายประเภท เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองสูง ครอบคลุมเกือบทุกกรณี หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 3 ที่เน้นคุ้มครองคู่กรณีทั้งบุคคลและทรัพย์สิน การทำประกันภาคสมัครใจควบคู่ไปกับการมี พ.ร.บ. จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงทางการเงิน และเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่ได้อย่างแท้จริง เปรียบเทียบประกันรถยนต์ประเภทต่างๆ เพื่อเลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับคุณ
ทำไม พ.ร.บ. จึงสำคัญและห้ามขาดต่อ?
การมี พ.ร.บ. ติดรถไว้เสมอ เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายและเป็นเงื่อนไขสำคัญในการ ต่อภาษีรถยนต์ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือการสร้างหลักประกันขั้นพื้นฐานให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน รวมถึงตัวคุณเองและครอบครัว หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น พ.ร.บ. จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้ประสบภัยจะได้รับการดูแลด้านชีวิตและร่างกายอย่างน้อยที่สุด ทำให้ทุกคนในสังคมสามารถใช้รถใช้ถนนร่วมกันได้อย่างปลอดภัยและอุ่นใจยิ่งขึ้น ศึกษาข้อมูล พ.ร.บ. เพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ คปภ.
แม้ พ.ร.บ. จะเป็นประกันภาคบังคับที่สำคัญ แต่เพื่อให้คุณและรถที่คุณรักได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ ครอบคลุมทั้งความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และคู่กรณี การพิจารณาเลือกซื้อประกันรถยนต์ภาคสมัครใจที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานและความเสี่ยงของคุณควบคู่ไปด้วย จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง ลองศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบตัวเลือกประกันรถยนต์ต่างๆ เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวลในทุกเส้นทาง
ประกันรถยนต์ระบุชื่อ vs ไม่ระบุชื่อ: เลือกแบบไหนถึงจะคุ้มค่ากับเบี้ยประกัน?
Next Postติดกล้องหน้ารถยนต์ ลดเบี้ยประกันภัยได้จริง พร้อมส่วนลดจาก คปภ.

Leave a Reply
Your email address will not be published. Required fields are marked *
Comment *