ประกันรถยนต์สำหรับผู้ขับแกร็บและรถรับจ้างผ่านแอป: คุ้มครองอย่างไร ต้องทำแบบไหนให้ถูกกฎหมาย?
ในยุคที่หลายคนมองหารายได้เสริม การนำรถยนต์ส่วนบุคคลคู่ใจมาขับให้บริการผ่านแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง Grab, Bolt หรือ Robinhood กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่คำถามสำคัญที่ตามมาคือ หากเกิดอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์ส่วนบุคคลที่เรามีอยู่จะให้ความคุ้มครองหรือไม่? การใช้รถในลักษณะนี้มีความแตกต่างจากการใช้ส่วนตัวอย่างไร และผู้ขับขี่ต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
การใช้รถส่วนบุคคลขับรับจ้าง ผิดกฎหมายหรือไม่?
ในอดีต การนำรถยนต์ป้ายขาวซึ่งจดทะเบียนเป็นรถส่วนบุคคลไปใช้รับจ้างสาธารณะถือเป็นการใช้รถผิดประเภทและผิดกฎหมายอย่างชัดเจน แต่ปัจจุบัน ด้วยการปรับปรุงกฎหมายครั้งสำคัญในปี พ.ศ. 2564 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้รถยนต์ส่วนบุคคลสามารถนำมาจดทะเบียนเพื่อใช้รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกในการประกอบอาชีพ และเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางสำหรับผู้ใช้บริการ อย่างไรก็ตาม การจะใช้รถส่วนบุคคลขับรับจ้างผ่านแอปได้อย่างถูกกฎหมาย จำเป็นต้องดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงประเภทรถให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
อุบัติเหตุเมื่อขับรถรับจ้างผ่านแอป: ประกันรถยนต์คุ้มครองแค่ไหน?
ประเด็นเรื่องความคุ้มครองจากประกันภัยรถยนต์เมื่อนำรถส่วนบุคคลไปใช้รับจ้างผ่านแอปเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการเคลมประกันหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น
ความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. รถยนต์
สิ่งแรกที่ต้องทราบคือ ไม่ว่ารถของคุณจะนำไปใช้งานในรูปแบบใด การมีประกันภัยภาคบังคับหรือ พ.ร.บ. รถยนต์ ถือเป็นสิ่งจำเป็นตามกฎหมายเสมอ และ พ.ร.บ. ยังคงให้ความคุ้มครองในส่วนของการบาดเจ็บทางร่างกายหรือชีวิตของทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และคู่กรณี ซึ่งรวมถึงค่ารักษาพยาบาล และค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิตหรือทุพลภาพ อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ. จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถหรือทรัพย์สินภายนอกรถ
ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ (ชั้น 1, ชั้น 2+, 3+ ฯลฯ)
นี่คือประเด็นสำคัญที่ผู้ขับรถรับจ้างผ่านแอปต้องทำความเข้าใจโดยละเอียด กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจส่วนใหญ่ที่ทำไว้สำหรับ “รถยนต์ส่วนบุคคล” จะระบุเงื่อนไขการใช้งานอย่างชัดเจน และการนำรถไปใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น การรับส่งผู้โดยสารโดยคิดค่าบริการ ถือเป็นการ “ใช้รถผิดประเภท” จากที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์
ผลคือ หากเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันภัยมีสิทธิ์ปฏิเสธความรับผิดชอบค่าซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของคุณเอง เนื่องจากถือว่าผู้เอาประกันได้ละเมิดเงื่อนไขการใช้รถตามที่ระบุในกรมธรรม์ แต่ในส่วนของความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (คู่กรณี หรือผู้โดยสารของคุณ) บริษัทประกันอาจยังคงพิจารณาให้ความคุ้มครองภายใต้เงื่อนไขบางประการตามที่กฎหมายกำหนด แม้จะไม่คุ้มครองตัวรถของคุณก็ตาม
รถเก๋งสีขาวติดสติกเกอร์รถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน กำลังจอดรอรับผู้โดยสารริมถนน เพื่อแสดงประเภทการใช้งาน
แอปพลิเคชันรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก
สำหรับผู้ที่ต้องการนำรถส่วนบุคคลมาใช้ขับรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน ต้องเลือกใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้สามารถดำเนินการจดทะเบียนได้อย่างถูกต้องและมั่นใจว่าเป็นบริการที่ถูกกฎหมาย ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันที่ผ่านการรับรองแล้วจำนวน 8 ราย ได้แก่ ฮัลโหลภูเก็ต เซอร์วิส (Hello Phuket Service), บอนกุ (Bonku), เอเชีย แค็บ (Asia Cab), โรบินฮู้ด (Robinhood), แกร็บ (Grab), แอร์เอเชียซูเปอร์แอป (Air Asia SuperApp), โบลท์ (Bolt) และ อินไดรฟ์ (InDrive) การเลือกใช้แอปที่ได้รับการรับรองเป็นขั้นตอนแรกสู่การขับรถรับจ้างผ่านแอปอย่างถูกกฎหมาย
ทำอย่างไรให้ได้รับความคุ้มครองประกันภัยอย่างเต็มที่และถูกต้องตามกฎหมาย?
เพื่อให้มั่นใจว่ารถของคุณจะได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่เมื่อนำไปใช้รับจ้าง และคุณสามารถขับขี่ได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาเคลมประกัน สิ่งสำคัญคือการดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายและการเลือกประเภทประกันภัยที่เหมาะสม
สำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านแอป (รถส่วนบุคคลดัดแปลง)
หากคุณต้องการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลขับรับจ้างผ่านแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรอง ขั้นตอนที่ถูกต้องคือการนำรถไปจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็น “รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์” กับ กรมการขนส่งทางบก เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนและผ่านการตรวจสภาพเรียบร้อย คุณจะได้รับสติกเกอร์สำหรับติดแสดงว่าเป็นรถรับจ้างผ่านแอปที่ถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันการใช้รถอย่างถูกต้อง
หลังจากจดทะเบียนเรียบร้อย การทำประกันภัยรถยนต์ที่คุณต้องเลือกคือ “ประกันภัยรถยนต์สาธารณะ” หรือ “ประกันรถยนต์รับจ้าง” ซึ่งออกแบบมาเพื่อคุ้มครองรถยนต์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ กรมธรรม์ประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมความเสียหายต่อตัวรถของคุณเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในขณะที่คุณกำลังให้บริการรับจ้าง ซึ่งประกันรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไปไม่คุ้มครอง การเลือกซื้อประกันภัยที่ตรงตามลักษณะการใช้งานคือหัวใจสำคัญเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองสูงสุด
สำหรับรถแท็กซี่ทั่วไป
สำหรับผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่เต็มตัว จะต้องดำเนินการจดทะเบียนเป็นรถแท็กซี่สาธารณะ (ป้ายเหลือง) และเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์สาธารณะที่เหมาะสมเช่นกัน เพื่อให้การใช้รถและการคุ้มครองเป็นไปอย่างถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมาย
สรุปคือ การใช้รถยนต์ส่วนบุคคลขับรับจ้างผ่านแอปเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว แต่ต้องดำเนินการจดทะเบียนและที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเปลี่ยนมาใช้ ประกันรถยนต์รับจ้าง หรือ ประกันภัยรถยนต์สาธารณะ แทน ประกันรถยนต์ส่วนบุคคล เดิม เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมการใช้งานในเชิงพาณิชย์อย่างแท้จริง ทั้งในส่วนของตัวรถและคู่กรณี
การลงทุนในประกันภัยที่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินในกรณีเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้อย่างมหาศาล อย่าปล่อยให้ความไม่รู้ทำให้คุณต้องแบกรับภาระหนัก เพียงศึกษาข้อมูลและเลือกประเภทประกันภัยที่เหมาะสมกับการใช้งานรถของคุณ เพียงเท่านี้ก็สามารถขับขี่สร้างรายได้อย่างมั่นใจและอุ่นใจในทุกเส้นทาง ลอง เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ที่เหมาะกับการใช้งานเชิงพาณิชย์ หรือติดต่อบริษัทประกันเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้เลย.
