ประกันภัยรถยนต์: เลือกคุ้มครองอย่างไรให้ครอบคลุม ทั้ง พรบ. และภาคสมัครใจ

June 17, 2025

การใช้ชีวิตบนท้องถนนในปัจจุบันมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา ดังนั้น การมีประกันภัยรถยนต์จึงไม่ใช่เพียงแค่ข้อบังคับทางกฎหมาย แต่ยังเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อสร้างความอุ่นใจและช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงินเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ระบบประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทยแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ ประกันภัยภาคบังคับ และ ประกันภัยภาคสมัครใจ ซึ่งทั้งสองประเภทมีความสำคัญและให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกัน

ความจำเป็นของประกันภัยรถยนต์: ทำไมต้องมี?

อุบัติเหตุทางรถยนต์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่เอง หรือคู่กรณี รวมถึงปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุมักนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ หรือแม้แต่ค่าชดเชยความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน การมีประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ และทำให้คุณไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงทางการเงินเพียงลำพัง การทำความเข้าใจประเภทของประกันภัยรถยนต์และขอบเขตความคุ้มครองจึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการเลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ

ประกันภัยภาคบังคับ (พรบ. รถยนต์): ความคุ้มครองขั้นพื้นฐานตามกฎหมาย

ประกันภัยภาคบังคับ หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ “พรบ. รถยนต์” ย่อมาจาก พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดให้รถยนต์ทุกคันที่จดทะเบียนจะต้องทำประกันภัยประเภทนี้ กฎหมายฉบับนี้มีเจตนารมณ์หลักเพื่อคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุที่เกิดจากรถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือแม้แต่คนเดินถนนที่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิด พรบ. จะให้ความคุ้มครองในส่วนของความเสียหายต่อร่างกายและชีวิต เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพ หรือค่าสินไหมทดแทนกรณีทุพพลภาพถาวร โดยมีวงเงินขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดไว้ การไม่ทำ พรบ. ถือเป็นความผิดทางกฎหมายและมีบทลงโทษปรับ การเลือก ซื้อพรบ. รถยนต์ กับบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือและมีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมจะช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานหากเกิดเหตุ แม้ว่าความคุ้มครองของ พรบ. จะเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกบริษัท แต่การบริการและกระบวนการเคลมอาจแตกต่างกันไป

การมี พรบ. รถยนต์ เป็นข้อบังคับตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

ปัญหาหนึ่งที่มักเกิดขึ้นคือ การซื้อ พรบ. ในราคาที่ถูกมากๆ โดยไม่คำนึงถึงบริษัทที่ให้บริการ ซึ่งอาจนำไปสู่ความยุ่งยากในการเคลม เนื่องจากผู้ประสบภัยหรือผู้เอาประกันจะต้องดำเนินการยื่นเอกสารและติดต่อกับบริษัทประกันด้วยตนเองทั้งหมด ตั้งแต่การรวบรวมหลักฐาน ใบแจ้งความ ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล และเอกสารอื่นๆ การเลือกบริษัทที่มีความมั่นคงและบริการที่ดีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ พรบ.

ประกันภัยภาคสมัครใจ: ตัวเลือกเพื่อความคุ้มครองที่เหนือกว่า

นอกเหนือจากประกันภัยภาคบังคับ ยังมี ประกันภัยภาคสมัครใจ ซึ่งเป็นการทำประกันตามความสมัครใจของเจ้าของรถ ไม่ได้มีข้อบังคับทางกฎหมาย ประกันประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า พรบ. เป็นอย่างมาก โดยความคุ้มครองจะแตกต่างกันไปตามประเภทของประกันภาคสมัครใจ เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งให้ความคุ้มครองสูงสุด ทั้งความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันเอง แม้ไม่มีคู่กรณี ความเสียหายต่อรถยนต์ของคู่กรณี ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกและผู้โดยสารในรถคันเอาประกัน รวมถึงความคุ้มครองในกรณีรถหาย ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม

ประกันภาคสมัครใจให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมความเสียหายของตัวรถและคู่กรณี

ประกันภาคสมัครใจมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิดและก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน วงเงินความคุ้มครองจาก พรบ. อาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด วงเงินความคุ้มครองจากประกันภาคสมัครใจจะเข้ามาเสริมในส่วนที่เกินความคุ้มครองของ พรบ. ช่วยให้คุณไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนต่างจำนวนมหาศาล

ประสานพลังคุ้มครอง: ทำประกัน พรบ. และภาคสมัครใจไปพร้อมกัน

การทำประกันภัยรถยนต์ทั้งสองประเภทควบคู่กันไป ทั้ง พรบ. และ ภาคสมัครใจ เป็นแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่สมบูรณ์แบบ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือการเลือกทำประกันทั้งสองประเภทกับ บริษัทประกันภัยเดียวกัน

การทำประกันภัยทั้งสองประเภทกับบริษัทเดียวกัน ช่วยให้การเคลมประกันง่ายขึ้น

ข้อดีของการทำประกัน พรบ. และประกันภาคสมัครใจไว้ในบริษัทเดียวกันคือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ การประสานงาน การยื่นเอกสาร และการเคลมประกันจะเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วกว่ามาก คุณไม่ต้องติดต่อบริษัทประกันสองแห่งเพื่อจัดการเรื่องเดียวกัน ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากและประหยัดเวลาได้อย่างมหาศาล บริษัทประกันแห่งเดียวจะดูแลการเคลมทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้กระบวนการต่างๆ ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากกว่า เลือกบริษัทประกันที่มั่นคง มีชื่อเสียง และให้บริการหลังการขายที่ดี เพื่อความสะดวกสบายและความมั่นใจสูงสุด

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทประกันภัยรถยนต์ต่างๆ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คุณสามารถอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลธุรกิจประกันภัย

การเลือกแผน ประกันภัยรถยนต์ ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกที่คุ้มค่าและครอบคลุม ลอง เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์ วันนี้ เพื่อค้นพบข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

Previous Post