รีวิว OMODA C5 EV ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าน้องใหม่ ก่อนขายไทยกลางปีนี้

สัมผัสแรก OMODA C5 EV ครอสโอเวอร์ไฟฟ้า 100% สเปคไทย Pre Production พร้อมขายกลางปี 2567

โดย M O N S T E R2 ปีที่แล้ว1.6kผู้อ่าน

17shares
Facebook
Line
Twitter

รถยนต์ไฟฟ้าจีนครองตลาด คำพูดนี้คงไม่เกินจริง!! เพราะล่าสุดอีกหนึ่งค่ายใหญ่จากเมืองจีน Chery เตรียมที่จะส่งแบรนด์ OMODA ลุยตลาดประเทศไทยในปี 2567 โดยจะประเดิมตลาดด้วย SUV ไฟฟ้า OMODA C5 EV ซึ่งวันนี้ทีมงาน Autostation.com มีโอกาสได้ไปทดลองขับมาแล้ว

สำหรับ OMODA C5 EV ที่เราได้ทำการทดสอบขับครั้งนี้ เป็นสเปคที่จะขายไทย (พวงมาลัยขวา) แต่ยังคงเป็นเวอร์ชั่น Pre Production อยู่ ซึ่งจะนำข้อมูล และคำติชมต่างๆ จากการทดสอบในครั้งนี้กลับไปพัฒนาออกมาเป็นเวอร์ชั่นจำหน่ายจริง ที่คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในช่วงกลางปีนี้

โดย OMODA C5 EV เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ไซส์ B-SUV ซึ่งจะเข้ามาเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ BYD ATTO 3, BYD Dolphin, ORA Good Cat, DEEPAL S07, MG ZS EV, NETA V และ AION Y Plus

ซึ่งคู่แข่งทั้งหมดในกลุ่มนี้ ล้วนแต่เป็นเพื่อนบ้านจากแผ่นดินใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งทุกแบรนด์ต่างก็เร่งสร้างโรงงาน และเลือกไทยเป็นศูนย์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เราคงได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ดังกล่าวในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และคำพูดที่ว่า รถยนต์ไฟฟ้าจีนครองตลาด คงไม่เกินความจริง

แต่กว่าจะถึงวันนั้น เรามาว่ากันที่สมรรถนะการขับขี่ของน้องใหม่ OMODA C5 EV กันก่อนดีกว่า สำหรับรูปลักษณ์ดีไซน์ จุดนี้ขอไม่ลงรายละเอียดมากนัก เพราะทุกคนคงเคยได้เห็นจากหลายๆ คอนเทนท์ที่เราได้อัปเดตข่าวสารไปเยอะแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก็คือในเรื่องของมิติตัวถัง

มิติตัวถัง OMODA C5 EV

ความยาว : 4,400 มม.
ความกว้าง : 1,824 มม.
ความสูง : 1,588 มม.
ระยะฐานล้อ : 2,630 มม.
ระยะต่ำสุดจากพื้น : 165 มม.

จากสเปคมิติตัวถังดังกล่าว ต้องบอกว่ามีขนาดใกล้เคียงกับ BYD ATTO 3 แต่จุดสังเกตุสำคัญคือระยะต่ำสุดจากพื้นที่มีเพียง 165 มม. ซึ่งจัดเป็นรถ SUV ที่ใต้ท้องรถไม่สูงมากนัก แต่ทาง OMODA ยืนยันว่า มีการ์ดป้องกันชุดแบตเตอรี่ใต้ท้อง และสามารถลุยน้ำได้พอประมาณ ไม่ต้องเป็นกังวล

สมรรถนะพอใช้ได้ แต่ยังไม่สุด

OMODA C5 EV มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตัน-เมตร มอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 7.8 วินาที แบตเตอรี่แบบ LFP ขนาด 61kWh สามารถขับได้ไกล 460 กม./การชาร์จ (NEDC)

ในเรื่องของการชาร์จไฟ รองรับทั้งระบบ AC และ DC โดยสามารถชาร์จไฟกระแสสลับ AC ได้ที่ 0-100% ในเวลา 6-7 ชม. ส่วนการชาร์จกระแสตรง DC จาก 30-80% ได้ใน 30 นาที (รองรับ DC สูงสุด 110kw)

ระบบความปลอดภัย Best in Class

กล้องแสดงภาพแบบ 540 องศา
ระบบเตือนการออกนอกเลน LDW
ระบบจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอก (V2L) ขนาด 3.3 กิโลวัตต์
ระบบป้องกันการออกนอกเลน LDP
ระบบตรวจสอบจุดอับสายตา BSD
ระบบช่วยเหลือเพื่อเปลี่ยนเลน LCA
ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA
ระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง RCTB
ระบบควบคุมรถเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุIES
ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW
ระบบเตือนการชนด้านหลัง RCW
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ MCB
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB
ระบบช่วยเบรก BAS
ระบบเตือนเมื่อเปิดประตู DOW
ระบบลดกำลังขับเคลื่อนเพื่อช่วยเบรก BOS
ระบบตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ DMS
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ELK
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
ระบบแจ้งเตือนการออกตัว
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว RSC
ระบบป้องกันรถไหลเมื่อขึ้นทางลาดชัน HAC
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC
ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC
ระบบรักษารถให้อยู่กลางเลน ICA
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ในสภาพความเร็วต่ำ TJA

สัมผัสแรกถือว่าดี แต่ยังมีจุดตรงแก้ไข

สำหรับสมรรถนะการขับขี่ของ OMODA C5 EV ต้องบอกว่า พัฒนาออกมาได้ดีตามมาตรฐาน ในเรื่องของอัตราเร่ง และการตอบสนองของคันเร่งจี๊ดจ๊าดตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้าไซส์ Compact ซึ่งมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 โหมด ได้แก่ ECO / Normal / Sport โดยการขับขี่ด้วยโหมด Sport นอกเหนือจะการปรับอัตราทดพวงมาลัยให้หนืดขึ้น และคันเร่งไฟฟ้าที่เหยียบได้ติดเท้าขึ้นแล้ว ในส่วนของแป้นเบรก ยังมีการปรับน้ำหนักให้เบรกได้ตื้นขึ้น เพื่อรองรับกับการขับขี่ความเร็วสูงอีกด้วย ซึ่งโดยภาพรวมต้องบอกว่าสมรรถนะในด้านพละกำลังไม่ขี้เหร่ ขับสนุกไม่แพ้เพื่อนๆ ในกลุ่ม

แต่จุดที่อยากให้อัปเกรดเพิ่มเติมในเวอร์ชั่นจำหน่ายจริง ก็คือ ระยะทางในการขับขี่ ซึ่งเชื่อว่าจุดนี้หลายๆ คนที่กำลังตัดสินใจ ก็คงคิดเหมือนกัน ในเมื่อจะออกมาทำตลาดหลังคู่แข่งทั้งที ทำไมไม่อัปเกรดระยะทางในการขับให้มันเหนือกว่า เพราะ OMODA C5 EV สามารถขับได้ 460 กม./การชาร์จ แต่ BYD ATTO 3 ที่ขายมาสักระยะแล้วขับได้ 480 กม./การชาร์จ ซึ่งจุดนี้หาก OMODA อยากแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ตัวรถควรขับได้เกิน 500 กม./การชาร์จ ถึงจะน่าสนใจ

ในส่วนของช่วงล่าง ทาง OMODA เซ็ทเอาไว้ในเกณฑ์สปอร์ต แต่ยังไม่ถึงขั้น Performance ซึ่งก็จะเป็นรถที่ถูกจริตวัยรุ่นจนถึงวัยทำงานซะเป็นส่วนใหญ่ Handling ในการควบคุมรถเฉียบคม อาการโคลงเคลงแทบไม่มีให้ได้รู้สึก ช่วงล่างแน่น และเฟิร์มใช้ได้

แต่น้ำหนักพวงมาลัย จุดนี้ควรปรับปรุงสักหน่อย เพราะถ้าคุณขับด้วยโหมด Normal หรือ ECO คุณสามารถใช้นิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวเลี้ยวได้เลย ซึ่งตรงนี้ถือว่ามันเบาจนโหวงเหวงไปหน่อย อันตรายหากขับด้วยความเร็ว ควรปรับให้หนืด และหนักขึ้นอีกสักนิดจะลงตัว

บทสรุป

การทดลองขับครั้งนี้ เป็นเพียงการได้สัมผัสกับ OMODA C5 EV ช่วงสั้นๆ ในสนามทดสอบ ซึ่งก็คงเจาะลึก หรืออธิบายรายละเอียดอะไรไม่ได้มากความ แต่โดยภาพรวมก็ต้องบอกว่าสูสีกับคู่แข่งในตลาดที่ขายอยู่ แต่ถ้าอยากจะเป็น No.1 คงต้องกลับไปทำการบ้าน ใส่อ็อพชั่น ขยับสเปค โดยเฉพาะในเรื่องของระยะทางให้อยู่ในเกณฑ์ 500 กม./การชาร์จขึ้นไปให้ได้ หรือไม่อย่างนั้น ก็ต้องเปิดตัวมาในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง (ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก) เพราะตอนนี้คู่แข่งเริ่มที่จะประกอบในประเทศไทยหมดแล้ว เดี๊ยวราคาคงลดลงมาอีกเหมือนเจ้าแมว ORA Good Cat (รุ่นประกอบไทย)

ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็คงต้องอดใจรอกันอีกสักพัก ให้ OMODA ได้ส่งข้อมูลไปยังศูนย์ใหญ่ประเทศจีน ว่าลูกค้าชาวไทยอยากได้อ็อพชั่น หรือสเปคอะไรเพิ่มเติม และคาดว่าเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงจะมีอะไรที่อัปเกรดมามากกว่านี้

17shares
Facebook
Line
Twitter

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับเรา

Autostation.com ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในโลกอุตสาหกรรมยานยนต์ของผู้อ่านทุกคน มีอะไรติดตามพวกเราได้ทางช่องทางหลากหลายด้านบน สามารถพูดคุย ติชม และให้กำลังใจทีมงานได้ตลอดเวลา