[ครบชุด] XU11217 ลูกเขยแบบนี้พ่อไม่ชอบ วัดใจ ชาแนล

JY AIR 2025: ปฏิวัติการเดินทางด้วยซีดานไฟฟ้าพรีเมียม สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับจากท้องฟ้าสู่ท้องถนน

โลกยานยนต์ไฟฟ้ากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและความคาดหวัง และในปี 2025 นี้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยก็พร้อมต้อนรับผู้เล่นหน้าใหม่ที่พร้อมจะยกระดับมาตรฐานการเดินทาง นั่นคือ “JY AIR” ซีดานไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรกจาก JuneYao Auto (ประเทศไทย) บริษัทในเครือ JuneYao Group ผู้เป็นเจ้าของสายการบิน JuneYao Airlines ที่ขึ้นชื่อเรื่องการบริการระดับ First Class การมาถึงของ JY AIR ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มทางเลือกในตลาด แต่เป็นการนำเสนอปรัชญาใหม่ของการเดินทาง ที่ผสานความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับความหรูหราสะดวกสบายในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เราได้รับโอกาสพิเศษในการสัมผัสและทดลองขับ JY AIR บนเส้นทางกรุงเทพฯ – พัทยา – กรุงเทพฯ ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร เพื่อไขความจริงว่าซีดานไฟฟ้าคันนี้จะสามารถส่งมอบประสบการณ์ “เหนือจินตนาการ” ได้ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่

จากประสบการณ์การบิน สู่สุนทรียภาพแห่งการขับขี่

JuneYao Group ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่มีรากฐานมาจากธุรกิจสายการบินที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริการระดับ First Class แนวคิดนี้ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนารถยนต์ JY AIR อย่างชัดเจน ภายใต้ปรัชญา “First Class on Wheels” หรือ “ห้องโดยสารชั้นหนึ่งบนท้องถนน” ทุกรายละเอียดตั้งแต่การออกแบบภายนอกไปจนถึงฟังก์ชันการใช้งานภายใน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะมอบความสะดวกสบาย ความเงียบสงบ และเทคโนโลยีที่เหนือกว่า เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกราวกับกำลังเดินทางในห้องโดยสารชั้นนำของสายการบิน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานับทศวรรษในอุตสาหกรรมการบริการระดับพรีเมียม ทำให้ JuneYao Auto เข้าใจถึงแก่นแท้ของความหรูหราและประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย ปี 2025 กำลังมองหา

การเข้าสู่ตลาดประเทศไทยของ JY AIR ในปี 2025 นี้ ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคมีความตื่นตัวและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จและการบริการมีความพร้อมมากกว่าที่เคย JY AIR จึงไม่ได้มาเพื่อแข่งขันด้วยราคาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเข้ามาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มรถยนต์ซีดานไฟฟ้าพรีเมียม ด้วยจุดเด่นที่แตกต่างและชัดเจน

การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอากาศยาน: Aerodynamics และความงดงามที่ลงตัว

สิ่งแรกที่สะดุดตาเมื่อได้เห็น JY AIR คือการออกแบบที่ล้ำสมัยและโดดเด่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากอากาศยานอย่างแท้จริง แนวคิด “ONE BOX” ถูกนำมาใช้เพื่อเน้นความกว้างขวางและสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ในขณะที่ยังคงรักษาเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและสง่างาม ภายใต้หลักแอโรไดนามิกส์ขั้นสูง ตัวรถได้รับการออกแบบให้ต้านทานลมน้อยที่สุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นช่องดักอากาศบริเวณกันชนหน้า มุมกันชนหน้าที่ถูกปรับแต่งให้เข้ากับสปอยเลอร์ฝากระโปรง และการจัดการกระแสลมใต้ท้องรถ ล้วนเป็นผลลัพธ์ของการวิจัยและพัฒนาอย่างพิถีพิถัน เพื่อลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ (Drag Coefficient) ให้อยู่ในระดับต่ำสุดเพียง 0.23 cd ซึ่งจัดว่ายอดเยี่ยมในรถยนต์ซีดานขนาดกลาง ทำให้ JY AIR สามารถทะยานไปข้างหน้าได้อย่างนุ่มนวลและประหยัดพลังงานสูงสุด นอกจากนี้ ล้ออัลลอยดีไซน์แบบ Turbo Fan ไม่เพียงเพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยในการระบายความร้อนและลดการไหลเวียนของอากาศที่ไม่จำเป็น เพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของตัวรถอีกด้วย

การออกแบบนี้ไม่ได้เป็นเพียงความสวยงามทางสายตาเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์การขับขี่ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการมานานกว่าทศวรรษ ผมมองว่าการให้ความสำคัญกับหลักอากาศพลศาสตร์ในรถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะมันไม่เพียงช่วยเพิ่มระยะทางขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แต่ยังช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ทำให้ห้องโดยสารเงียบสงบยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างบรรยากาศ “First Class” ให้เกิดขึ้นจริง

ขุมพลังและสมรรถนะ: ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าความคาดหมาย

JY AIR มีให้เลือกสองรุ่นหลัก ได้แก่ รุ่น Standard และรุ่น Plus ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน

JY AIR รุ่น Standard: มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 51 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ให้พละกำลังสูงสุด 201 แรงม้า (150 kW) สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 430 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
JY AIR รุ่น Plus: ยกระดับความจุแบตเตอรี่เป็น 64 กิโลวัตต์/ชั่วโมง มอบพละกำลังสูงสุด 214 แรงม้า (160 kW) และเพิ่มระยะทางวิ่งสูงสุดเป็น 520 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

ทั้งสองรุ่นขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ซึ่งเป็นที่นิยมในรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการสมรรถนะและการควบคุมที่ดีเยี่ยม สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 7.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 170 กม./ชม. ตัวเลขเหล่านี้เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะไกลบนทางหลวงในประเทศไทยได้อย่างสบายๆ อัตราเร่งแบบทันใจของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นจุดเด่นที่ JY AIR ทำได้ดี ไม่มีอาการรอรอบ ทำให้การเร่งแซงเป็นไปอย่างมั่นใจและปลอดภัย

ด้านการชาร์จพลังงาน JY AIR ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน
JY AIR รุ่น Standard: รองรับการชาร์จเร็วแบบ DC ด้วยกำลังไฟสูงสุด 70 กิโลวัตต์ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการชาร์จจาก 30% ถึง 80%
JY AIR รุ่น Plus: ยกระดับการชาร์จเร็วแบบ DC ด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 90 กิโลวัตต์ และใช้เวลาเพียงประมาณ 21 นาที ในการชาร์จจาก 30% ถึง 80%

ความเร็วในการชาร์จนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญในปี 2025 ที่สถานีชาร์จสาธารณะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก การที่รถสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทาง (Range Anxiety) และเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกลได้อย่างแท้จริง ทำให้การวางแผนการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้ามีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น

ห้องโดยสาร: ที่สุดของความหรูหราและความสะดวกสบาย

ภายในห้องโดยสารของ JY AIR คือจุดที่ปรัชญา “First Class on Wheels” เปล่งประกายอย่างแท้จริง การตกแต่งที่ประณีตและการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง อาทิ หนังสังเคราะห์ระดับพรีเมียม ลวดลายตกแต่งที่ทันสมัย และการประกอบที่ไร้ที่ติ สร้างบรรยากาศที่หรูหราและผ่อนคลาย การออกแบบภายนอกที่เน้นหลักอากาศพลศาสตร์ไม่เพียงช่วยเรื่องประสิทธิภาพ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ห้องโดยสารเงียบสงบราวกับอยู่ในโลกส่วนตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะหาได้ในรถยนต์ระดับราคาเดียวกัน

ออปชั่นมาตรฐานที่มอบความสะดวกสบายก็จัดเต็มเช่นกัน:
หน้าจอแสดงผลขนาด 8.8 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่ที่ให้ข้อมูลสำคัญได้อย่างชัดเจน
หน้าจอ Intelligent Display ขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมทุกฟังก์ชัน รองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth รวมถึงบริการแอปพลิเคชันบนมือถือ ทำให้คุณสามารถเข้าถึงความบันเทิงและข้อมูลต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
หลังคาพาโนรามาขนาดใหญ่ถึง 2.072 ตร.ม. (สำหรับ JY AIR รุ่น Plus) ช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย และเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางให้ไม่เหมือนใคร
ห้องเก็บสัมภาระขนาด 420 ลิตร ที่สามารถปรับเพิ่มเป็น 1,338 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง มอบความอเนกประสงค์สำหรับการเดินทางพร้อมสัมภาระจำนวนมาก หรือแม้กระทั่งการขนย้ายสิ่งของชิ้นใหญ่

เบาะนั่งด้านหน้าได้รับการออกแบบให้มีขนาดใหญ่ รองรับสรีระได้ดีเยี่ยม ให้ความสบายในการขับขี่ระยะไกล ในส่วนของเบาะหลัง แม้การทดสอบครั้งนี้จะพบว่าตำแหน่งของเบาะค่อนข้างชันเล็กน้อย ซึ่งอาจส่งผลต่อความเมื่อยล้าในการเดินทางที่ยาวนานเป็นพิเศษ แต่สำหรับระยะทางทั่วไปหรือการใช้งานในเมือง ยังคงให้ความสะดวกสบายในระดับที่น่าพึงพอใจ

สัมผัสประสบการณ์จริง: บนเส้นทางกรุงเทพฯ – พัทยา

การทดสอบขับขี่จาก Parc Bangna สู่พัทยา และเดินทางกลับกรุงเทพฯ รวมระยะทางประมาณ 300 กม. เป็นการพิสูจน์สมรรถนะของ JY AIR ในสภาพถนนและการจราจรที่หลากหลาย

การขับขี่ในเมือง: ในฐานะซีดาน JY AIR ให้ความคล่องตัวที่น่าประทับใจ ด้วยขนาดที่พอเหมาะและการมองเห็นที่ชัดเจนจากกระจกบังลมบานใหญ่ ช่วยลดจุดอับสายตา การควบคุมรถเป็นไปอย่างง่ายดาย ระบบไฟฟ้าภายในรถได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย ทุกอย่างถูกควบคุมผ่านหน้าจอหลัก เน้นความเรียบหรูและมินิมอล ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้าปี 2025

การขับขี่บนทางหลวง: อัตราเร่งของ JY AIR เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเร่งแซงหรือรักษาระดับความเร็วสูงบนทางด่วน ก็สามารถทำได้อย่างราบรื่นและมั่นใจ การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้ดีเยี่ยม เสียงลมปะทะตัวรถแทบไม่ได้ยิน ทำให้การสนทนาหรือการฟังเพลงเป็นไปอย่างเพลิดเพลิน อย่างไรก็ตาม มีเสียงยางและเสียงจากพื้นถนนบางส่วนเล็ดลอดเข้ามาบ้างเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่พบได้ในรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น แต่โดยรวมแล้วยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้และไม่รบกวนประสบการณ์โดยสารมากนัก

ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ (ADAS Level 2+): นี่คืออีกหนึ่งจุดแข็งของ JY AIR ระบบ Advanced Driving Assistant System Level 2+ ทำงานได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวลอย่างน่าประทับใจ ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับระยะห่างจากรถคันหน้า (Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยจอด, ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบควบคุมการเปลี่ยนเลน ล้วนทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือ ไม่มีการเบรกกะทันหันหรือออกตัวแรงเกินไปเมื่อมีรถตัดหน้าหรือถนนโล่งดังที่อาจเคยพบในรถยนต์จากบางค่าย การทำงานของ ADAS ใน JY AIR ให้ความรู้สึกเหมือนมีผู้ช่วยขับขี่ที่เชี่ยวชาญ คอยประคองและดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ทำให้การเดินทางไกลเป็นเรื่องที่ผ่อนคลายและลดความเมื่อยล้าได้อย่างแท้จริง ถือเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ล้ำสมัยซึ่งผู้บริโภคในปี 2025 คาดหวัง

ช่วงล่างและการควบคุม: ช่วงล่างของ JY AIR ออกแนว “นุ่มนวลแบบรถจีน” แต่ยังคงให้ความมั่นใจเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนทางหลวง สามารถดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ผู้โดยสารไม่รู้สึกเวียนหัวหรือโคลงเคลงมากเกินไป เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความนุ่มสบายและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม เหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทย

อัตราสิ้นเปลืองพลังงาน: จากการทดสอบที่เน้นการขับขี่แบบปกติ ไม่ได้เน้นการประหยัดเป็นพิเศษ โดยมีการขับเร็วบ้าง ช้าบ้าง ตามสภาพการจราจร อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยที่ได้คือ 18.5 kWh/100km ซึ่งหากขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ประมาณ 110 กม./ชม. ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 18-19 kWh/100km หากต้องการให้ประหยัดพลังงานสูงสุด ควรขับขี่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 100 กม./ชม. เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดปี 2025 อาจถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไปจนถึงค่อนข้างสูงเล็กน้อยในแง่ของตัวเลข แต่หากพิจารณาถึงสมรรถนะ ขนาดรถ และความสะดวกสบายที่ได้รับ ถือเป็นอัตราสิ้นเปลืองที่สมเหตุสมผลและยอมรับได้

มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด: มั่นใจในทุกการเดินทาง

JY AIR สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SKY EV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับห้าดาวที่รองรับการพัฒนารถยนต์หลากหลายประเภท และเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในอนาคต ตัวถังได้รับการออกแบบและทดสอบเพื่อให้ผ่านมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากทั้ง CNCAP และ Euro NCAP ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งและความปลอดภัยสูงสุดของโครงสร้างรถ

นอกจากความปลอดภัยเชิงรับแล้ว ระบบความปลอดภัยเชิงรุกก็เป็นหัวใจสำคัญ ด้วยเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ Advanced Driving Assistant System Level 2+ ที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับระยะห่าง, ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ, ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบควบคุมการเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ ทุกฟีเจอร์เหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารในทุกสถานการณ์การขับขี่ ระบบความปลอดภัยที่ครบครันและได้รับการรับรองระดับสากลนี้ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรกในปี 2025 ได้เป็นอย่างดี

ราคาและการเป็นเจ้าของ: ทางเลือกที่น่าสนใจในตลาด EV 2025

JY AIR มีตัวเลือกสีภายนอก 4 สี ได้แก่ สีขาว Moon White, สีฟ้า Meteorite Blue, สีเขียว Aurora Green และ สีดำ Galactic Black ซึ่งเป็นสีที่ทันสมัยและสะท้อนความหรูหราได้อย่างลงตัว ในส่วนของราคาที่เปิดตัวมานั้นถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ JY AIR น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าซีดานปี 2025:

JY AIR รุ่น Standard: ราคาเริ่มต้น 759,000 บาท
JY AIR รุ่น Plus: ราคาเริ่มต้น 869,000 บาท

ด้วยราคาที่สามารถเข้าถึงได้เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี, สมรรถนะ, ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่ได้รับ ทำให้ JY AIR เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าซีดานคุณภาพสูงที่มอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ JuneYao Auto (ประเทศไทย) ยังให้ความสำคัญกับประสบการณ์หลังการขาย โดยมีโชว์รูมที่พร้อมต้อนรับและทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและตอบทุกข้อสงสัย รวมถึงศูนย์บริการหลังการขายที่สต็อกอะไหล่สำรองครบทุกประเภท เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับการบริการที่รวดเร็วและครบวงจร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว

บทสรุป: ก้าวข้ามขีดจำกัดของการเดินทางด้วย JY AIR

จากประสบการณ์การทดสอบ JY AIR บนเส้นทางจริง ผมสามารถสรุปได้อย่างมั่นใจว่านี่คือซีดานไฟฟ้าที่ไม่ได้มีดีแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี, สมรรถนะ, ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ที่ถูกคิดค้นมาอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบโจทย์ผู้ขับขี่ในยุค 2025 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยแรงบันดาลใจจากห้องโดยสาร First Class ของสายการบิน ทำให้ JY AIR ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็น “ยานยนต์แห่งประสบการณ์” ที่พร้อมจะนำพาคุณไปสู่มิติใหม่ของการเดินทางที่เหนือกว่าความคาดหมาย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่คล่องตัว การเดินทางระยะไกลที่ผ่อนคลาย หรือความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบช่วยเหลืออัจฉริยะ JY AIR คือคำตอบที่น่าจับตามองสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับไลฟ์สไตล์การเดินทางไปอีกขั้น

สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าซีดานที่แตกต่าง มีเอกลักษณ์ และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใครในตลาดปี 2025 JY AIR คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม

อย่ารอช้า! มาร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่อัจฉริยะและเหนือระดับกับ JY AIR ด้วยตัวคุณเองวันนี้! เยี่ยมชมโชว์รูมของเรา เพื่อรับคำปรึกษาพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญและเปิดประสบการณ์ First Class บนท้องถนนที่คุณไม่เคยเจอมาก่อน