[ครบชุด] XU11260 อย่าด้อยค่า คนใส่เสื้อตลาดนัด

JY AIR: ปฏิวัติประสบการณ์ซีดานไฟฟ้าในไทยปี 2025 ด้วยดีไซน์เหนือจินตนาการและเทคโนโลยีขั้นสูงสุด

ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในภาคส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศไทย ปี 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ผู้บริโภคมีความคาดหวังสูงขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงการประหยัดพลังงาน แต่ยังรวมถึงดีไซน์ที่โดดเด่น สมรรถนะที่เร้าใจ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานับสิบปี ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนามากมาย และวันนี้ ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ “JY AIR” ซีดานไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรกจาก JuneYao Auto (ประเทศไทย) ที่เข้ามาพลิกโฉมวงการยานยนต์ไฟฟ้าไทย ด้วยแนวคิดที่ผสมผสานความหรูหราของ First Class Air Travel เข้ากับการขับขี่บนท้องถนน

การมาถึงของ JY AIR: ความท้าทายและการสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาด EV ไทยปี 2025

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยปี 2025 ไม่ใช่ตลาดสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ที่จะเข้ามาเพียงเพื่อเสนอทางเลือกเท่านั้น แต่ต้องเป็นการเข้ามาพร้อมกับนวัตกรรมที่แท้จริง JuneYao Group ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้ร่มเงาของ JuneYao Airlines สายการบินเอกชนชั้นนำจากจีน ได้นำ “JY AIR” เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย พร้อมพิสูจน์ศักยภาพด้วยการทดสอบบนเส้นทาง กรุงเทพฯ – พัทยา – กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ท้าทายและสะท้อนการใช้งานจริงได้อย่างดีเยี่ยม คำถามที่สำคัญคือ JY AIR จะสามารถตอบโจทย์และสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งานในเมืองไทยได้มากน้อยเพียงใด และจากประสบการณ์ของผม นี่คือรถยนต์ที่มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด

JY AIR ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพียงรถยนต์ไฟฟ้าอีกคันในตลาด แต่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบ “อีกขีดขั้นของเทคโนโลยีการขับเคลื่อน” ด้วยแนวคิดที่เน้นความสะดวกสบาย ความหรูหรา และประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนผ่านการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีอากาศยาน ทำให้ JY AIR ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่เป็นประสบการณ์การเดินทางระดับพรีเมียมที่รอคุณอยู่

ดีไซน์ที่เหนือจินตนาการ: อากาศพลศาสตร์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

สิ่งที่ทำให้ JY AIR โดดเด่นตั้งแต่แรกเห็นคือการออกแบบที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะแนวคิด “ONE BOX” ที่ผสมผสานความกว้างขวางเข้ากับหลักอากาศพลศาสตร์ได้อย่างลงตัว ในโลกของรถยนต์ไฟฟ้า ประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์เป็นหัวใจสำคัญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อระยะทางขับขี่และอัตราการใช้พลังงาน JY AIR ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินอย่างชัดเจน ทั้งช่องดักอากาศบริเวณกันชนหน้า มุมกันชนหน้า สปอยเลอร์ฝากระโปรง และใต้กันชนหลัง ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อลดแรงต้านอากาศให้น้อยที่สุด

จากการวิเคราะห์เชิงลึก สัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ (Cd) ที่ต่ำเพียง 0.23 ของ JY AIR ถือเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งและอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่สวยงามบนกระดาษ แต่หมายถึงประสิทธิภาพที่จับต้องได้จริงในการขับขี่ ด้วยแรงต้านอากาศที่น้อยลง รถจึงใช้พลังงานน้อยลงในการรักษาความเร็วสูง ทำให้สามารถเดินทางได้ไกลขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และยังช่วยลดเสียงรบกวนจากลมในห้องโดยสารได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

นอกจากนี้ ล้ออัลลอยดีไซน์ “Turbo Fan” ก็เป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่แสดงถึงความใส่ใจในหลักอากาศพลศาสตร์ ไม่ใช่แค่เพียงความสวยงาม แต่ยังช่วยจัดการการไหลเวียนของอากาศรอบล้อ เพื่อลดแรงต้านและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของรถ ถือเป็นการออกแบบที่คิดมาอย่างรอบด้าน ทั้งในแง่ของฟังก์ชันการใช้งานและความสวยงามแบบอนาคต

สมรรถนะที่เร้าใจและทางเลือกที่ลงตัว

JY AIR มีให้เลือกสองรุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ขับขี่ในตลาดปี 2025:

JY AIR รุ่น Standard: มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 51 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ให้พละกำลังสูงสุด 201 แรงม้า (150 kW) และมีระยะทางวิ่งสูงสุดตามมาตรฐาน NEDC ที่ 430 กิโลเมตร
JY AIR รุ่น Plus: ยกระดับด้วยแบตเตอรี่ความจุ 64 กิโลวัตต์/ชั่วโมง มอบพละกำลังสูงสุด 214 แรงม้า (160 kW) พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดตามมาตรฐาน NEDC ที่ 520 กิโลเมตร

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต การขับเคลื่อนล้อหลังในรถยนต์ไฟฟ้ามักจะให้ความรู้สึกในการควบคุมที่แม่นยำและสมดุลที่ดีเยี่ยม อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. นั้นเพียงพออย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว หรือการเร่งแซงบนทางหลวงที่ต้องการพละกำลังที่ฉับไว ในฐานะผู้ที่ได้สัมผัสรถยนต์ไฟฟ้ามาหลายรุ่น ผมกล้าพูดได้ว่าตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและมั่นใจได้

การชาร์จไฟ: สะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ 2025

ความกังวลเรื่องระยะทาง (Range Anxiety) และความสะดวกในการชาร์จเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ EV ในปี 2025 ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง JY AIR เข้าใจในจุดนี้และได้พัฒนาระบบการชาร์จที่ตอบโจทย์:

JY AIR รุ่น Standard: รองรับการชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สูงสุด 70 กิโลวัตต์ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการชาร์จจาก 30% ถึง 80%
JY AIR รุ่น Plus: ยกระดับความเร็วในการชาร์จ ด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 90 กิโลวัตต์ ใช้เวลาเพียงประมาณ 21 นาที ในการชาร์จจาก 30% ถึง 80%

ตัวเลขเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในสถานการณ์การใช้งานจริง การชาร์จเพียง 20-30 นาทีในช่วงพักระหว่างการเดินทางไกล ก็เพียงพอที่จะเติมพลังงานให้รถวิ่งต่อไปได้อีกหลายร้อยกิโลเมตร ทำให้การเดินทางข้ามจังหวัดด้วย JY AIR เป็นเรื่องง่ายและไร้ความกังวล นอกจากนี้ การเติบโตอย่างรวดเร็วของเครือข่ายสถานีชาร์จทั่วประเทศในปี 2025 ก็ยิ่งทำให้การเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง JY AIR มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ภายในห้องโดยสาร: ประสบการณ์ First Class ที่จับต้องได้

แนวคิด “ความสะดวกสบายเหมือนอยู่บนสายการบินระดับ First Class” ไม่ได้เป็นเพียงคำโฆษณา แต่สะท้อนผ่านการออกแบบและวัสดุที่เลือกใช้ภายในห้องโดยสารของ JY AIR วัสดุคุณภาพสูงที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถัน สร้างบรรยากาศที่หรูหราและผ่อนคลายในทุกการเดินทาง

สิ่งที่โดดเด่นอย่างยิ่งคือการลดเสียงรบกวนจากภายนอก ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบภายนอกตามหลักอากาศพลศาสตร์ และการเลือกใช้วัสดุซับเสียงภายในห้องโดยสาร ทำให้ห้องโดยสารของ JY AIR เงียบสงบอย่างน่าประทับใจ ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถพูดคุยกันได้อย่างสบายใจ หรือเพลิดเพลินกับเสียงเพลงโปรดโดยไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอก เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากในรถยนต์ซีดานทั่วไป

ออปชั่นมาตรฐานที่ตอบโจทย์การใช้งานยุคใหม่:
หน้าจอแสดงผลขนาด 8.8 นิ้วสำหรับผู้ขับขี่ และ หน้าจอ Intelligent Display ขนาด 15.6 นิ้ว ที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถ ให้ข้อมูลที่คมชัดและเข้าถึงง่าย
รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth ตอบโจทย์การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนอย่างไร้รอยต่อ
บริการแอปพลิเคชันบนมือถือ ช่วยให้ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถได้จากระยะไกล เพิ่มความสะดวกสบายและความทันสมัย
หลังคาพาโนรามาขนาด 2.072 ตร.ม. (สำหรับรุ่น Plus) สร้างความรู้สึกโปร่งโล่งและกว้างขวางภายในห้องโดยสารอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้การเดินทางในเวลากลางวันเต็มไปด้วยแสงธรรมชาติ และในเวลากลางคืนก็สามารถชื่นชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้
ห้องเก็บสัมภาระขนาด 420 ลิตร ซึ่งสามารถปรับเพิ่มเป็น 1,338 ลิตรได้เมื่อพับเบาะหลัง มอบความอเนกประสงค์สำหรับการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวระยะไกลหรือการขนของในชีวิตประจำวัน

ประสบการณ์การขับขี่จริง: บนเส้นทางกรุงเทพฯ – พัทยา – กรุงเทพฯ ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ

ผมได้มีโอกาสสัมผัสและทดสอบ JY AIR บนเส้นทางจริง และนี่คือข้อสังเกตจากประสบการณ์ของผม:

ในเมือง: ในฐานะซีดาน JY AIR มีขนาดที่พอดีสำหรับการขับขี่ในเมืองใหญ่ ความคล่องตัวในการซอกแซกในสภาพจราจรหนาแน่นเป็นจุดเด่น กระจกหน้าบานใหญ่ให้ทัศนวิสัยที่ชัดเจน ลดจุดอับสายตาได้อย่างดีเยี่ยม อุปกรณ์ภายในที่ควบคุมผ่านหน้าจอเป็นสไตล์ที่คุ้นเคยในรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ เน้นความเรียบหรูและใช้งานง่าย

อัตราเร่ง: พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าตอบสนองได้ทันใจ ไร้การรอรอบ ทำให้การออกตัวและการเร่งแซงเป็นไปอย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความกระฉับกระเฉง หรือบนทางหลวงที่ต้องการพละกำลังในการเร่งแซงรถบรรทุกขนาดใหญ่ JY AIR ไม่ทำให้ผิดหวัง

การเก็บเสียงและความนุ่มนวล: การเก็บเสียงลมทำได้ดีเยี่ยมตามที่โฆษณาไว้ ด้วยดีไซน์อากาศพลศาสตร์ที่โดดเด่น ทำให้การเดินทางด้วยความเร็วสูงบนทางด่วนเงียบสงบ อย่างไรก็ตาม เสียงจากช่วงล่างและยางอาจจะยังมีเข้ามาให้ได้ยินบ้างในบางจังหวะ ซึ่งเป็นสิ่งที่พบได้ในรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น แต่โดยรวมแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และไม่รบกวนการสนทนาหรือความบันเทิงภายในห้องโดยสาร

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS): นี่คือจุดที่ JY AIR สร้างความประทับใจเป็นพิเศษ ระบบ Advanced Driving Assistant System Level 2+ ทำงานได้อย่างชาญฉลาดและนุ่มนวล ไม่เหมือนกับระบบ ADAS จากบางค่ายที่อาจมีการเบรกกระทันหันหรือเร่งเครื่องแรงเกินไปเมื่อมีรถตัดหน้าหรือทางโล่ง JY AIR ให้ความรู้สึกเหมือนมีคนขับรถที่เชี่ยวชาญคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ทำให้สามารถใช้งานในการเดินทางไกลได้อย่างสบายใจและปลอดภัย ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วงล่าง: ช่วงล่างของ JY AIR มีความนุ่มนวลตามสไตล์รถยนต์จีน แต่ก็ยังให้ความมั่นใจได้ดีที่ความเร็วสูง ไม่นุ่มยวบจนเกินไปจนทำให้รู้สึกโคลงเคลงหรือเวียนหัว สามารถซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบได้อย่างดีเยี่ยม อย่างไรก็ตาม สำหรับเบาะหลัง ตำแหน่งเบาะอาจจะมีความชันเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเมื่อยล้าได้บ้างหากต้องนั่งเดินทางไกลเป็นเวลานาน แต่สำหรับเบาะหน้า ถือว่านั่งสบาย รองรับสรีระได้ดีเยี่ยม

อัตราสิ้นเปลืองพลังงาน: จากการทดสอบในสภาพการขับขี่จริง โดยไม่เน้นการประหยัดเป็นพิเศษ (ขับขี่แบบปกติ มีเร็วบ้าง ช้าบ้าง) พบว่าอัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 18.5 kWh/100km ซึ่งหากขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ 110 กม./ชม. อัตราการกินไฟจะอยู่ที่ประมาณ 18-19 kWh/100km ถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าในตลาด หากต้องการประหยัดพลังงานสูงสุด การขับขี่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 100 กม./ชม. จะช่วยยืดระยะทางขับขี่ได้อย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ด้วยแบตเตอรี่ที่มีความจุเพียงพอ การสิ้นเปลืองในระดับนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานประจำวันหรือการเดินทางไกล

ความปลอดภัยที่เชื่อถือได้: SKY EV Platform และ ADAS Level 2+

ความปลอดภัยคือรากฐานสำคัญของยานยนต์ยุคใหม่ และ JY AIR ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง ด้วยแพลตฟอร์ม SKY EV เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับห้าดาว ที่รองรับการพัฒนารถยนต์หลากหลายประเภท และโครงสร้างตัวถังที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน CNCAP และ Euro NCAP ระดับ 5 ดาว ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกที่เข้มงวด มอบความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารในทุกการเดินทาง

เสริมด้วยเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ Advanced Driving Assistant System (ADAS) Level 2+ ที่รวมฟีเจอร์ช่วยเหลือขั้นสูงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดขณะขับขี่:
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับระยะห่าง (Adaptive Cruise Control): ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ ลดภาระของผู้ขับขี่ในการเดินทางไกล
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Automatic Parking Assist): ช่วยให้การจอดรถในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่ายและแม่นยำ
ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Monitoring): แจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา ช่วยป้องกันอุบัติเหตุขณะเปลี่ยนเลน
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเลน (Lane Keep Assist/Lane Change Assist): ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนเลนอย่างปลอดภัย

ฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ของเล่น แต่เป็นระบบที่ทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันและลดความรุนแรงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ ทำให้การเดินทางด้วย JY AIR เป็นไปอย่างปลอดภัยและไร้กังวล

ทางเลือกสีสันและราคาที่น่าสนใจในตลาด EV 2025

JY AIR มีสีตัวรถให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว Moon White, สีฟ้า Meteorite Blue, สีเขียว Aurora Green และสีดำ Galactic Black ซึ่งเป็นสีที่สะท้อนถึงความหรูหราและทันสมัย เข้ากับดีไซน์ของตัวรถได้อย่างลงตัว

ในด้านราคา JY AIR นำเสนอราคาที่แข่งขันได้ในตลาดซีดานไฟฟ้าปี 2025:
JY AIR รุ่น Standard: ราคาเริ่มต้น 759,000 บาท
JY AIR รุ่น Plus: ราคาเริ่มต้น 869,000 บาท

ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ ประกอบกับเทคโนโลยีและสมรรถนะที่ได้รับ ทำให้ JY AIR เป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าซีดานคุณภาพสูง ดีไซน์โดดเด่น และมาพร้อมประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียม

บทสรุป: JY AIR คือมากกว่าแค่ยานพาหนะ

จากประสบการณ์กว่าทศวรรษในวงการยานยนต์ไฟฟ้า ผมเห็นว่า JY AIR ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่เป็นยานยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากอากาศยาน ประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม สมรรถนะที่เร้าใจ ห้องโดยสารระดับ First Class และระบบความปลอดภัยขั้นสูง JY AIR พร้อมที่จะ redefine ประสบการณ์การขับขี่ซีดานไฟฟ้าในประเทศไทยปี 2025 อย่างแท้จริง มันคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างนวัตกรรม ความหรูหรา และความยั่งยืน

หากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเดินทาง แต่เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับไลฟ์สไตล์ มอบทั้งความสบาย ความปลอดภัย และความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของในยุคที่พลังงานสะอาดกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ ผมขอแนะนำให้คุณสัมผัสประสบการณ์ JY AIR ด้วยตัวคุณเอง

ก้าวสู่อนาคตของการเดินทางที่เหนือกว่ากับ JY AIR

อย่าพลาดโอกาสที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ซีดานไฟฟ้าอัจฉริยะที่ผสมผสานความล้ำหน้าและหรูหราเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว หากคุณพร้อมที่จะสัมผัส “อีกขีดขั้นของเทคโนโลยีการขับเคลื่อน” ที่จะเปลี่ยนมุมมองการเดินทางของคุณไปตลอดกาล

เชิญสัมผัสและทดลองขับ JY AIR ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูม JuneYao Auto ทั่วประเทศ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษาและตอบทุกข้อสงสัย เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกการตัดสินใจ นอกจากนี้ เรายังมีศูนย์บริการหลังการขายที่ครบวงจร พร้อมสต็อกอะไหล่สำรองทุกประเภท เพื่อรองรับทุกความต้องการด้านการบริการหลังการขายอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติยานยนต์ไฟฟ้ากับ JY AIR และออกเดินทางสู่ประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน