[ครบชุด] 1211177 ไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่าแม่ ไม่มีใครดูแลแม่ได้ดีเท่าเรา

เจาะลึก ZEEKR 7X SUV ไฟฟ้า 2025: นิยามใหม่แห่งสมรรถนะสุดหรู พร้อมลุยทุกเส้นทาง – โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน EV 10 ปี

ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในวงการรถยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของนวัตกรรมยานยนต์ EV จากรถยนต์ที่เน้นแค่การประหยัดพลังงาน สู่ยุคที่สมรรถนะ ความหรูหรา และความสามารถรอบด้านกลายเป็นหัวใจสำคัญ และในปี 2025 นี้ ZEEKR 7X ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นที่น่าจับตา ด้วยการนำเสนอแพ็คเกจที่ผสมผสานความแรงของรถยนต์ไฟฟ้าเข้ากับ DNA ของ SUV ที่พร้อมบุกตะลุยได้อย่างเหนือความคาดหมาย นี่ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่คือการประกาศศักราชใหม่ของ EV SUV ที่พร้อมท้าทายทุกขีดจำกัดที่คุณเคยรู้จักและเป็นอีกหนึ่งรุ่น รถยนต์ไฟฟ้า 2025 ที่จะเข้ามาพลิกโฉมตลาดในประเทศไทยอย่างแท้จริง

ZEEKR 7X คือผลลัพธ์ของการผสานรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับการออกแบบที่พิถีพิถัน สะท้อนวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการสร้างยานยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติ ผมกล้าพูดได้เลยว่านี่คือ SUV ไฟฟ้าพรีเมียม ที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งในด้าน สมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้า การขับขี่แบบออฟโรดที่น่าทึ่ง และความหรูหราของห้องโดยสารที่เทียบเท่ากับรถยนต์ระดับบนจากยุโรป แบรนด์ ZEEKR เองก็ไม่ใช่หน้าใหม่ในเวทีโลก แต่เป็นการนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญระดับโลกมาสู่ประเทศไทย พร้อมการรับประกันและบริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง ทำให้มั่นใจได้ว่า ZEEKR ประเทศไทย จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน

มิติแห่งดีไซน์ที่สะกดทุกสายตา: ความหรูหราแห่งอนาคต

การออกแบบของ ZEEKR 7X นั้นเป็นสิ่งที่ต้องกล่าวถึงเป็นอันดับแรก ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและทันสมัย ผสมผสานความแข็งแกร่งของ SUV เข้ากับความโฉบเฉี่ยวของ รถยนต์ไฟฟ้าหรู อย่างลงตัว ไฟหน้าแบบ Stargate Front Light Panel ไม่ใช่แค่เพียงแหล่งกำเนิดแสง แต่ยังเป็นงานศิลปะดิจิทัลที่สามารถปรับเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ สร้างเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครบนท้องถนนในยามค่ำคืน เส้นสายตัวถังที่คมชัดแต่ลื่นไหล สะท้อนปรัชญาการออกแบบที่เน้นทั้งฟังก์ชันและความงาม ขนาดตัวถังที่สมดุล ยาว 4,787 มม. กว้าง 1,930 มม. และสูง 1,650 มม. พร้อมระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มม. ทำให้ ZEEKR 7X มีสัดส่วนที่ลงตัว มอบพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้างขวาง และภาพลักษณ์ที่ดูภูมิฐานน่าเกรงขาม

สิ่งที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างจาก รถยนต์ไฟฟ้า ทั่วไปในตลาดคือความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ล้ออัลลอย Forged ขนาด 21 นิ้ว ที่ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยลดน้ำหนักใต้สปริง เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และประหยัดพลังงานได้อีกด้วย นอกจากนี้ การออกแบบยังคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อลดแรงต้านอากาศ ทำให้ ZEEKR 7X สามารถวิ่งได้ไกลขึ้น และเงียบขึ้นในทุกย่านความเร็ว ความประณีตเหล่านี้ตอกย้ำว่า ZEEKR ไม่ได้แค่สร้างรถยนต์ แต่สร้างผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานทั้งศิลปะและวิศวกรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้ ZEEKR 7X กลายเป็นหนึ่งใน EV SUV ที่น่าสนใจ 2025 ที่สุดในสายตาของผม

ขุมพลังไฟฟ้า 800V: แรงสั่งได้ ดั่งใจนึก

หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อน ZEEKR 7X คือสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800V ที่ล้ำสมัย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานของ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ในอนาคต แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การชาร์จไฟเป็นไปอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบขับเคลื่อนโดยรวม ทำให้ ZEEKR 7X มีพละกำลังที่มหาศาล และพร้อมจะตอบสนองทุกการขับขี่ในทุกสถานการณ์

ZEEKR 7X มีให้เลือกสองรุ่นย่อยที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน:

ZEEKR 7X Long Range RWD:
มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 422 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาลที่ 440 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ความจุ 100 kWh ช่วยให้สามารถทำระยะทางวิ่งได้มากกว่า 700 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล
อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.0 วินาที และความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. พิสูจน์ให้เห็นว่ารุ่น RWD นี้ก็ไม่ได้น้อยหน้าในเรื่องของความแรง และให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่สนุกสนานและคล่องตัว

ZEEKR 7X Performance AWD:
สำหรับผู้ที่ต้องการ ประสิทธิภาพรถยนต์ไฟฟ้า ที่สุดขีด รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ที่มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิด 710 นิวตันเมตร
ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 100 kWh เช่นกัน รุ่น AWD สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.8 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถท้าชนกับรถสปอร์ตชั้นนำหลายรุ่นได้อย่างสบายๆ
ระยะทางวิ่งของรุ่น AWD อยู่ที่มากกว่า 600 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งยังคงเป็นระยะทางที่น่าประทับใจสำหรับ EV SUV สมรรถนะสูง ที่เน้นความแรงเป็นพิเศษ

การที่ ZEEKR เลือกใช้แบตเตอรี่ความจุ 100 kWh ในทั้งสองรุ่น สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ไร้กังวลเรื่องระยะทางวิ่ง อีกทั้ง แบตเตอรี่ EV ของ ZEEKR 7X ยังได้รับการออกแบบมาให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน พร้อมการรับประกัน 8 ปี หรือ 180,000 กม. ทำให้ผู้เป็นเจ้าของมั่นใจได้ในคุณภาพและความทนทาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม ในปี 2025 นี้

เทคโนโลยีชาร์จเร็วพิเศษ: ไม่ต้องรอนานอีกต่อไป

หนึ่งในความกังวลหลักของผู้ใช้ รถยนต์ไฟฟ้า คือเวลาในการชาร์จ แต่สำหรับ ZEEKR 7X ความกังวลนี้จะหมดไป ด้วยระบบ ชาร์จเร็ว EV ที่รองรับกระแสตรง (DC Fast Charging) สูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในความเร็วการชาร์จที่สูงที่สุดในตลาดปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีนี้ ZEEKR 7X สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาที เมื่อใช้หัวชาร์จ DC ที่ 360 kW ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถแวะพักเพื่อชาร์จไฟระหว่างการเดินทางได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจากการแวะเติมน้ำมันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังรองรับการชาร์จกระแสสลับ (AC Charging) สูงสุด 22 kW ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงาน และเพื่อเพิ่มความอเนกประสงค์ ZEEKR 7X ยังมาพร้อมกับระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L – Vehicle to Load) สูงสุด 3.3 kW ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้รถเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์ หรือใช้เป็นพลังงานสำรองในสถานการณ์ฉุกเฉิน คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ รถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังเป็น “พาวเวอร์แบงค์เคลื่อนที่” ที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในยุค รถยนต์ไฟฟ้า 2025

ประสบการณ์การขับขี่: เหนือชั้นทั้งบนทางเรียบและเส้นทางลุย

สิ่งที่เป็นไฮไลต์สำคัญและสร้างความประหลาดใจให้กับผมมากที่สุดคือ ประสิทธิภาพออฟโรด EV ของ ZEEKR 7X ในฐานะที่เคยขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ามามากมาย ผมไม่เคยคาดหวังว่า SUV ไฟฟ้าคันใดจะสามารถลุยเส้นทางออฟโรดได้ดีเท่ากับรถยนต์สันดาปภายในที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่ ZEEKR 7X ได้หักล้างทุกความเชื่อเดิมๆ ด้วยความสามารถที่น่าทึ่ง

ในการทดสอบขับขี่บนเส้นทางออฟโรดที่เขาใหญ่ ZEEKR 7X ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพที่เหนือความคาดหมาย ด้วยระบบช่วงล่างถุงลมแบบ Active Air Suspension with CCD ที่สามารถปรับความสูงของตัวรถได้อัตโนมัติถึง 230 มม. เมื่อเข้าสู่โหมดออฟโรด ทำให้ระยะต่ำสุดถึงพื้น (ground clearance) เพิ่มขึ้น ช่วยให้รถสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเนินสลับที่ล้อลอยจากพื้น ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะของ ZEEKR 7X ก็สามารถถ่ายกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะกับพื้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และสิ่งที่น่าประทับใจคือ การให้ตัวของช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม ตัวรถโคลงน้อยมากเมื่อเทียบกับความโหดของเส้นทาง

การขึ้นเนินชันไม่ใช่ปัญหาด้วยพละกำลังที่เหลือเฟือ และที่สำคัญคือระบบจัดการพลังงานของ ZEEKR 7X ที่ชาญฉลาด เมื่อหยุดกลางเนินแล้วออกตัว รถจะส่งกำลังได้อย่างนุ่มนวล ไม่รุนแรงจนล้อฟรีทิ้ง ซึ่งบ่งบอกถึงการจูนอัพระบบที่แม่นยำ ส่วนการลงเนินสูงก็มีระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ที่ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพไม่แพ้รถยุโรปชั้นนำ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถลงเนินได้อย่างมั่นใจ

บนทางเรียบ ZEEKR 7X ยังคงมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม รุ่น Performance AWD มอบความแรงดึงมหาศาลตั้งแต่กดคันเร่ง พร้อมช่วงล่างที่นุ่มนวล มอบความสบายในการเดินทางไกล ส่วนรุ่น Long Range RWD ก็ให้ความแรงที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป และยังคงความนุ่มนวลของช่วงล่างไว้ได้ดีเยี่ยม พวงมาลัยมีความแม่นยำและมั่นคง แม้จะวิ่งผ่านทางขรุขระก็ไม่มีอาการสั่นสะเทือนมาถึงมือผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงการออกแบบโครงสร้างและช่วงล่างที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบ ทำให้ ZEEKR 7X เป็น SUV ไฟฟ้าที่พอลุยได้ และยังคงความสบายในการขับขี่บนท้องถนนได้อย่างแท้จริง

ห้องโดยสารพรีเมียม: สุนทรียภาพในทุกการเดินทาง

ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะสัมผัสได้ถึงความหรูหราและประณีตในทุกรายละเอียด เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa คุณภาพสูง ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและสัมผัสที่หรูหรา ไม่เพียงแต่ให้ความสบายสูงสุด แต่ยังสื่อถึงรสนิยมระดับพรีเมียมของเจ้าของรถ เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและระบายอากาศ (เป่าลม) ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล หรือหลังจากวันทำงานที่หนักหน่วง เปลี่ยนการขับขี่ให้เป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายและฟื้นฟูพลังงาน

เบาะหลังสามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากใน EV SUV ระดับเดียวกัน ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับท่านั่งได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน พักผ่อน หรือแม้แต่การรับชมภาพยนตร์ ทำให้ห้องโดยสารด้านหลังกลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ ม่านบังแดดประตูคู่หลังยังทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารทุกคน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบที่คำนึงถึงทุกอิริยาบถและความต้องการของผู้โดยสารอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ลูกค้า รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม ในปี 2025 คาดหวัง

ระบบสารสนเทศและความบันเทิงของ ZEEKR 7X ก็อยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K มอบภาพที่คมชัดและสีสันสดใส ไม่ว่าจะเป็นการดูแผนที่ รับชมสื่อบันเทิง หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพ เสริมด้วยหน้าจอ AR HUD (Augmented Reality Head-Up Display) ขนาด 36.21 นิ้ว ที่ฉายข้อมูลสำคัญขึ้นบนกระจกหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่

หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว ทำหน้าที่แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสวยงาม การทำงานของหน้าจอทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm ที่ให้การประมวลผลที่รวดเร็วและราบรื่น ทำให้การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่องและตอบสนองได้ทันใจ และเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ความบันเทิงอย่างสมบูรณ์แบบ ZEEKR 7X ยังมาพร้อมระบบเสียง ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอจำนวน 21 จุดรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ มอบสุนทรียภาพแห่งเสียงเพลงตลอดการเดินทาง ทำให้ ZEEKR 7X เป็นมากกว่า รถยนต์ไฟฟ้า แต่เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เต็มไปด้วยความสุขและความสะดวกสบาย

ความปลอดภัยระดับโลก: อุ่นใจในทุกเส้นทาง

ความปลอดภัยคือสิ่งที่ไม่สามารถประนีประนอมได้ และ ZEEKR 7X ก็ได้พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในด้านนี้อย่างเต็มเปี่ยม รถคันนี้สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดโดยเฉพาะ ความน่าเชื่อถือของ ZEEKR 7X ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน Euro NCAP ระดับ 5 ดาวเต็ม โดยได้คะแนนสูงถึง 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง

ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ ZEEKR AD ทำงานร่วมกับชิปประมวลผล Dual Mobileye Chips เพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัยในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า การช่วยรักษาช่องทาง หรือการแจ้งเตือนการชน ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและความปลอดภัยของห้องโดยสารในกรณีเกิดการชน อีกทั้งยังช่วยลดน้ำหนักของตัวรถ ทำให้ ประสิทธิภาพรถยนต์ไฟฟ้า โดยรวมดีขึ้น

การลงทุนใน เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ และโครงสร้างที่แข็งแกร่งเหล่านี้ ทำให้ ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ SUV ไฟฟ้า ที่สวยงามและแรง แต่ยังเป็นพาหนะที่มอบความอุ่นใจและความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน นับเป็นมาตรฐานใหม่ของ EV SUV ที่น่าจับตาในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า 2025

สรุปและคำเชิญพิเศษ

หลังจากที่ได้สัมผัสและทดลองขับ ZEEKR 7X ด้วยตัวเองในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมกล้ายืนยันว่านี่คือหนึ่งใน EV SUV ที่น่าสนใจ ที่สุดในตลาดปี 2025 อย่างไม่ต้องสงสัย ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ รถยนต์ไฟฟ้า ทั่วไป แต่เป็นการรวมเอาความหรูหรา สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดที่ไม่เคยมีในรถยนต์ไฟฟ้ามาก่อน มาไว้ในแพ็คเกจเดียวได้อย่างลงตัว หากคุณกำลังมองหา SUV ไฟฟ้าพรีเมียม ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะใช้งานในเมือง ออกเดินทางไกล หรือแม้แต่ผจญภัยในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ZEEKR 7X คือคำตอบที่คุณตามหา

ด้วยราคาที่คาดการณ์ว่าจะเริ่มต้นที่ 1,700,000 บาท สำหรับรุ่น Long Range RWD และไม่เกิน 1,900,000 บาท สำหรับรุ่น Performance AWD (นำเข้า CBU จากจีน) ซึ่งจะมีการเปิดราคาอย่างเป็นทางการในไทยในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับเทคโนโลยีและประสบการณ์ที่คุณจะได้รับ พร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. และ การรับประกันรถยนต์ไฟฟ้า (แบตเตอรี่และมอเตอร์) นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 8 ปี

ผมขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคต ด้วยตัวท่านเอง หากคุณพร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดและสัมผัสกับนิยามใหม่ของ EV SUV โปรดเยี่ยมชมโชว์รูม ZEEKR ประเทศไทย หรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้ง เพื่อลงทะเบียนรับข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายการทดลองขับ ZEEKR 7X คันนี้ แล้วคุณจะพบว่าอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้าที่ไร้ขีดจำกัดนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม!