[ครบชุด] 1211187 ไหนว่าไปต่างประเทศม่ใช่เหรอ มงคล มีเดีย

ZEEKR 7X: พลิกโฉม SUV ไฟฟ้าลุยได้ สู่มาตรฐานใหม่แห่งปี 2025

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานับทศวรรษ ผมเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิด และในปี 2025 นี้ สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดสิ่งหนึ่งคือการปรากฏตัวของ ZEEKR 7X ยนตรกรรมที่นิยามคำว่า “SUV ไฟฟ้า” ขึ้นมาใหม่ ด้วยการผสานความหรูหรา สมรรถนะ และความสามารถในการบุกตะลุยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าอีกคันในตลาด แต่คือคำตอบสำหรับผู้ที่มองหาความเหนือระดับที่ไปได้ไกลกว่าขอบถนนยางมะตอย

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 แข่งขันกันดุเดือดกว่าที่เคย ผู้บริโภคไม่ได้มองหาแค่รถที่ประหยัดพลังงานอีกต่อไป แต่ต้องการประสบการณ์ที่ครบวงจร ทั้งด้านดีไซน์ ประสิทธิภาพ เทคโนโลยี ความปลอดภัย และเหนือสิ่งอื่นใดคือ “ความหลากหลายในการใช้งาน” ซึ่ง ZEEKR 7X ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญนี้อย่างชาญฉลาด มันคือการเดินทางที่หรูหราสะดวกสบายในเมือง และเป็นเพื่อนคู่ใจที่พร้อมออกผจญภัยในเส้นทางที่ท้าทายได้อย่างไม่น่าเชื่อสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในเซกเมนต์นี้

สุนทรียภาพแห่งดีไซน์: ความหรูหราที่สื่อถึงอนาคต

ZEEKR 7X ดึงดูดสายตาตั้งแต่แรกเห็น ด้วยเส้นสายที่สื่อถึงความล้ำสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามตามแบบฉบับ SUV ระดับพรีเมียม การออกแบบภายนอกไม่ได้เน้นเพียงความสวยงาม แต่ยังรวมถึงหลักการทางอากาศพลศาสตร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และลดการใช้พลังงาน แผงไฟหน้า Stargate Front Light Panel ที่สามารถปรับเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ ไม่เพียงเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ ZEEKR ในการผสานเทคโนโลยีเข้ากับงานศิลปะอย่างแนบเนียน

มิติตัวถังที่ลงตัว ความยาว 4,787 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร และสูง 1,650 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มิลลิเมตร ไม่เพียงให้พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง แต่ยังส่งผลต่อเสถียรภาพการขับขี่ที่ดีเยี่ยมทั้งบนทางเรียบและในเส้นทางที่สมบุกสมบัน ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 173 มิลลิเมตร (และเพิ่มขึ้นได้อีกด้วยระบบถุงลม) ถือเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างจาก SUV ไฟฟ้าทั่วไปในตลาด การมีที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 539 – 1,978 ลิตร (เมื่อพับเบาะหลัง) และ Frunk ด้านหน้าอีก 66 ลิตร ตอกย้ำถึงความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวันและการผจญภัยในวันหยุดพักผ่อน

ห้องโดยสารระดับ First Class: นิยามใหม่แห่งความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำยุค

ก้าวเข้าสู่ภายในของ ZEEKR 7X คุณจะสัมผัสได้ทันทีถึงบรรยากาศของห้องโดยสารพรีเมียมที่ถูกออกแบบมาเพื่อการผ่อนคลายสูงสุด เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather คุณภาพสูง ไม่เพียงให้ความนุ่มนวลและสัมผัสที่หรูหรา แต่ยังมาพร้อมระบบนวดและเป่าลมในเบาะคู่หน้า ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในการขับขี่ระยะไกล ระบบนี้ช่วยลดความเมื่อยล้าและเพิ่มความสดชื่น ทำให้ทุกการเดินทางกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูพลังงานได้อย่างแท้จริง สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เบาะที่สามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งความใส่ใจในรายละเอียดที่โดดเด่น ทำให้พื้นที่ส่วนหลังกลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะพักผ่อน ทำงาน หรือเพลิดเพลินกับความบันเทิง

หัวใจของระบบสารสนเทศและบันเทิงคือหน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K ที่ให้ภาพคมชัดและสีสันสดใสอย่างเหลือเชื่อ ทุกรายละเอียดถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง การรับชมภาพยนตร์ หรือการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ควบคู่ไปกับหน้าจอ AR HUD ขนาด 36.21 นิ้ว ที่ฉายข้อมูลสำคัญขึ้นบนกระจกหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบข้อมูลการขับขี่ได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายอย่างมาก และหน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ได้อย่างครบถ้วนและอ่านง่าย

ขุมพลังเบื้องหลังความลื่นไหลของระบบเหล่านี้คือชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm Process Technology ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่รับประกันการประมวลผลที่รวดเร็วและไร้รอยต่อ ทำให้การสั่งการด้วยเสียงหรือการสัมผัสเป็นไปอย่างแม่นยำและตอบสนองทันทีทันใด ประสบการณ์เสียงที่เหนือชั้นจากระบบเสียง ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอ 21 ตำแหน่งรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ มอบสุนทรียภาพที่สมบูรณ์แบบในทุกการเดินทาง

ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: สมรรถนะที่เร้าใจและเทคโนโลยี 800V

ZEEKR 7X มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าที่ล้ำสมัยและน่าประทับใจ มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยที่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน แต่ล้วนแล้วแต่สร้างประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือกว่ามาตรฐานของรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน

Long Range RWD: รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว มอบพละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh ที่ใช้เทคโนโลยี 800V อันล้ำสมัย ทำให้รถคันนี้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.0 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. และพิสัยการวิ่งที่น่าประทับใจกว่า 700 กม. ตามมาตรฐาน NEDC นี่คือรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่เน้นความประหยัดและระยะทางในการวิ่ง เหมาะสำหรับการเดินทางไกลและใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างไร้กังวล

Performance AWD: สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะขั้นสุด รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อคันนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ความจุ 100 kWh เทคโนโลยี 800V เช่นเดียวกัน ทำให้ Performance AWD สามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.8 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่เทียบเท่ารถสปอร์ตสมรรถนะสูงหลายคันในตลาด ด้วยความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. และพิสัยการวิ่งกว่า 600 กม. (NEDC) นี่คือรถยนต์ที่พร้อมมอบประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจและมั่นใจในทุกสภาพถนน ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ยังเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพในการขับขี่แบบออฟโรดได้อย่างเหนือชั้นอีกด้วย

หัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X โดดเด่นคือการใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่ดูน่าสนใจ แต่หมายถึงประสิทธิภาพการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น การสูญเสียพลังงานที่น้อยลง และที่สำคัญที่สุดคือ “ความสามารถในการชาร์จที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ”

การชาร์จแห่งอนาคต: ปลดล็อกอิสระในการเดินทาง

ในยุคที่โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในปี 2025 ZEEKR 7X มาพร้อมกับระบบชาร์จที่รองรับอนาคตอย่างเต็มที่ รองรับหัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo ทั้งกระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW และที่น่าประทับใจที่สุดคือการรองรับกระแสตรง DC Fast Charging สูงสุดถึง 420 kW การชาร์จที่กำลังไฟสูงขนาด 360 kW สามารถเติมพลังงานจาก 10-80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาที ซึ่งแทบจะไม่แตกต่างจากการแวะพักเติมน้ำมัน นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้ามีความสะดวกสบายและไร้ข้อจำกัดอย่างแท้จริง

ยิ่งไปกว่านั้น ZEEKR 7X ยังมาพร้อมระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L) สูงสุด 3.3 kW (3,300 watts) ซึ่งเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งานได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์ การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้ากลางแจ้ง หรือแม้กระทั่งเป็นแหล่งพลังงานสำรองยามฉุกเฉิน นี่คือคุณสมบัติที่ตอกย้ำถึงการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์อย่างแท้จริง

บทพิสูจน์แห่งการลุย: SUV ไฟฟ้าที่กล้าท้าทางออฟโรด

สิ่งที่ทำให้ ZEEKR 7X ก้าวข้ามขีดจำกัดของ SUV ไฟฟ้าทั่วไปคือความสามารถในการลุยทางออฟโรดได้อย่างน่าประหลาดใจ ในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์ การได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่เช่นนี้แสดงสมรรถนะในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง ทีมงาน ZEEKR ไม่ได้แค่พูดถึง แต่ได้จัดการทดสอบให้เห็นถึงประสิทธิภาพกันจริงๆ ที่เขาใหญ่ และผลลัพธ์ที่ได้นั้นเหนือความคาดหมาย

เมื่อเข้าสู่โหมดออฟโรด ช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD ทำงานอัตโนมัติ ยกรถให้สูงขึ้นอีก 230 มม. เพื่อเพิ่มระยะห่างจากพื้น (Ground Clearance) ให้สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย การทดสอบเริ่มต้นที่ “เนินสลับ” ซึ่งรถจะต้องวิ่งผ่านเนินที่ทำให้ล้อลอยจากพื้น แต่ระบบขับเคลื่อนอันชาญฉลาดของ ZEEKR 7X สามารถถ่ายกำลังไปยังล้อที่ยังยึดเกาะพื้นผิวได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ทำให้ตัวรถโคลงเคลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างมาก

ในสถานี “เนินชัน” ที่ต้องใช้พละกำลังมหาศาล ZEEKR 7X แสดงให้เห็นถึงพลังที่เหลือเฟือ สามารถไต่ขึ้นเนินได้อย่างง่ายดาย และเมื่อหยุดรถกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบก็จัดการส่งกำลังได้อย่างนุ่มนวล ไม่รุนแรงจนล้อฟรีทิ้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในรถยนต์ที่มีกำลังสูงหลายคัน ส่วนการ “ลงเนินสูง” ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ทำงานได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ ทำให้การลงเนินชันเป็นไปอย่างปลอดภัยและสบายใจ เสมือนอยู่ในรถ SUV ระดับพรีเมียมจากยุโรป

บน “เส้นทางขรุขระ” ช่วงล่างถุงลมยังคงมอบความนุ่มนวลในการเดินทาง แต่สิ่งที่โดดเด่นคือพวงมาลัยที่นิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือตีมือแต่อย่างใด แม้จะวิ่งผ่านพื้นผิวที่ไม่เรียบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในรถยนต์หลายรุ่น นี่คือบทสรุปที่ชัดเจนว่า ZEEKR 7X “สอบผ่าน” ในทุกมิติของการขับขี่แบบออฟโรด นี่คือ SUV ไฟฟ้าที่สามารถพาลุยไปในที่ที่คุณไม่เคยคิดว่ารถไฟฟ้าจะไปได้

ความประณีตบนทางเรียบ: ผสมผสานความแรงและความนุ่มนวล

แม้จะโดดเด่นในเส้นทางออฟโรด แต่ ZEEKR 7X ก็ไม่ได้ทิ้งความสมบูรณ์แบบบนทางเรียบ ในรุ่น Performance AWD แรงดึงมหาศาลที่มาพร้อมกับความนุ่มนวลของช่วงล่าง Active Air Suspension นั้นเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจอย่างยิ่ง การตอบสนองของพวงมาลัยที่แม่นยำ และการเข้าโค้งที่มั่นคง ทำให้ทุกการขับขี่บนทางเรียบเป็นไปอย่างสนุกสนานและปลอดภัย สำหรับรุ่น Long Range RWD แม้จะไม่ได้มีพละกำลังมากเท่า แต่แรงดึงก็ยังคงทำได้ดีเยี่ยม และเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและเดินทางไกลได้อย่างสบายๆ ช่วงล่างของรุ่น Long Range ยังคงมอบความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ แม้อาจจะมีความรู้สึกที่กระชับกว่ารุ่น Performance เล็กน้อย แต่ก็ยังคงความสบายในการเดินทางได้อย่างไม่มีที่ติ

ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/50 R19 ในรุ่น Long Range และล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/40 R21 ในรุ่น Performance (พร้อมระบบเบรกดิสก์ 4pot และคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม) ไม่เพียงเสริมความแข็งแกร่งและสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและสมรรถนะการเบรกได้อย่างมั่นใจอีกด้วย ประตูทั้ง 4 บานที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และม่านบังแดดประตูคู่หลังที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า ยังสะท้อนถึงความหรูหราและสะดวกสบายที่ ZEEKR มอบให้ในทุกรายละเอียด

ความปลอดภัยเหนือระดับ: สร้างสรรค์บนรากฐานที่มั่นคง

ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญในการออกแบบ ZEEKR 7X ตัวรถสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดโดยเฉพาะ ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว โดยได้คะแนนสูงถึง 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง

ระบบช่วยขับขี่ ZEEKR AD ที่ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips เพิ่มความแม่นยำและน่าเชื่อถือในการขับขี่อัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาระยะห่าง การเตือนการชน หรือการช่วยเปลี่ยนเลน โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ไม่เพียงเพิ่มความปลอดภัยในการชน แต่ยังช่วยลดน้ำหนักตัวรถ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดียิ่งขึ้น นี่คือแนวคิดการออกแบบที่มองไปถึงอนาคต ทั้งในด้านความปลอดภัย ความทนทาน และความยั่งยืน

ZEEKR 7X ในตลาดปี 2025: SUV ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทุกมิติ

ZEEKR 7X ถือเป็นหนึ่งในยานยนต์ไฟฟ้าที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2025 ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะความแรง ความหรูหราของห้องโดยสาร เทคโนโลยีการชาร์จที่ล้ำหน้า และจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด ซึ่งแทบจะหาคู่แข่งได้ยากในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเซกเมนต์เดียวกัน การรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. และการรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. จาก ZEEKR ประเทศไทย ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

แม้ราคาคาดการณ์ที่ ZEEKR ประเทศไทย (นำเข้า CBU จีน) จะอยู่ที่ช่วง 1,700,000 บาท สำหรับรุ่น 7X Long Range RWD และไม่เกิน 1,900,000 บาท สำหรับรุ่น 7X Performance AWD (รอการประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้) แต่เมื่อพิจารณาถึงออปชั่นที่จัดเต็ม เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และความอเนกประสงค์ในการใช้งานที่เหนือกว่า SUV ไฟฟ้าทั่วไป ZEEKR 7X จึงมอบความคุ้มค่าและประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าราคาที่ตั้งไว้

หากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นคู่หูที่พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเดินทางในเมืองอย่างหรูหรา หรือออกไปผจญภัยในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ZEEKR 7X คือตัวเลือกที่ยากจะปฏิเสธ นี่คืออนาคตของยานยนต์ไฟฟ้าที่มาถึงแล้วในปี 2025

บทสรุปและคำเชิญชวน

ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้า แต่คือการลงทุนในประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ อิสระในการเดินทาง และความมั่นใจในทุกเส้นทาง ด้วยนวัตกรรม ดีไซน์ และสมรรถนะที่ครบครัน ผมเชื่อว่า ZEEKR 7X จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า SUV ในประเทศไทยและทั่วโลก

อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ เราขอเชิญคุณสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ ZEEKR 7X ด้วยตัวคุณเอง เพื่อพิสูจน์ถึงความโดดเด่นและสมรรถนะที่ไม่มีใครเหมือน จองการทดลองขับได้แล้ววันนี้ที่ศูนย์ ZEEKR ใกล้บ้านคุณ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการ เพื่อปลดล็อกการเดินทางที่ไร้ขีดจำกัดไปกับ ZEEKR 7X – ยนตรกรรมไฟฟ้าที่จะพาคุณไปได้ไกลกว่าที่เคย