17 ก.ค. 2567 10:00 น.

• ข่าว
• ยานยนต์
• รีวิวรถ
• ไทยรัฐออนไลน์

ส่องเทอร์โบไฟฟ้าและระบบไฮบริดจิ๋วใน PORSCHE 911 GTS T HYBRID

-กกก⁺

LightDarkฟังข่าว

เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นบนเส้นทางของ Porsche 911 นับตั้งแต่ถูกเปิดตัวครั้งแรกในชื่อ 901 ที่งานแสดงรถยนต์ แฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ ปี 1963 (พ.ศ. 2506) หลังจากนั้น Porsche เปิดตัว 911 Turbo รุ่นดั้งเดิมเมื่อครึ่งศตวรรษก่อนในปี 1974 (พ.ศ. 2517) ตามด้วยจุดเริ่มต้นของ 911 รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ที่คลอดออกมาในปี 1989 (พ.ศ. 2532) จากนั้น ในปี 1998 (พ.ศ. 2541) โลกแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ทำการต้อนรับ 911 ใหม่รุ่นแรกที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ ในปี 2011 (พ.ศ. 2554) 911 ถูกออกแบบใหม่หมด ติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวใหม่ ด้วยพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์และซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงาน ขยายระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น (อย่างมาก) ล่าสุดในปี 2024 Porsche 911 ซึ่งเป็นรถสปอร์ตเครื่องวางหลังแบบดั้งเดิม ได้ทะยานเข้าสู่ยุคแห่ง Hybrid เพื่อลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพด้านอัตราเร่ง

…

Porsche 911 /992.2 GTS พร้อมเครื่องยนต์ใหม่ T Hybrid มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและตัวเลข CO2 แทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก 911/992.1 รุ่นที่แล้ว สำหรับจุดประสงค์ของ Porsche ในการนำระบบไฮบริดมาใช้ เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต อีกส่วนหนึ่งเกิดขึ้นสำหรับการออกแบบทางวิศวกรรม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบส่งกำลัง โดยละทิ้งการพึ่งพางานวิศวกรรมระบบส่งกำลังแบบเดิม 

ครีบแนวตั้งแบบแอคทีฟใต้กันชนหน้า ทำให้การระบายความร้อนเพิ่มเติมแก่ระบบไฮบริดมีประสิทธิภาพดีขึ้น ครีบอากาศดังกล่าวยังช่วยลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศจาก 0.32 เหลือแค่ 0.27 ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากต่อประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ และเพื่อให้มีพื้นที่ว่าง ไฟเลี้ยวจึงถูกรวมเข้ากับไฟหน้าแบบใหม่ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันสี่จุด ซึ่งเปรียบเสมือนกับเครื่องหมายการค้าของ Porsche มุมมองส่วนท้าย ท่อไอเสียถูกออกแบบให้เข้ามาใกล้กันมากขึ้น ไฟท้ายที่บางอยู่แล้วก็ยิ่งบางลงมากกว่าเดิม 

…

เครื่องยนต์หกสูบนอนยันชักข้าง ปริมาตรความจุ 3.6 ลิตร เป็นขุมกำลังใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับอนาคต ซึ่งไม่เหมือนกับเครื่องยนต์สูบนอนตัวอื่นๆ ที่เคยพบเห็นมาก่อน เครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ ใช้ระบบอัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้าเพียงตัวเดียว ส่วนระบบส่งกำลัง มอเตอร์ไฟฟ้าถูกซ่อนอยู่ภายในกระปุกเกียร์ PDK 8 มอเตอร์ให้กำลังเพิ่มขึ้น 55 แรงม้า ทำให้ 911 T Hybrid มีกำลังมากถึง 485 แรงม้า (357kW) เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในที่สะอาดขึ้น สิ่งที่สำคัญกว่าความสะอาดก็คือแรงบิด 570 นิวตันเมตร ในเครื่องไฮบริดเทอร์โบที่ทำแรงฉุดลากเพิ่มขึ้นถึง 150 นิวตันเมตร

…

…

แน่นอนว่ามอเตอร์ไฟฟ้าทุกตัวจำเป็นต้องมีแบตเตอรี่ EV แต่คุณจะเข้าใจความตั้งใจของวิศวกร เมื่อคุณรู้ว่า 911 T Hybrid มีแบตเตอรี่ใหญ่กว่าถ่านไฟฉายนิดเดียว ด้วยความจุเพียงแค่ 1.9kWh ซึ่งไม่สามารถทำงานด้วยตัวมันเองในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไฟหลักได้ เนื่องจากเหตุผลหลายประการ เหตุผลหลักคือ การออกแบบระบบนั้นฝังอยู่ใน 992 มานานแล้วจนยากที่จะยัดแบตฯขนาดใหญ่ลงไปในรถ! 

การติดตั้งระบบปลั๊กอินที่ไม่อาจเป็นไปได้ใน 911/992.2 T Hybrid ประเด็นหนึ่งคือเรื่องของน้ำหนัก ตามด้วยพื้นท่ีอันโคตรจะจำกัด หาก Porsche เลือกใช้ระบบปลั๊กอินไฮบริด พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่วิ่งไฟฟ้าได้ไกล 100 กิโลเมตร น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่ามาก จะเพิ่มปริมาณ avoirdupois ให้กับรถจนไม่สามารถติดตั้งได้ ระบบปลั๊กอินไฮบริด อาจมีน้ำหนักมากถึง 150 กิโลกรัม น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่มอเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับระบบ T Hybrid รวมถึงเครื่องยนต์ที่ใหญ่และหนักกว่ารุ่นก่อนถึง 20 เปอร์เซ็นต์ อันที่จริง Porsche หมกมุ่นอยู่กับการลดมวลให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ารถจะต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน DIN ด้วยน้ำหนัก 1,605 กิโลกรัม ทำให้เบาะหลังเป็นตัวเลือกที่ไม่มีค่าใช้จ่ายถูกยกออกไป เพื่อลดน้ำหนักลงให้เหลือแค่ 1,595 กิโลกรัม

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของ Porsche 911 GTS T Hybrid จาก 3.4 วินาที ลดลงเหลือ 3.0 วินาที เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของหลักฐานทางสถิติที่แสดงให้เห็นว่า 911 GTS รุ่นใหม่นั้นมีความเร็วที่เหนือชั้นกว่าเดิมมาก ประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรทราบก็คือ ยางหลังที่กว้างกว่า GTS รุ่นก่อน ทำให้ GTS T Hybrid รุ่นใหม่ เป็น 911 รุ่นแรกที่ออกตัวอย่างรวดเร็วในระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ มันเร็วจี๋พอๆ กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ 911 โมเดลที่แพงกว่าอย่าง Turbo S สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ คาบเวลาระหว่างที่เท้าของคนขับกระทบแป้นคันเร่งกับล้อที่เริ่มหมุนหรืออาการแล็คของเทอร์โบ ได้ถูกกำจัดออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าข้อได้เปรียบของการมีระบบไฮบริดจะไม่สะท้อนให้เห็นในเวลา 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง 911 GTS ใหม่ นั้นเร็วกว่ารุ่นเรือธงอย่าง 911 Turbo S โดยเฉพาะเวลาต่อรอบใน Nürburgring นั้น T Hybrid ใน GTS รุ่นใหม่ก็เร็วกว่าเช่นกัน

ผู้ขับสามารถรักษารอบเครื่องด้วยเกียร์ต่ำ และใช้งานกระปุกเกียร์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่การเปลี่ยนแปลงที่ราบรื่นและไร้รอยต่อ (เพราะไฮบริด) จนสูญเสียความรู้สึกบางอย่าง เช่นแรงกระชากที่บ้าคลั่งของเครื่องสูบนอนอัดเทอร์โบ นับเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติที่ดีที่สุดในโลก

GTS T Hybrid หนักกว่า 911 รุ่นมาตรฐาน 85 กิโลกรัม การยึดเกาะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยยางหลังขนาดใหญ่ วิศวกรของ Porsche แจ้งว่า การควบคุม Body ของ GTS อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ แรงบิดที่กว้างขึ้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องเข้าเกียร์ที่ถูกต้องเสมอไป คุณสมบัติเดียวกันนี้ หมายความว่าเจ้าของรถสามารถพึ่งพาการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยมของการออกแบบเครื่องยนต์ด้านหลัง เพื่อพุ่งออกจากโค้งด้วยความเร็วที่มากกว่า การตอบสนองของคันเร่งอย่างฉับพลันทันที ปราศจากอาการแลคของเทอร์โบไฟฟ้า ช่วยให้คนขับสามารถจับอาการต่างๆ ของรถได้ดีขึ้นว่าจะต้องใช้คันเร่งแก้ไขหรือควบคุมคันเร่งเมื่อใดและมากน้อยเพียงใดในระดับที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำ ผลลัพธ์ที่ได้จากการพัฒนาทำให้ GTS T Hybrid เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และสนุกสนานยิ่งกว่าเดิม

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ ชุดแผงหน้าปัดมาตรวัด นับตั้งแต่ 911 รุ่นแรกสุดถูกสร้างขึ้นมา ตัววัดรอบจะถูกกำหนดให้อยู่ในตำแหน่งใจกลางของหน้าปัดมาตรวัดเสมอ เป็นมิเตอร์ที่สำคัญที่สุดในการสังเกตรอบเครื่องยนต์ Porsche เปิดตัวแผงหน้าปัดดิจิทัลใน 992 รุ่นแรกเมื่อปี 2019 ตัววัดรอบก็ยังคงเป็นแอนะล็อกที่สวยงามและอ่านค่าได้ง่าย แต่ยุคใหม่ของรถสปอร์ตที่มาถึงพร้อมกับความจำเป็นในการรวมข้อมูลเพิ่มเติมลงบนหน้าจอ บวกกับความปรารถนาที่จะบีบจอภาพมาตรวัดเพื่อให้มองเห็นได้ทั้งหมดผ่านวงพวงมาลัยขนาดเล็ก หมายความว่า เกจวัดรอบของ GTS T Hybrid กลายเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบไปแล้ว เจ้าของ Porsche คลาสสิกจำนวนมากไม่ชอบจอภาพมาตรวัดดิจิทัล แต่ลูกค้าที่ไม่เรื่องมากส่วนใหญ่อาจจะสังเกตเห็นมันเพียงครั้งเดียว แล้วก็ไม่รู้สึกหนักใจอะไรกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น 

มีเทคโนโลยีมากมายที่ซ่อนอยู่ภายในเส้นสายที่ทันสมัย สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เพราะเหตุใด Porsche จึงเปลี่ยนกลับไปใช้เทอร์โบชาร์จเจอร์ทำงานด้วยไฟฟ้าเพียงตัวเดียว แทนที่จะเป็นสองตัว ซึ่งเป็นระบบอัดอากาศที่ไม่เคยมีมาก่อนใน 911 นับตั้งแต่ซีรีส์ 964 ปี 1993 คำตอบก็คือ วิศวกรของ Porsche แจ้งว่า 911 T Hybrid ไม่จำเป็นต้องใช้เทอร์โบถึงสองตัว แค่ตัวเดียวแต่มีประสิทธิภาพเท่ากับ Bi Turbo จะทำให้ระบบส่งกำลังเบาขึ้น 

โดยปกติแล้วการนำเทอร์โบขนาดใหญ่เพียงตัวเดียวมาแทนที่เทอร์โบที่เล็กกว่าสองตำแหน่ง อาจเป็นสูตรสำเร็จของหายนะ แต่การติดตั้งระบบไฮบริดทำให้ปัญหาเรื่องอาการรอรอบหมดไป ประการแรก เนื่องจากมีกำลังและแรงบิดเพิ่มเติมจากมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในทุกรอบที่ต้องการ ตั้งแต่ความเร็วรอบเดินเบาขึ้นไป ระบบนี้ฉลาดกว่าเดิม เพราะเทอร์โบไฟฟ้าแบบใหม่ พ่วงกับระบบไฮบริดโดยตรง นอกจากจะขับเคลื่อนโดยก๊าซไอเสียแล้ว เทอร์โบไฟฟ้า T Hybrid ยังเร่งความเร็วรอบด้วยพลังงานไฟฟ้าที่มาจากแบตเตอรี่ก้อนเดียวกับที่จ่ายให้ระบบไฮบริด ดังนั้น เมื่อรอบเครื่องยนต์ต่ำเกินกว่าที่บูสด้วยแรงดันไอเสีย ระบบทีไฮบริดจะหมุนมอเตอร์ในชุดเทอร์ไบน์ จนกว่ารอบจะสูงพอที่จะเพิ่มแรงกระตุ้นเชิงบวก ไม่จำเป็นต้องระบายแรงดัน ส่วนเกินทิ้งไป เนื่องจากแรงดันส่วนเกินจะถูกแปลงเป็นพลังงานที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่

ระบบไฮบริดใน 911 GTS รุ่นล่าสุด ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเกียร์ธรรมดาของ Porsche 911 ได้ และเป็นอีกครั้งที่ Porsche นำความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมยานยนต์ออกมาใช้งานอย่างหมดเปลือก ระบบ T Hybrid ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปซะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 60 กิโลกรัม ไม่มีตัวเลือกรุ่นเกียร์ธรรมดา หรือไม่มีการปรับปรุงด้านตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ซึ่งเรื่องต่างๆ นั้น ลูกค้าไม่ค่อยให้ความสนใจเท่ากับประสิทธิภาพใหม่ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พูดง่ายๆ ก็คือ เจ้าของ 911 ไม่สนใจตัวเลขการกินน้ำมันเท่ากับความบันเทิงหลังพวงมาลัยที่เอาไว้คุยข่มเพื่อนๆ

ในความเป็นจริง การยกระดับประสิทธิภาพของ 911 GTS T Hybrid เข้าสู่ขอบเขตของ 911 Turbo โดยเน้นที่น้ำหนักเบากว่า ไม่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรืออาการแล็คของเทอร์โบ ส่งผลให้ 911 GTS T Hybrid กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเครื่องยนต์ไฮบริดในอนาคต ก่อนที่ 911 ทั้งหมดจะกลายเป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100%. 

Specifications
Engine

3.6-litres, six-cylinders, single turbo, hybrid

Power 541PS (403kW)

Torque 570Nm (420lb ft)

Transmission Eight-speed double clutch, rear-wheel-drive

Kerb weight 1595kg

0-62mph 3.0 seconds

Top speed 194 mph

Economy 26.4 mpg

CO2 emissions 244 g/km

Price £132,600

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358

…

ข่าวเด่นดูทั้งหมด

กกล.บูรพา ตรวจพบทุ่นระเบิดเพิ่มอีก 2 ทุ่น สภาพพร้อมใช้งาน ในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว

ทั่วไทย19:15 น.

“ธรรมนัส-นฤมล” ย้ำ ครูต้องมีบ้านที่อยู่ได้ สวัสดิการมั่นคง ให้มีสมาธิสอนเต็มที่

การเมือง18:44 น.

“นพดล” เผย กมธ.วุฒิฯ เก็บข้อมูลชายแดนตราด “อภิสิทธิ์” จ่อแจงเคยชงยกเลิก MOU 44

การเมือง18:19 น.

…

ข่าวแนะนำ