Mercedes-Benz EQE 300: การพลิกเกมของยานยนต์ไฟฟ้าหรูในยุค 2025
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการที่น่าทึ่งของตลาดนี้ และหนึ่งในปรากฏการณ์ที่น่าจับตาที่สุดในปี 2025 คงหนีไม่พ้นการปรับตำแหน่งทางการตลาดครั้งสำคัญของ Mercedes-Benz EQE 300 รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่กลับมาทวงบัลลังก์ความน่าสนใจอีกครั้ง ด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่ชาญฉลาด ทำให้รถคันนี้กลายเป็นตัวเลือกที่ยากจะมองข้ามสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าหรูระดับพรีเมียม
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยปี 2025 ไม่เหมือนกับเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาอีกต่อไป ผู้บริโภคมีความเข้าใจในเทคโนโลยี EV มากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และคู่แข่งทั้งจากแบรนด์ยุโรปและเอเชียต่างงัดกลยุทธ์มาแข่งขันอย่างดุเดือด ในบริบทเช่นนี้ การที่ Mercedes-Benz ตัดสินใจปรับราคา EQE 300 ลงมาอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่การลดราคาธรรมดา แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงการเข้าสู่สมรภูมิรบอย่างจริงจัง พร้อมประกาศความพร้อมให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ดาวสามแฉกในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าที่เคย
จากความท้าทาย สู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงแรกของการเปิดตัว Mercedes-Benz EQE 300 นั้น แม้จะได้รับคำชื่นชมในด้านเทคโนโลยีและการออกแบบ แต่ด้วยระดับราคาที่ใกล้เคียงกับ Mercedes-Benz E-Class ซึ่งเป็นรถยนต์สันดาปภายในระดับหรูที่ผู้คนคุ้นเคย ทำให้แรงจูงใจในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV ของผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังไม่ชัดเจนนัก จำนวน EQE 300 ที่เราเห็นบนท้องถนนในช่วงเวลานั้นจึงค่อนข้างน้อย สะท้อนให้เห็นถึงกำแพงทางจิตวิทยาด้านราคาที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ
แต่สถานการณ์พลิกผันอย่างสิ้นเชิงเมื่อมีการประกาศราคาใหม่ จากเดิม 3,970,000 บาท ลงมาอยู่ที่ 2,890,000 บาท นั่นหมายถึงส่วนลดกว่า 1,080,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ธรรมดา การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้แค่ทำให้ EQE 300 “น่าสนใจ” ขึ้นเท่านั้น แต่ยังยกระดับให้รถคันนี้เป็น “ตัวเลือกที่เหนือกว่า” ในเซกเมนต์รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงแพ็คเกจข้อเสนอพิเศษที่มาพร้อมกัน:
ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นาน 1 ปี
สิทธิ์ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี
ฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง
การรับประกันแบตเตอรี่ High-voltage 10 ปี หรือ 250,000 กิโลเมตร
ข้อเสนอเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Mercedes-Benz ในการลดความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายเริ่มต้น ค่าประกันภัย การเข้าถึงสถานีชาร์จ และความทนทานของแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของรถ EV ทำให้ Mercedes-Benz EQE 300 ราคาใหม่ ไม่ใช่แค่รถยนต์ราคาถูกลง แต่เป็นแพ็คเกจความคุ้มค่าที่สมบูรณ์แบบพร้อมให้คุณเป็นเจ้าของ รถยนต์ไฟฟ้าหรู ในยุค 2025 ได้อย่างมั่นใจ
หัวใจแห่งสมรรถนะ: ขุมพลังไฟฟ้าที่เร้าใจและประหยัด
ภายใต้ความหรูหราของ Mercedes-Benz EQE 300 คือวิศวกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวล้ำ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor แบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ที่ให้กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 550 นิวตันเมตร แรงบิดที่มาตั้งแต่รอบต่ำของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้การออกตัวเป็นไปอย่างกระฉับกระเฉง และการตอบสนองของคันเร่งนั้นฉับไว ให้ความรู้สึกที่แตกต่างและเหนือกว่ารถยนต์สันดาปภายในทั่วไปอย่างชัดเจน
แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 89 kWh คือแหล่งพลังงานสำคัญที่ทำให้ EQE 300 สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 651 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งเป็นระยะทางที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลข้ามจังหวัดได้อย่างสบายใจในประเทศไทยยุค 2025 ที่โครงข่ายสถานีชาร์จกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ในด้านการชาร์จพลังงาน EQE 300 รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 kW ซึ่งใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง 25 นาที ในการชาร์จจาก 10% ถึง 100% เหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านพักอาศัยหรือที่ทำงานในช่วงค้างคืน แต่จุดเด่นที่แท้จริงคือการรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สูงสุดถึง 170 kW ซึ่งทำให้สามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 32 นาทีเท่านั้น นี่คือคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางไกล เพราะช่วยลดระยะเวลาการหยุดพักเพื่อชาร์จไฟลงได้อย่างมหาศาล ทำให้การเดินทางด้วย EQE 300 เป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่ต่างจากการแวะเติมน้ำมันมากนัก
การออกแบบที่ล้ำสมัย: เพื่ออนาคตแห่งอากาศพลศาสตร์
เมื่อแรกเห็น Mercedes-Benz EQE 300 หลายคนอาจยังไม่คุ้นชินกับรูปทรงที่แตกต่างไปจาก Mercedes-Benz รุ่นอื่นๆ ที่เราคุ้นเคย อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ในวงการ ผมมองว่านี่คือการออกแบบที่กล้าหาญและมองการณ์ไกลภายใต้ปรัชญา “Sensual Purity” ที่ถูกปรับให้เข้ากับยุคของยานยนต์ไฟฟ้า เส้นสายที่เรียบเนียน ลื่นไหล ไร้รอยต่อ ทุกรายละเอียดถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงต้านอากาศ (aerodynamics) ให้ได้มากที่สุด ตั้งแต่กระจังหน้าแบบ Black Panel ที่ผสานรวมเซ็นเซอร์ต่างๆ ไว้ได้อย่างแนบเนียน มือจับประตูแบบ Flush Door Handles ที่จะโผล่ออกมาเมื่อปลดล็อก ไปจนถึงล้ออัลลอยด์ที่มีฝาปิดแบบ Aero Wheels ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ และยืดระยะทางวิ่งสูงสุดให้ได้ไกลยิ่งขึ้น
ในระยะยาว เมื่อมองดูดีๆ การออกแบบนี้กลับดูทันสมัย ล้ำยุค และไม่มีวันล้าสมัยได้อย่างง่ายดาย มันสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ Mercedes-Benz ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังเปี่ยมด้วยฟังก์ชันการทำงานที่ตอบโจทย์ยานยนต์แห่งอนาคต อย่างไรก็ตาม ข้อดีก็มาพร้อมกับข้อควรระวังเล็กน้อย เช่น ฝาปิดล้อแบบ Aero Wheels ที่แม้จะช่วยเรื่องอากาศพลศาสตร์ แต่ก็อาจทำให้การเติมลมยางเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความประณีตเล็กน้อย เนื่องจากช่องเปิดสำหรับจุ๊บลมมีขนาดค่อนข้างเล็ก ซึ่งเป็นจุดเล็กๆ ที่เจ้าของรถควรรู้และตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยางของรถยนต์ไฟฟ้ามักจะมีโครงสร้างที่บางกว่ารถยนต์สันดาป เพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพ
ภายในที่เหนือระดับ: เทคโนโลยีผสานความสะดวกสบาย
ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ EQE 300 คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของยานยนต์แห่งอนาคต จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Digital ขนาด 12.3 นิ้ว และจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางแบบ OLED Central Display ขนาด 12.8 นิ้ว ที่รวมระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล สวยงาม และใช้งานง่ายในทุกมิติ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมยอมรับว่าตำแหน่งคอนโซลกลางที่ค่อนข้างสูงและเบาะนั่งที่ออกแบบให้ผู้ขับขี่ต้องนั่งในตำแหน่งที่สูงขึ้นเล็กน้อย อาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาปรับตัวสำหรับบางท่านในตอนแรก แต่เมื่อใช้งานจริง ด้วยขนาดของจอแสดงผลที่ใหญ่และความคมชัดระดับ OLED ทำให้การอ่านข้อมูล การควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ทำได้อย่างสะดวกสบาย และเพิ่มมิติของความหรูหราทางเทคโนโลยีได้อย่างแท้จริง การปรับแต่งแสงไฟ Ambient Lighting ที่ละเอียดอ่อนยังช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้เป็นไปตามอารมณ์และความต้องการของผู้ขับขี่
สำหรับเบาะนั่งด้านหลัง บางท่านอาจรู้สึกว่ามีลักษณะเป็น “หลุม” เล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้การลุกเข้า-ออกไม่สะดวกเท่า E-Class แต่การออกแบบนี้มีส่วนช่วยในการยึดตัวผู้โดยสารให้กระชับมากขึ้นเมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งภายในยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา และคุณภาพของ Mercedes-Benz ที่เหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน
บททดสอบภาคสนาม: พิสูจน์ประสิทธิภาพบนเส้นทางจริง
เพื่อยืนยันถึงสมรรถนะของ EQE 300 ผมและทีมงานได้นำรถออกทดสอบจริง ทั้งในเมืองและเดินทางไกลข้ามจังหวัด ในการขับขี่ในสภาพการจราจรหนาแน่นของเมืองหลวง EQE 300 แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบของการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน ความเงียบของห้องโดยสารที่ไร้เสียงเครื่องยนต์ ผสานกับช่วงล่างที่นุ่มนวล ทำให้การขับขี่ผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ ทำงานได้อย่างราบรื่น ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ได้อย่างมาก
จุดที่น่าประทับใจที่สุดคือการเดินทางไกล ผมได้มีโอกาสขับ EQE 300 จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ขอนแก่น ระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร แม้ตัวเลขระยะทางวิ่งสูงสุดจะเคลมไว้ที่ 651 กิโลเมตร แต่ในการใช้งานจริง ด้วยความเร็วเดินทางเฉลี่ย 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การบริหารจัดการพลังงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ ประสบการณ์ที่ผมได้รับคือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม มันไม่เพียงแต่ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าและปรับความเร็วตามสภาพการจราจรเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกเหมือนมี “ผู้ช่วยส่วนตัว” ที่คอยประคองรถให้ไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย ทำให้การเดินทางไกลไม่น่าเบื่อและไม่เหนื่อยล้าเท่าการขับขี่ด้วยตัวเองตลอดเวลา
น้ำหนักตัวของ EQE 300 ที่สูงถึง 2,405 กิโลกรัม (ไม่รวมผู้โดยสารและสัมภาระ) อาจดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในทางกลับกัน นี่คือข้อดีที่ทำให้รถมีความนิ่งและเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนที่มีน้ำขังบนพื้นผิวถนน การที่น้ำหนักส่วนใหญ่ของรถอยู่ที่พื้นรถ (จากแบตเตอรี่) ทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ รถจึงมีเสถียรภาพสูง ช่วยลดโอกาสการเกิดอาการเหินน้ำ (hydroplaning) ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งเมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว ผมได้ขับผ่านช่วงถนนที่มีน้ำขังหลายจุดโดยไม่รู้สึกถึงอาการเสียการทรงตัวเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงวิศวกรรมการออกแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่เป็นอย่างดี
การบริหารจัดการพลังงานและการชาร์จ: กุญแจสู่การเดินทางไร้กังวลในยุค EV 2025
หนึ่งในความกังวลหลักของผู้ใช้ รถยนต์ไฟฟ้า ในยุคแรกคือเรื่องสถานีชาร์จและการบริหารจัดการพลังงาน แต่ในปัจจุบันปี 2025 โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในประเทศไทยพัฒนาไปไกลมาก สถานีชาร์จทั้งแบบ AC และ DC มีให้เลือกใช้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเส้นทางหลักและเมืองใหญ่
จากประสบการณ์ทดสอบ EQE 300 การวางแผนการชาร์จที่ดีคือ “เจอที่ไหน ชาร์จที่นั่น” ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่เหลือน้อย การแวะชาร์จประมาณ 15-20 นาที ก็เพียงพอที่จะได้พลังงานเพิ่มขึ้นราว 20% ซึ่งช่วยยืดระยะทางวิ่งได้อย่างมีนัยสำคัญ และด้วยการรองรับการชาร์จ DC สูงสุด 170 kW ทำให้ EQE 300 สามารถรับพลังงานได้อย่างรวดเร็ว แม้ในสถานีชาร์จต่างจังหวัดที่อาจจะจ่ายไฟไม่เต็มกำลังสูงสุดของรถ แต่ EQE 300 ก็ยังคงรับไฟได้ดีแม้แบตเตอรี่จะเกิน 80% ไปแล้ว ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากรถ EV บางรุ่นที่ความเร็วการชาร์จจะลดลงอย่างมากเมื่อแบตเตอรี่ใกล้เต็ม
สิ่งที่น่าประทับใจคือประสิทธิภาพการใช้พลังงานของ EQE 300 ในการเดินทางไกล ค่าเฉลี่ยการกินไฟที่ 15.4 kWh/100 กม. ถือว่าประหยัดอย่างมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวของรถ และเมื่อคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟเฉลี่ยแล้วตกเพียง “กิโลเมตรละ 1 บาท” เท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่เหนือกว่า รถยนต์สันดาปภายใน อย่างเห็นได้ชัด ทำให้ ค่าใช้จ่ายรถยนต์ไฟฟ้า ของ EQE 300 มีความคุ้มค่าอย่างยิ่งในระยะยาว นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลระยะทางที่เหลือยังมีความแม่นยำสูง แปรผันตามพฤติกรรมการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างมั่นใจ
ความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่: มาตรฐาน Mercedes-Benz ที่เหนือกว่า
ความปลอดภัยคือหัวใจหลักของ Mercedes-Benz EQE 300 อัดแน่นด้วยถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP และไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน Adaptive brake light นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะมากมายที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบเพื่อยกระดับความปลอดภัย:
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist): ช่วยป้องกันการออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ
ระบบสร้างเสียงจำลองสำหรับเตือนผู้ใช้ถนน (Acoustic presence indicator): เพิ่มความปลอดภัยให้กับคนเดินเท้าและผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist): ช่วยให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist): ตรวจจับสิ่งกีดขวางและช่วยลดความรุนแรงของการชน
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist): เพิ่มความมั่นใจในการเปลี่ยนเลน
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST): ช่วยเตือนให้ผู้ขับขี่พักผ่อนเมื่อตรวจพบสัญญาณความเหนื่อยล้า
ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC): ผู้ช่วยชั้นยอดสำหรับการเดินทางไกล
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด: เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการถอยจอด
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system: เตรียมความพร้อมของรถและผู้โดยสารเพื่อลดความรุนแรงของการบาดเจ็บในกรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุ
ระบบเตือนแรงดันลมยางและอุปกรณ์ปะยางฉุกเฉิน TIREFIT: เพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง
ระบบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังช่วยลดความเครียดและความเหนื่อยล้าในการขับขี่ ทำให้ ประสบการณ์ขับขี่ EQE เต็มไปด้วยความมั่นใจในทุกเส้นทาง
บทสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ: EQE 300 คือการลงทุนที่คุ้มค่าในยุค 2025
โดยสรุปแล้ว Mercedes-Benz EQE 300 ด้วยราคา 2,890,000 บาท ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้กลายเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นอย่างแท้จริงในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมปี 2025 มันไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าที่หรูหรา แต่ยังเป็นรถยนต์ที่มอบความคุ้มค่าสูงสุด ทั้งในด้านราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้มากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอย่างมหาศาล และมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันตามมาตรฐาน Mercedes-Benz
สำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้าหรู ที่ผสานสมรรถนะอันยอดเยี่ยม เทคโนโลยีล้ำสมัย การออกแบบที่โดดเด่น และความประหยัดในการใช้งานเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว Mercedes-Benz EQE 300 คือคำตอบที่ไม่ควรมองข้ามในปัจจุบันปี 2025 ที่ตลาด EV มีความพร้อมในทุกมิติ
สัมผัสอนาคตวันนี้!
หากคุณพร้อมที่จะยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของคุณสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง และกำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มอบทั้งความหรูหรา สมรรถนะ และความคุ้มค่า Mercedes-Benz EQE 300 คือตัวเลือกที่คุณต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง อย่ารอช้า! ติดต่อผู้จำหน่าย Mercedes-Benz อย่างเป็นทางการเพื่อทดลองขับและรับข้อเสนอพิเศษที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของ EQE 300 ได้ง่ายกว่าที่คิด พร้อมก้าวเข้าสู่โลกของ นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่ยั่งยืนไปด้วยกัน
![[ครบชุด] PI10041 รปภ](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-851.png)
![[ครบชุด] PI10042 รอคอยคนรักมา 6 ปี กลับมาเจอกันอีกครั้งจะเป็นยังไงดูให้จบ กระดิ่งสตูดิโอ](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-852.png)