Mercedes-Benz EQE 300 ปี 2025: ยนตรกรรมไฟฟ้าหรูพลิกเกมตลาด พลิกโฉมประสบการณ์ขับขี่
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่พัดแรงขึ้นทุกปี และในปี 2025 นี้ ตลาด EV ในประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่เติบโตเต็มที่ มีผู้เล่นใหม่ๆ ทั้งจากตะวันออกและตะวันตกเข้ามาร่วมชิงส่วนแบ่งอย่างดุเดือด ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลายและน่าสนใจมากขึ้นกว่าที่เคย
ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดนี้ ยนตรกรรมไฟฟ้าจากค่ายดาวสามแฉกอย่าง Mercedes-Benz EQE 300 ได้กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการวางตำแหน่งราคาที่ทำให้ทุกคนต้องหันมาจับตามอง จากเดิมที่อาจถูกมองว่าเข้าถึงยาก วันนี้ EQE 300 ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้าหรู ระดับพรีเมียม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่แค่การปรับลดราคา แต่เป็นการส่งสัญญาณเชิงกลยุทธ์จาก Mercedes-Benz ที่จะเข้ามาเขย่าบัลลังก์ในตลาด รถ EV พรีเมียม อย่างจริงจัง เพื่อตอบรับกับความต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่ที่มองหาทั้งความหรูหรา นวัตกรรม และความคุ้มค่าไปพร้อมกัน
ถอดรหัสกลยุทธ์ราคา: เมื่อ EQE 300 กลายเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่า
ในช่วงแรกของการเปิดตัว Mercedes-Benz EQE 300 ต้องยอมรับว่าด้วยปัจจัยด้านราคาที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับการที่ผู้บริโภคชาวไทยยังคงคุ้นเคยกับ E-Class ในราคาใกล้เคียงกัน ทำให้ EQE 300 บนท้องถนนมีจำนวนไม่มากนัก แต่สถานการณ์ได้พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิงในปี 2025 ด้วยการประกาศราคาใหม่ที่ 2,890,000 บาท จากราคาเดิม 3,970,000 บาท หรือคิดเป็นส่วนลดมหาศาลกว่า 1,080,000 บาท การปรับราคาครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเลื่อนลอย แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่เฉียบคม เพื่อให้ EQE 300 สามารถแข่งขันได้อย่างเต็มภาคภูมิในตลาด รถไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่มีตัวเลือกหลากหลายขึ้น
พร้อมกันนั้น Mercedes-Benz ยังได้เสริมทัพด้วยข้อเสนอสุดพิเศษจำนวนจำกัด สำหรับผู้ที่จองและรับมอบรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2025 เท่านั้น ซึ่งประกอบด้วย:
ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นาน 1 ปีเต็ม เพื่อความอุ่นใจในการขับขี่
สิทธิชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี ณ สถานีชาร์จที่ร่วมรายการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยคลายความกังวลเรื่องการชาร์จสำหรับผู้ใช้ รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งไกล
ฟรี Wallbox พร้อมบริการติดตั้ง เพื่อความสะดวกสบายในการชาร์จที่บ้าน
การรับประกันแบตเตอรี่ High-voltage ยาวนานถึง 10 ปี หรือ 250,000 กิโลเมตร สะท้อนความมั่นใจใน แบตเตอรี่รถไฟฟ้า คุณภาพสูง
รถยนต์นำเข้าทั้งคัน (CBU) จากประเทศเยอรมนี การันตีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก
ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ใช่แค่ส่วนลดธรรมดา แต่เป็นการสร้างแรงจูงใจที่แข็งแกร่ง ทำให้ Mercedes-Benz EQE 300 เป็น นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่น่าลงทุนอย่างแท้จริง และเป็นหนึ่งใน ค่าบำรุงรักษารถ EV ที่ประหยัดกว่ารถสันดาปในระยะยาวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพิจารณาต้นทุนพลังงาน
หัวใจขับเคลื่อนแห่งอนาคต: สมรรถนะและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
ภายใต้รูปลักษณ์ที่สง่างามของ EQE 300 ซ่อนไว้ด้วยขุมพลัง เทคโนโลยีรถไฟฟ้า อันทันสมัย ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 550 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นจุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้แรงบิดมาในทันที ทำให้การออกตัวและการเร่งแซงเป็นไปอย่างรวดเร็วและนุ่มนวลอย่างน่าทึ่ง
แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 89 kWh คือหัวใจสำคัญที่มอบระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จเต็มที่น่าประทับใจถึง 651 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่โดดเด่นสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งไกล ในปี 2025 และเพียงพอต่อการเดินทางข้ามจังหวัดหลายร้อยกิโลเมตรได้อย่างสบายใจ
ด้านสมรรถนะตัวเลขจากโรงงานก็ไม่ทำให้ผิดหวัง:
อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.3 วินาที
ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 210 km/h
สำหรับระบบการชาร์จ Mercedes-Benz EQE 300 รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 kW โดยใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง 25 นาที ในการชาร์จจาก 10% ถึง 100% ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงานในตอนกลางคืน และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สูงสุดถึง 170 kW ทำให้สามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 32 นาที ซึ่งเป็นความเร็วที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางไกล โดยเฉพาะเมื่อต้องการเติมพลังงานอย่างรวดเร็วที่ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า สาธารณะ
สุนทรียะแห่งการออกแบบ: ล้ำยุคและเปี่ยมด้วยฟังก์ชัน
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าการออกแบบของ EQE 300 คือการหลอมรวมปรัชญา “Sensual Purity” ของ Mercedes-Benz เข้ากับหลักการทางอากาศพลศาสตร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ รูปทรงโดยรวมดูเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความล้ำสมัย เส้นสายที่ลื่นไหลไปกับตัวถังทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงต้านอากาศ (Cd value) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มระยะทางวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้า
ยอมรับว่าในช่วงแรกอาจมีบางท่านที่ยังไม่คุ้นชินกับดีไซน์ที่ดูแปลกตา แต่เมื่อพิจารณาในระยะยาวและการมองเห็นบนท้องถนนมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะพบว่ามันคือความสง่างามที่บ่งบอกถึงอนาคต เป็น ยนตรกรรมไฟฟ้า ที่ฉีกออกจากกรอบเดิมๆ อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ก็มาพร้อมกับข้อควรพิจารณาเล็กน้อย เช่น แผ่นปิดล้อที่ช่วยลดแรงต้านอากาศ อาจทำให้การเติมลมยางเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากช่องสำหรับจุกลมมีขนาดเล็กและอาจเข้าถึงยาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าของรถต้องหมั่นตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ เพราะยางของรถยนต์ไฟฟ้ามักมีความบางและสำคัญต่อประสิทธิภาพการขับขี่
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร EQE 300 ได้เนรมิตให้กลายเป็น “ดิจิทัล เลาจน์” ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับ ภายในรถไฟฟ้าสุดหรู แห่งโลกอนาคต แผงคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ที่มาพร้อมจอแสดงผล OLED ตรงกลางขนาด 12.8 นิ้ว และจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว มอบประสบการณ์ภาพที่คมชัดและใช้งานง่าย แม้ว่าตำแหน่งของจอและคอนโซลอาจจะค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ขับขี่ต้องปรับท่านั่งให้สูงตาม เพื่อทัศนวิสัยที่ดีที่สุด แต่โดยรวมแล้ว หน้าจอขนาดใหญ่เหล่านี้ก็ช่วยเสริมความหรูหราและเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม
สำหรับเบาะนั่งด้านหลัง แม้จะได้รับการออกแบบที่เน้นความสปอร์ตและกลมกลืนกับดีไซน์โดยรวม แต่จากประสบการณ์ก็อาจมีผู้โดยสารบางท่านที่รู้สึกว่าเบาะมีความเป็น “หลุม” ทำให้จมลงไปเล็กน้อยและอาจลุกออกจากเบาะได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับ E-Class ซึ่งมีพื้นที่และลักษณะเบาะที่รองรับสรีระได้ดีกว่า แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและไม่เน้นการโดยสารด้านหลังเป็นหลัก ก็อาจไม่ใช่ข้อเสียที่น่ากังวลนัก
ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้น: นุ่มนวล มั่นคง และปลอดภัยไร้กังวล
สิ่งที่ทำให้ Mercedes-Benz EQE 300 โดดเด่นอย่างแท้จริงคือ ประสบการณ์ขับขี่ EV ที่เหนือระดับ ผมได้ทดลองขับในสถานการณ์จริง ทั้งในเมืองและเดินทางไกลข้ามจังหวัด และผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง
การขับขี่ในเมือง: EQE 300 มอบความนุ่มนวลและเงียบสงบอย่างแท้จริง ด้วยความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ปราศจากเสียงเครื่องยนต์และการสั่นสะเทือน ความเงียบนี้ช่วยลดความเหนื่อยล้าได้อย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองใหญ่ ระบบต่างๆ ที่ทันสมัยช่วยให้การควบคุมเป็นไปอย่างง่ายดายและแม่นยำ
การเดินทางไกล: ผมได้ทดสอบ EQE 300 ในเส้นทางกรุงเทพฯ-ขอนแก่น ระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร และพบว่ารถคันนี้คือเพื่อนร่วมทางที่สมบูรณ์แบบ ด้วยความแรงจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้การควบคุมคันเร่งให้อยู่ในความเร็วที่เหมาะสมเป็นเรื่องท้าทายเล็กน้อย เพราะรถมีความเงียบและช่วงล่างที่นุ่มนวล ทำให้ความเร็วอาจเกิน 120 km/h ไปอย่างไม่รู้ตัว ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงอย่าง Active Distance Assist DISTRONIC จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ มันทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าและปรับความเร็วอัตโนมัติตามที่เราตั้งค่าไว้ เสมือนมีผู้ช่วยขับขี่ ทำให้การเดินทางไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลาย เพียงแค่ประคองพวงมาลัยเท่านั้น
ด้วยน้ำหนักตัวรถที่มากถึง 2,405 กิโลกรัม (ยังไม่รวมผู้โดยสารและสัมภาระ) EQE 300 จึงมีความมั่นคงและเกาะถนนเป็นเยี่ยม ทำให้การขับขี่ในความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่นและให้ความรู้สึกปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูฝนที่ถนนลื่นหรือมีน้ำขัง คุณสมบัติ ความปลอดภัยรถไฟฟ้า ที่มาจากน้ำหนักรถที่มากนี้ช่วยลดโอกาสการเกิดอาการเหินน้ำได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งผมได้สัมผัสด้วยตัวเองในการทดสอบและรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากรถยนต์สันดาปทั่วไป นอกจากนี้ การกระจายน้ำหนักแบตเตอรี่ที่อยู่บริเวณพื้นรถ ยังช่วยให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง เพิ่มเสถียรภาพในการเข้าโค้งได้อย่างยอดเยี่ยม
การจัดการพลังงานและระบบชาร์จ: ก้าวข้ามความกังวลในยุค 2025
สิ่งที่หลายคนกังวลเกี่ยวกับการเดินทางไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้าคือ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า และการจัดการพลังงาน จากประสบการณ์ ผมแนะนำว่าแผนที่ดีที่สุดคือ “เจอที่ไหนชาร์จที่นั่น” ไม่ควรรอให้แบตเตอรี่เหลือน้อยเกินไป เพราะถึงแม้ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากในปี 2025 แต่ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะเมืองรองในภาคอีสาน ตัวเลือกสถานีชาร์จความเร็วสูงอาจยังจำกัดอยู่
ในการทดสอบ ผมหยุดชาร์จครั้งแรกที่สระบุรี เพื่อเติมพลังงานให้ได้ประมาณ 80% ซึ่งเพียงพอต่อการเดินทางยาวไปจนถึงขอนแก่น และเมื่อถึงปลายทาง แบตเตอรี่ก็ยังเหลือให้ใช้งานได้อีกกว่า 300 กิโลเมตร ซึ่งสะดวกสบายสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ EQE 300 ยังโดดเด่นในด้านการรับพลังงานที่ค่อนข้างแรง แม้แบตเตอรี่จะเกิน 80% ไปแล้ว รถก็ยังคงรับกระแสไฟได้ดี ทำให้ไม่เสียเวลาในการชาร์จนานเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น และจากการทดสอบจริง ต้นทุนการชาร์จเฉลี่ยแล้วตกเพียง “กิโลเมตรละ 1 บาท” เท่านั้น ซึ่งถือว่าประหยัดอย่างมากเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
อีกหนึ่งจุดแข็งของ EQE 300 คือระบบการจัดการพลังงานไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยม ทำให้รถกินไฟไม่มากนัก โดยมีอัตราการกินไฟเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 15.4 kWh/100 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าประหยัดมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว และตัวเลขระยะทางที่แจ้งบนหน้าจอก็มีความแม่นยำสูง แปรผันตามความเร็วในการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างมั่นใจ
ความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่: อัจฉริยะเพื่อการปกป้องสูงสุด
Mercedes-Benz ขึ้นชื่อเรื่อง ความปลอดภัยรถไฟฟ้า และ EQE 300 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มาพร้อมระบบ Intelligent Drive ที่ครบครัน เพื่อปกป้องทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง และเป็นมาตรฐานที่คาดหวังได้จาก รถยนต์ไฟฟ้าหรู แห่งปี 2025
ถุงลมนิรภัยรอบคัน: ครอบคลุมผู้โดยสารทั้งด้านหน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า รวมถึงถุงลมนิรภัยระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP: ช่วยให้รถมั่นคงในทุกสภาวะ
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Lane Keeping Assist): ป้องกันการออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist): ตรวจจับสิ่งกีดขวางและช่วยเบรกเพื่อลดความรุนแรงหรือป้องกันอุบัติเหตุ
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist): เพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลน
ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC: เป็น ระบบขับขี่อัตโนมัติ ระดับ 2 ที่ช่วยให้การเดินทางไกลเป็นไปอย่างสะดวกสบายและปลอดภัย
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด: เพิ่มทัศนวิสัยในการจอด
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system: เตรียมรถให้พร้อมรับมืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
ระบบเตือนแรงดันลมยาง: แจ้งเตือนเมื่อแรงดันลมยางไม่เหมาะสม
ระบบมัลติมีเดีย MBUX: พร้อมแผนที่นำทางแบบ Hard-disc navigation แผนที่ 3 มิติ ข้อมูลสภาพการจราจร Live Traffic Information และแสดงสถานีชาร์จไฟ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ขาดไม่ได้สำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า ยุคปัจจุบัน
บทสรุป: EQE 300 – มิติใหม่ของความคุ้มค่าและความหรูหราในโลก EV 2025
Mercedes-Benz EQE 300 ในราคา 2,890,000 บาท ไม่ใช่แค่การปรับราคา แต่เป็นการพลิกโฉมตำแหน่งทางการตลาดครั้งสำคัญ ทำให้ Mercedes-Benz EQE 300 ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าหรู ของปี 2025 ด้วยส่วนต่างราคาที่น่าดึงดูดใจเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาประดับเดียวกัน รวมถึง ค่าบำรุงรักษารถ EV ที่ประหยัดกว่าในระยะยาว ทำให้การตัดสินใจเป็นเจ้าของ รถไฟฟ้า Mercedes คันนี้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอย่างมาก
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า EQE 300 มอบแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านดีไซน์ ประสิทธิภาพ เทคโนโลยีอันล้ำสมัย ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น และเหนือสิ่งอื่นใดคือความคุ้มค่าที่มาพร้อมกับแบรนด์ Mercedes-Benz ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ หากคุณกำลังมองหา รถ EV พรีเมียม ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเดินทางไกล และความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ ยนตรกรรมไฟฟ้า ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเทคโนโลยีจากอนาคต EQE 300 คือคำตอบที่ไม่ควรมองข้าม
อย่าพลาดโอกาสที่จะสัมผัสอนาคตของการเดินทาง!
เราขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจ รีวิว Mercedes-Benz EQE 2025 ด้วยตัวเอง เข้ามาเยี่ยมชมและทดลองขับ Mercedes-Benz EQE 300 ได้ที่โชว์รูม Mercedes-Benz ใกล้บ้านท่านวันนี้ สัมผัสประสบการณ์ขับขี่อันเหนือระดับ เทคโนโลยีอันชาญฉลาด และความหรูหราที่มาพร้อมกับความคุ้มค่าที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลก รถยนต์ไฟฟ้า แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม EQE 300 ถึงเป็นมากกว่าแค่รถยนต์ไฟฟ้า แต่คือนิยามใหม่ของยนตรกรรมแห่งอนาคตที่ใช่สำหรับคุณ
![[ครบชุด] PI10092 จริงๆแล้วผู้หญิงต้องการอะไรจากคนรักมากที่สุด ดูให้จบจะเข้าใจ กระดิ่งสตูดิโอ](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-902.png)
![[ครบชุด] PI10093 ไรเดอร์แอ๊บเป็นกระเทยเพื่อสิ่งนี้ ละครสั้น มังกรทองฟิล์ม](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-903.png)