[ครบชุด] PI10094 แม่นัดลูกๆทุกคนมาเจอกัน เรื่องราวดีๆอยากให้ทุกครอบครัวได้ดู กระดิ่งสตูดิโอ

Mercedes-Benz EQE 300: การกลับมาของความหรูหราที่ redefined สำหรับปี 2025

ในโลกยานยนต์ไฟฟ้าที่หมุนเร็วเฉกเช่นปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงราคาครั้งสำคัญสามารถพลิกโฉมสถานะของรถยนต์รุ่นหนึ่งได้อย่างสิ้นเชิง และนี่คือเรื่องราวของ Mercedes-Benz EQE 300 รถยนต์ซีดานไฟฟ้า 100% สุดหรูจากค่ายดาวสามแฉก ที่เคยต้องเผชิญกับความท้าทายด้านราคาในตลาดประเทศไทย การตัดสินใจปรับกลยุทธ์ด้านราคาครั้งใหญ่ พร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษ ได้จุดประกายให้ EQE 300 กลับมาเป็นที่จับตามองในฐานะ รถยนต์ไฟฟ้าหรู ที่น่าครอบครองที่สุดรุ่นหนึ่งสำหรับปี 2025

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของ เทคโนโลยี EV และการรับรู้ของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอด ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดตัว EQE 300 นั้น แม้จะมาพร้อมชื่อชั้นของ Mercedes-Benz และ นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่ล้ำสมัย แต่ด้วยราคาที่ใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาปอย่าง E-Class ในอดีต ทำให้แรงจูงใจในการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับบางกลุ่มยังไม่แข็งแกร่งพอ ส่งผลให้ยอดจำหน่ายและจำนวน EQE 300 บนท้องถนนยังไม่เป็นไปตามศักยภาพที่แท้จริง ทว่าวันนี้ แนวคิดนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว

การปรับลดราคาลงอย่างมหาศาลกว่า 1,080,000 บาท ทำให้ราคาจำหน่ายใหม่ของ EQE 300 ลงมาอยู่ที่ 2,890,000 บาท จากราคาเดิม 3,970,000 บาท นี่ไม่ใช่เพียงแค่การปรับราคา แต่เป็นการปรับตำแหน่งทางการตลาดครั้งใหญ่ ที่ทำให้ EQE 300 กลายเป็น ทางเลือกรถยนต์ ไฟฟ้าพรีเมียมที่เข้าถึงง่ายขึ้นอย่างก้าวกระโดด ในสถานการณ์ตลาดปี 2025 ที่ รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม มีการแข่งขันสูง การลดราคานี้จึงเปรียบเสมือนการเปิดประตูบานใหม่ ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับความหรูหรา ประสิทธิภาพ และ ความประหยัดค่าใช้จ่ายรถไฟฟ้า ที่แท้จริง

EQE 300: บทใหม่ของความคุ้มค่าและสมรรถนะที่เหนือกว่า

นอกเหนือจากการลดราคาที่น่าตกใจ Mercedes-Benz ยังคงย้ำจุดยืนในการมอบประสบการณ์แบบ “Best-in-Class” ด้วยข้อเสนอพิเศษที่มาพร้อมกับการจองผ่าน Online Showroom และรับมอบรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2025 ซึ่งประกอบด้วย:
ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นาน 1 ปี
สิทธิ์ การชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี
ฟรี Wallbox พร้อมติดตั้งที่บ้าน
สถานะการนำเข้าทั้งคัน (CBU) จากประเทศเยอรมนี ซึ่งยืนยันถึงมาตรฐานการผลิตและคุณภาพระดับโลก
การรับประกันแบตเตอรี่ High-voltage 10 ปี หรือ 250,000 กิโลเมตร ที่ช่วยลดความกังวลในระยะยาวและเสริมความมั่นใจในการ ลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง “ของแถม” แต่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ครบวงจร เพื่อลดอุปสรรคในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการชาร์จ หรือการติดตั้งระบบชาร์จที่บ้าน ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตคนเมืองในปี 2025

ขุมพลังและสมรรถนะ: หัวใจของรถยนต์ไฟฟ้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ EV

Mercedes-Benz EQE 300 มาพร้อมกับหัวใจขับเคลื่อนที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ติดตั้งอยู่บนเพลาล้อหลัง (RWD) ให้กำลังสูงสุดถึง 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ 550 นิวตันเมตร แรงบิดที่มาแบบทันทีทันใดในสไตล์รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ EQE 300 สามารถตอบสนองได้อย่างฉับไวในทุกย่านความเร็ว ความรู้สึกของการเร่งแซงที่มั่นใจและนุ่มนวลคือสิ่งที่สัมผัสได้ทันทีที่เท้าแตะคันเร่ง

แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 89 kWh คือแหล่งพลังงานสำคัญที่มอบ ระยะทางขับขี่รถไฟฟ้า สูงสุดถึง 651 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ตัวเลขนี้ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขในกระดาษ แต่สะท้อนถึงวิศวกรรมการจัดการพลังงานที่ยอดเยี่ยมของ Mercedes-Benz ซึ่งในสถานการณ์การใช้งานจริงของปี 2025 ระยะทางระดับนี้สามารถพาคุณไปได้ไกลกว่าที่คิด ลดความกังวลเรื่อง “Range Anxiety” ได้อย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือการเดินทางข้ามจังหวัดยาวๆ

สำหรับ สมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้า ตัวเลขที่น่าประทับใจอื่นๆ ได้แก่ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานบนท้องถนนทุกรูปแบบ และยังคงความรู้สึก “แรงเหลือเฟือ” ในสไตล์ Mercedes-Benz

ในด้าน การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EQE 300 รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 kW ซึ่งใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง 25 นาที ในการชาร์จจาก 10-100% เหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงานในเวลากลางคืน ส่วนการชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) รองรับสูงสุดถึง 170 kW สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในเวลาเพียง 32 นาที ซึ่งเป็นความเร็วที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางไกลในยุค 2025 ที่สถานีชาร์จ DC เริ่มแพร่หลายมากขึ้น

ดีไซน์และสุนทรียภาพ: การตีความใหม่ของความหรูหราสำหรับอนาคต

หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นชินกับ ดีไซน์รถยนต์ไฟฟ้า ในตระกูล EQ ของ Mercedes-Benz ในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป การออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย ไร้รอยต่อ และความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้ำสมัยและประสิทธิภาพ ทุกเส้นสายบนตัวถังของ EQE 300 ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อลดแรงต้านอากาศให้ได้มากที่สุด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระยะทางขับขี่ที่เพิ่มขึ้น และความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร การมอง EQE 300 ในปี 2025 จึงไม่ใช่แค่การมองรถยนต์ แต่เป็นการมองเห็นอนาคตของการเดินทางที่ผสานฟังก์ชันและสุนทรียะเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ใช้งานจริง ผมพบว่าการออกแบบบางจุดที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด อาจนำมาซึ่งความท้าทายเล็กน้อย เช่น แผ่นปิดล้อที่ช่วยลดแรงต้านอากาศ แต่ทำให้การเติมลมยางเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความประณีตสูง เนื่องจากช่องจุกลมมีขนาดเล็กมาก ซึ่งแม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่ก็สำคัญ เพราะยางของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีน้ำหนักมากเช่น EQE 300 (น้ำหนักตัวเปล่า 2,405 กิโลกรัม) ต้องการการตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยสูงสุด ไม่ควรรอให้ไฟเตือนลมยางขึ้นก่อนแล้วจึงค่อยตรวจสอบ

ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร คุณจะพบกับอาณาจักรแห่ง เทคโนโลยี EV และความหรูหราที่แตกต่าง จอแสดงผลกลาง OLED ขนาด 12.8 นิ้ว ที่โดดเด่นสะดุดตา ผสานกับจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว สร้างประสบการณ์การใช้งาน MBUX ที่สวยงามและลื่นไหล อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดและความสูงของคอนโซลหน้า ทำให้ตำแหน่งการนั่งของผู้ขับขี่บางท่านอาจรู้สึกว่าต้องปรับให้สูงตาม เพื่อให้ได้ทัศนวิสัยที่ดีที่สุด แม้จะเป็นความท้าทายด้านการออกแบบที่ต้องแลกมากับความอลังการของจอแสดงผล แต่เมื่อคุ้นเคยแล้ว การใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่ที่สวยงามและสบายตาก็ถือเป็นจุดเด่นที่ไม่อาจปฏิเสธได้

ส่วนในเรื่องของเบาะนั่งด้านหลัง แม้จะได้รับการออกแบบอย่างปราณีต แต่ลักษณะที่เป็น “หลุม” ลึก อาจทำให้ผู้โดยสารบางท่านรู้สึกว่าไม่สบายตัวเท่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อต้องการลุกออกจากเบาะ ซึ่งเป็นข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะแตกต่างจากความกว้างขวางและสะดวกสบายของ E-Class แต่โดยรวมแล้ว คุณภาพของวัสดุ การตัดเย็บ และความใส่ใจในรายละเอียด ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดของ Mercedes-Benz

ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือระดับ: ทัวร์ริ่งไฟฟ้าสู่ขอนแก่น

สิ่งสำคัญที่สุดที่ EQE 300 มอบให้คือ ประสบการณ์ขับขี่รถไฟฟ้า ที่แตกต่างและเหนือกว่า เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่แท้จริง ทีมงานของเราได้ทดสอบ EQE 300 ด้วยการเดินทางไกลจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ขอนแก่น ระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพในชีวิตจริง

ในการขับขี่ในเมือง EQE 300 โดดเด่นด้วยความเงียบสนิทและการตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ราบรื่น ระบบต่างๆ ทำงานผสานกันอย่างลงตัว มอบความสะดวกสบายและผ่อนคลายในสภาพการจราจรติดขัด ซึ่งแตกต่างจากการขับขี่รถยนต์ Mercedes-Benz เครื่องยนต์สันดาปอย่างชัดเจน ความเงียบนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเดินทางในเมืองเป็นเรื่องที่น่ารื่นรมย์ยิ่งขึ้น

เมื่อออกเดินทางไกล สู่ถนนหลวงที่ใช้ความเร็วสูง คุณจะได้สัมผัสกับช่วงล่างที่นุ่มนวล แต่ยังคงความมั่นคงในแบบฉบับ Mercedes-Benz ด้วยความเงียบของห้องโดยสารและช่วงล่างที่นุ่มนวล ทำให้การรักษาระดับความเร็วให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะหลายครั้งที่เผลอ ก็พบว่าความเร็วเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปแล้ว ระบบ Active Distance Assist DISTRONIC จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเดินทางไกล ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับระยะตามคันหน้าได้อย่างชาญฉลาดนี้ ทำหน้าที่เสมือนมีผู้ช่วยขับขี่คอยประคองรถให้คุณ เพียงแค่จับพวงมาลัยไว้ รถก็จะเบรกและเร่งความเร็วเองตามสภาพการจราจร มอบความปลอดภัยและลดความเมื่อยล้าได้อย่างยอดเยี่ยม

ด้วยน้ำหนักตัวรถที่มากถึง 2,405 กิโลกรัม (ยังไม่รวมผู้โดยสารและสัมภาระ) EQE 300 จึงมีความได้เปรียบในเรื่องของความนิ่งและความเกาะถนน น้ำหนักที่ส่วนใหญ่อยู่บริเวณพื้นรถ (แบตเตอรี่) ทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ส่งผลให้การเข้าโค้งและการทรงตัวในความเร็วสูงทำได้ดีเยี่ยม แม้จะขับขี่ในสภาพถนนเปียกจากฝนตกหนัก ซึ่งมักจะก่อให้เกิดอาการ “เหินน้ำ” ในรถยนต์ทั่วไป แต่ด้วยน้ำหนักของ EQE 300 ทำให้รถวิ่งผ่านแอ่งน้ำไปได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างมาก เหนือกว่ารถยนต์ในคลาสเดียวกันหลายรุ่น

การจัดการพลังงานและเครือข่ายการชาร์จ: การเดินทางไร้กังวล

สิ่งที่หลายคนกังวลเกี่ยวกับการเดินทางไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 คือเรื่องสถานีชาร์จ ในการทดสอบจริง เราใช้วิธี “เจอที่ไหนชาร์จที่นั่น” ไม่ปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือน้อยเกินไป จุดแรกที่เราแวะชาร์จคือบริเวณสระบุรี ชาร์จให้ได้ประมาณ 80% เพื่อเดินทางยาวไปจนถึงขอนแก่นโดยไม่ต้องแวะอีก ด้วยความเร็วเฉลี่ย 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเดินทางถึงขอนแก่น พบว่าระยะทางที่ยังวิ่งได้เหลือถึง 300 กิโลเมตร ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในเมืองและท่องเที่ยวได้อย่างสบาย

แม้เครือข่ายสถานีชาร์จ DC ในภาคอีสานจะเริ่มพัฒนาขึ้น แต่ก็ยังคงกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่เป็นหลัก และตู้ชาร์จบางแห่งอาจไม่ได้จ่ายไฟเต็มกำลังสูงสุดที่รถรับได้ (ส่วนใหญ่ที่เราพบคือ 180 kW) ดังนั้น กลยุทธ์การแวะชาร์จสั้นๆ 15-20 นาที เพื่อเพิ่มพลังงาน 20% จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทางไกล เพราะ EQE 300 ยังคงรับไฟได้เร็วแม้แบตเตอรี่เกิน 80% ไปแล้ว ซึ่งช่วยลดเวลาการรอคอยได้อย่างมาก

หนึ่งในจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ EQE 300 คือระบบการจัดการพลังงานไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม ซึ่งส่งผลให้ รถยนต์รักษ์โลก คันนี้มีการบริโภคพลังงานที่น่าประทับใจ ด้วยอัตราเฉลี่ย 15.4 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวแล้ว ถือว่า ประหยัดพลังงาน ได้อย่างยอดเยี่ยม จากการทดสอบ การเดินทางไกลด้วย EQE 300 มีค่าใช้จ่ายในการชาร์จเฉลี่ยเพียง กิโลเมตรละ 1 บาท เท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ประหยัดอย่างไม่น่าเชื่อ และตัวเลขระยะทางที่แสดงบนหน้าจอมีความแม่นยำสูง แปรผันตามพฤติกรรมการขับขี่จริง ไม่เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นที่ตัวเลขไม่ตรงกับการใช้งานจริง

ความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่: อุ่นใจในทุกเส้นทาง

ความปลอดภัยรถยนต์ไฟฟ้า ของ Mercedes-Benz EQE 300 ไม่เป็นรองใคร มาพร้อมกับถุงลมนิรภัยถึง 7 ตำแหน่ง (ด้านหน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย, ถุงลมนิรภัยหัวเข่า และถุงลมนิรภัยระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า) พร้อมด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง และระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program)

นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัยอีกมากมาย เช่น:
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC)
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist)
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE–SAFE® system
ระบบเตือนแรงดันลมยาง และอุปกรณ์ปะยางฉุกเฉิน TIREFIT

ระบบช่วยเหลือเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงลูกเล่น แต่เป็นฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่ม ความปลอดภัยในการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะในสภาพการจราจรและสภาพอากาศที่คาดเดาได้ยากของประเทศไทย ระบบ MBUX ยังมีระบบนำทางแบบ Hard-disc navigation พร้อมแผนที่ 3 มิติ และ Live Traffic Information ที่สำคัญคือสามารถแสดงตำแหน่งของสถานีชาร์จไฟได้อย่างละเอียด ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า

สรุป: Mercedes-Benz EQE 300 ทางเลือกที่คุ้มค่าในปี 2025

Mercedes-Benz EQE 300 ที่มาพร้อมราคาใหม่ 2,890,000 บาท ไม่ใช่แค่การปรับราคา แต่เป็นการประกาศศักดาครั้งสำคัญในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าหรู ปี 2025 เป็นการยืนยันว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายดาวสามแฉก สามารถมอบความหรูหรา สมรรถนะ และ ความประหยัดค่าใช้จ่าย ได้อย่างลงตัวในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น ส่วนต่างราคาจากรถยนต์สันดาปที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันหลักล้านบาท ทำให้ EQE 300 กลายเป็นตัวเลือกที่ยากจะมองข้าม

จากประสบการณ์ 10 ปีในวงการ ผมเชื่อมั่นว่า EQE 300 คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่าง นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในแบบฉบับของ Mercedes-Benz ที่พร้อมจะตอบโจทย์ผู้ที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม ที่คุ้มค่าและพร้อมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลได้อย่างไร้กังวล หากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าและความชาญฉลาดในการใช้ชีวิต EQE 300 คือคำตอบ

เปิดประสบการณ์ขับขี่แห่งอนาคตกับ Mercedes-Benz EQE 300 ด้วยตัวคุณเองวันนี้!