Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2 ลิตร ปี 2025: บทพิสูจน์ความแกร่งที่เหนือกว่าคำว่า ‘คุ้มค่า’ ในตลาดกระบะไทย
ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ โดยเฉพาะตลาดรถกระบะที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจไทย ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของรถกระบะมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ยุคที่เน้นแค่ความทนทานในการบรรทุก ไปจนถึงปัจจุบันที่รถกระบะได้ยกระดับสู่การเป็น “รถยนต์อเนกประสงค์” ที่ต้องตอบโจทย์ทั้งการทำงาน การใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว ในปี 2025 นี้ แม้ตลาดรถกระบะจะเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน การแข่งขันที่ดุเดือดจากคู่แข่งที่ต่างงัดไม้เด็ดมาประชันกัน รวมถึงกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่กระนั้น รถกระบะดีเซลพลังแกร่งก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความสมบุกสมบัน ความอึด ทน และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่คุ้มค่า
ในท่ามกลางสมรภูมิที่ร้อนระอุนี้ หนึ่งในดาวเด่นที่ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำ และได้รับการจับตามองอย่างต่อเนื่องคือ Isuzu D-Max โดยเฉพาะรุ่น Hi-Lander CAB4 MAXFORCE ที่มาพร้อมกับขุมพลังใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร RZ4F-TC ที่เปิดตัวมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มองหาสมดุลระหว่างพละกำลังที่เพียงพอต่อการใช้งานจริง และอัตราการประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ คำถามที่หลายคนอาจสงสัยคือ Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2 ลิตร รุ่นปี 2025 นี้ ยังคงน่าสนใจและมีดีพอที่จะยืนหยัดในฐานะตัวเลือกอันดับต้นๆ ของตลาดกระบะที่เต็มไปด้วยทางเลือกมากมายได้หรือไม่ บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมจากประสบการณ์ตรง เพื่อไขข้อข้องใจและให้ข้อมูลเชิงลึกที่ครบถ้วนสำหรับทุกท่านที่กำลังพิจารณาเป็นเจ้าของรถกระบะคันนี้
Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2 ลิตร: จุดยืนที่แข็งแกร่งในตลาดปี 2025
Isuzu เข้าใจตลาดรถกระบะไทยเป็นอย่างดี การนำเสนอเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ในรุ่น Hi-Lander CAB4 MAXFORCE จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มทางเลือก แต่เป็นการเติมเต็มช่องว่างระหว่างเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร Blue Power ที่เน้นความประหยัดสุดขีด และเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ที่ให้พละกำลังจัดเต็ม สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการแรงบิดที่สูงขึ้น เพื่อการเร่งแซงที่มั่นใจ หรือการบรรทุกที่หนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย โดยไม่ต้องการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปเหมือนเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ทำให้รุ่น 2.2 ลิตร กลายเป็น “จุดลงตัว” ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในเมืองและการเดินทางไกล พร้อมทั้งยังคงเอกลักษณ์ด้านความทนทานและการบำรุงรักษาที่คุ้มค่า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Isuzu เป็นที่ยอมรับมาอย่างยาวนาน
ในตลาดปี 2025 ที่ผู้บริโภคมีความต้องการที่ซับซ้อนและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2 ลิตร ยังคงโดดเด่นด้วยการนำเสนอสมรรถนะที่เชื่อถือได้ พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย โดยเฉพาะในรุ่นย่อยอย่าง D-Max Hi-Lander 2.2 ZP 8AT ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,064,000 บาท (อ้างอิงราคาเปิดตัว) ถือเป็นราคาที่เข้าถึงได้ง่ายเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีและสมรรถนะที่ได้รับ มิติของตัวรถที่ลงตัว ทั้งความยาว 5,265 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,870 มิลลิเมตร ความสูง 1,790 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,125 มิลลิเมตร และระยะต่ำสุดถึงพื้น 240 มิลลิเมตร ล้วนเอื้อต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะขับขี่ในเมืองที่การจราจรหนาแน่น หรือลุยเส้นทางสมบุกสมบันเล็กน้อยก็ทำได้อย่างไร้กังวล
หัวใจสำคัญ: เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 MAXFORCE E-VGS ที่พิสูจน์แล้ว
เครื่องยนต์ดีเซลรหัส RZ4F-TC ขนาด 2.2 ลิตร (2,164 ซีซี.) แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบครีบ E-VGS และ Intercooler/Electronic Wastegates คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE แตกต่างจากคู่แข่งและรุ่นอื่นๆ ในตระกูลเดียวกัน เครื่องยนต์ตัวนี้ให้พละกำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที ซึ่งเป็นช่วงรอบเครื่องยนต์ที่ใช้งานบ่อยที่สุดในการขับขี่จริง นี่คือจุดที่ทำให้เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ตอบสนองได้ดีเยี่ยมตั้งแต่รอบต่ำ ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง ตั้งแต่การออกตัวไปจนถึงการเร่งแซง การจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Sequential Shift พร้อม Manual Mode (+/-) ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น เกียร์ 8 สปีดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวลและต่อเนื่อง แต่ยังช่วยรักษารอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในย่านที่เหมาะสมที่สุดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะในสถานการณ์การขับขี่แบบใดก็ตาม ทำให้ได้ทั้งประสิทธิภาพและความประหยัด
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสทดสอบ Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE เครื่องยนต์ 2.2 ลิตรนี้หลายครั้ง และในครั้งล่าสุดนี้ ผมได้นำรถที่ผ่านการใช้งานจริงมาแล้วเกือบ 20,000 กิโลเมตรมาพิสูจน์ซ้ำ ซึ่งนี่คือการทดสอบที่แท้จริงที่สะท้อนถึงความทนทานและสมรรถนะระยะยาวได้อย่างชัดเจน สิ่งที่พบคือเครื่องยนต์ยังคงให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยมไม่ต่างจากรถใหม่ แม้จะผ่านการใช้งานมาพอสมควรแล้ว แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของวัสดุและวิศวกรรมการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานจริงในระยะยาว การรองรับน้ำมันดีเซล B20 พร้อมระบบ DPF (Diesel Particulate Filter Regeneration) เพื่อทำความสะอาดคราบเขม่า ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดมลพิษและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ทำให้ Isuzu D-Max 2.2 เป็นรถกระบะที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว
ประสบการณ์การขับขี่: ผสมผสานพลังและความนุ่มนวล
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 คุณจะสัมผัสได้ถึงความกว้างขวางและความสะดวกสบายที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น แผงหน้าปัดและคอนโซลกลางถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เน้นการใช้งานจริงและเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้ง่าย วัสดุที่ใช้มีคุณภาพดี ให้สัมผัสที่น่าประทับใจ การจัดวางเบาะนั่ง ergonomic ช่วยลดความเมื่อยล้าในการเดินทางไกล สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยพื้นฐานที่สร้างความประทับใจแรกก่อนที่จะได้สัมผัสกับสมรรถนะการขับขี่
พละกำลังและการตอบสนองของเครื่องยนต์
จุดเด่นที่ชัดเจนที่สุดของเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร MAXFORCE คือ “อัตราเร่ง” ที่ทำได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่มาในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ทำให้การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นและทันใจ ไม่ต้องรอรอบนานเหมือนรถกระบะบางรุ่น การเร่งแซงทั้งในเมืองและนอกเมืองทำได้อย่างมั่นใจ แม้จะมีผู้โดยสารเต็มคัน หรือมีสัมภาระท้ายกระบะบ้างก็ตาม พละกำลังที่ส่งผ่านมายังล้อนั้นเพียงพอและเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในทุกสถานการณ์ที่พบเจอในประเทศไทย ไม่ว่าจะขับขึ้นเขา หรือเร่งแซงรถบรรทุกบนถนนสองเลน ก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัยและไม่เครียด
การทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ เกียร์ชุดนี้ถูกปรับจูนมาอย่างดีเยี่ยม ทำให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวลและราบรื่นแทบไม่รู้สึกถึงรอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องมีการเร่งและชะลอบ่อยครั้ง หรือการวิ่งทางไกลด้วยความเร็วสูงต่อเนื่อง เกียร์ก็ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและชาญฉลาด อย่างไรก็ตาม จากการใช้งานจริง ผมพบว่าอาจมีบางจังหวะที่ความเร็วต่ำมากๆ เช่น การคลานในสภาพจราจรติดขัดสุดๆ อาจมีอาการกระตุกเล็กน้อยในการเปลี่ยนเกียร์ แต่ก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นไม่บ่อยและไม่ถึงขั้นรบกวนการขับขี่แต่อย่างใด และเมื่อรถลอยตัวหรือวิ่งด้วยความเร็วคงที่ การทำงานของเกียร์ 8 สปีดก็ไร้ที่ติ ให้ความรู้สึกมั่นคงและผ่อนคลาย
อัตราการประหยัดน้ำมัน
สำหรับผู้ที่มองหารถกระบะ Isuzu D-Max ที่ให้ความประหยัดน้ำมัน ควบคู่ไปกับสมรรถนะที่ดีเยี่ยม เครื่องยนต์ 2.2 ลิตรนี้ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี จากการทดสอบวิ่งใช้งานจริง ทั้งในเมืองและนอกเมือง ด้วยการขับขี่ที่หลากหลายรูปแบบ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ผมทำได้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14.4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่งสำหรับรถกระบะขนาดนี้ และยังเป็นอัตราที่เหนือกว่าคู่แข่งหลายรุ่นในตลาดเดียวกันด้วยซ้ำ ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ MAXFORCE ที่ผสานกับเทคโนโลยีเกียร์ 8 จังหวะได้อย่างลงตัว ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงไม่เป็นภาระหนักสำหรับเจ้าของรถ
ช่วงล่างและความนุ่มนวล: เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
ช่วงล่างของ Isuzu D-Max เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมาโดยตลอด และเป็นจุดที่ Isuzu มีปรัชญาการออกแบบที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน ในขณะที่คู่แข่งหลายรายพยายามปรับจูนช่วงล่างให้มีความสปอร์ตและแข็งกระด้างมากขึ้น เพื่อการขับขี่ด้วยความเร็วสูงและการเข้าโค้งที่มั่นคง Isuzu ยังคงยึดมั่นในการให้ความสำคัญกับ “ความนุ่มนวล” และ “ความสบาย” ในการขับขี่เป็นหลัก จากประสบการณ์ขับขี่ ผมยืนยันว่า Isuzu D-Max Hi-Lander ให้ความรู้สึกที่ “นุ่ม” และ “เด้ง” เล็กน้อยเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำบนสภาพถนนที่ไม่เรียบ ซึ่งบางคนอาจไม่คุ้นชิน แต่สำหรับผู้ที่ขับขี่รถกระบะ Isuzu มาโดยตลอด จะรู้สึกว่านี่คือเอกลักษณ์ที่รับได้และคุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงมากๆ บนถนนที่เรียบตรง อาจมีอาการ “ลอยๆ” ที่ต้องใช้การควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาจนถึงขั้นขาดความมั่นใจ หากเป็นการขับขี่ด้วยความเร็วตามกฎหมายและระมัดระวัง ก็สามารถเดินทางไกลได้อย่างสบาย การออกแบบช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวลนี้ยังส่งผลดีในแง่ของการดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบของประเทศไทย ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง และยังเหมาะกับการบรรทุกของที่ไม่หนักจนเกินไป ทำให้รถไม่กระด้างจนเกินไปเมื่อไม่มีน้ำหนักกดทับ
นอกจากนี้ สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามแต่เป็น “จุดแข็ง” ที่สำคัญอย่างยิ่งของ Isuzu คือ “ค่าบำรุงรักษา” โดยเฉพาะอะไหล่ช่วงล่างที่ราคาไม่แพง ตัวอย่างเช่น โช้คอัพทั้ง 4 ต้น มีราคาไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับรถกระบะยี่ห้ออื่นในตลาด นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Isuzu D-Max เป็นรถกระบะที่ “คุ้มค่า” ในระยะยาวอย่างแท้จริง ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และทำให้การเป็นเจ้าของรถกระบะ Isuzu เป็นเรื่องที่สบายใจสำหรับผู้ใช้งาน
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS: เทคโนโลยีที่ต้องการความเข้าใจ
Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มาพร้อมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ที่ทันสมัย ถือเป็นก้าวสำคัญของ Isuzu ในการนำเสนอเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสู่ผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ใช้งานจริงและผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยอมรับตามตรงว่าในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพการจราจรที่ซับซ้อนและคาดเดายากของประเทศไทย ระบบ ADAS ของ Isuzu ในช่วงแรกๆ อาจยังมีพฤติกรรมที่ต้องทำความเข้าใจและปรับตัวเข้าหา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้าพร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Forward Collision Warning with Autobrake) ที่จากประสบการณ์การใช้งานจริง พบว่าบางครั้งรถอาจมีการเบรกเองอย่างรุนแรงโดยที่เรายังคงควบคุมรถอยู่ ทั้งที่ระยะห่างจากรถคันหน้ายังไม่ถึงขั้นวิกฤติ หรือในสถานการณ์ที่มีรถตัดหน้าแบบกะทันหันในระยะกระชั้นชิด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้บ่อยบนท้องถนนไทย การที่ระบบเบรกเองอย่างรุนแรงอาจสร้างความตกใจให้กับผู้ขับขี่ และอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการถูกรถคันหลังชนท้ายได้
นี่ไม่ใช่ข้อบกพร่องของเทคโนโลยีโดยรวม แต่เป็นความท้าทายในการปรับจูนระบบให้เข้ากับบริบทการขับขี่ในแต่ละประเทศ ซึ่งมีการจราจรที่แตกต่างกันออกไป ในปี 2025 นี้ ระบบ ADAS ของ Isuzu ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้มีความแม่นยำและฉลาดมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานยังคงต้องทำความเข้าใจและเรียนรู้พฤติกรรมของระบบ และในบางสถานการณ์ การเปิดหรือปิดระบบบางส่วนตามความเหมาะสมก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุด ผู้ขับขี่ควรใช้ระบบเหล่านี้เป็นเพียง “ตัวช่วย” และไม่ควรมอบความรับผิดชอบในการตัดสินใจให้ระบบทั้งหมด การตระหนักรู้และสมาธิในการขับขี่จึงยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
สรุป Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2 ลิตร: รถกระบะที่ใช่สำหรับใคร?
เมื่อพิจารณาจากภาพรวมทั้งหมด Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2 ลิตร ปี 2025 ยังคงเป็นรถกระบะที่ “น่าสนใจอย่างยิ่ง” และตอบโจทย์การใช้งานของคนไทยได้อย่างลงตัว หากคุณกำลังมองหารถกระบะที่เน้นการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน การขนของเพื่อประกอบอาชีพ หรือการเดินทางพักผ่อนกับครอบครัว โดยมีคุณสมบัติหลักคือ:
ความทนทานและดูแลรักษาง่าย: Isuzu ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน และอะไหล่ที่มีราคาเข้าถึงได้ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาไม่เป็นภาระ
อัตราเร่งที่ดีเยี่ยมและประหยัดน้ำมัน: เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร MAXFORCE พร้อมเกียร์ 8 สปีด มอบสมรรถนะที่เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป พร้อมอัตราการประหยัดน้ำมันที่น่าประทับใจ
ห้องโดยสารที่สะดวกสบาย: การออกแบบภายในที่เน้นความกว้างขวาง ใช้งานง่าย และให้ความสบายในการเดินทาง
ความคุ้มค่าในระยะยาว: ด้วยความทนทาน ค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง และชื่อเสียงด้านราคาขายต่อที่ดี ทำให้ Isuzu D-Max เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2 ลิตร จึงเป็นรถกระบะที่เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก เกษตรกร ผู้รับเหมา หรือแม้แต่ผู้ที่มองหารถกระบะอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่ต้องการความสมดุลระหว่างพละกำลัง ความประหยัด และความสบายในการขับขี่ในราคาที่สมเหตุสมผล
ในตลาดปี 2025 ที่เต็มไปด้วยตัวเลือกที่หลากหลาย Isuzu D-Max ยังคงยืนหยัดด้วยปรัชญาที่ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือการสร้างรถกระบะที่ “เข้าใจคนไทย” และ “ใช้งานได้จริง” อย่างไร้ที่ติ และรุ่น 2.2 ลิตร MAXFORCE นี้คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า Isuzu ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค
มั่นใจในทุกเส้นทาง… ไปกับ Isuzu D-Max
หากคุณกำลังมองหารถกระบะที่พร้อมลุยไปกับคุณในทุกสถานการณ์ ให้ Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2 ลิตร เป็นคำตอบของคุณ สัมผัสประสบการณ์ขับขี่จริง เพื่อยืนยันด้วยตัวคุณเองว่ารถกระบะคันนี้จะตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณได้อย่างไร้ที่ติ พบกับข้อเสนอสุดพิเศษและทดลองขับได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูม Isuzu ทั่วประเทศ อย่ารอช้าที่จะเป็นเจ้าของรถกระบะคู่ใจที่จะพาคุณไปได้ไกลกว่าที่เคย!
![[ครบชุด] PI10131 ความรักที่แท้จริง บ้างครั้งมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งของมี](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-944.png)
![[ครบชุด] PI10132 กลับมาเจอกันอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เจอกันมา 8 ปี ซึ้งมาก กระดิ่งสตูดิโอ](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-945.png)