Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2L: กระบะแห่งอนาคตที่ยังคงน่าจับตาในตลาดปี 2025
ในโลกของยานยนต์ที่หมุนไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถกระบะของประเทศไทยปี 2025 ซึ่งเต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือดและมาตรฐานที่สูงขึ้นจากผู้บริโภค การเลือกสรร “รถกระบะ” ที่ตอบโจทย์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการพาณิชย์ หรือไลฟ์สไตล์ส่วนตัว จึงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ผู้ผลิตต่างงัดไม้เด็ดทั้งด้านสมรรถนะ, เทคโนโลยี, ความปลอดภัย, และแน่นอนที่สุดคือ “ความคุ้มค่า” เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดอันจำกัด ท่ามกลางกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มเข้ามามีบทบาท อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ แค็บโฟร์ แม็กซ์ฟอร์ซ (Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE) ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตรใหม่ ยังคงยืนหยัดและได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ผมในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการรถกระบะมานานกว่าทศวรรษ จะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงแก่นแท้ของรถคันนี้ ว่า “ดีจริงไหม” ในบริบทของตลาดปี 2025 ที่เปลี่ยนแปลงไป
Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2L: การยืนหยัดในยุคสมัยใหม่
อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ เป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงมาโดยตลอด ด้วยชื่อเสียงด้านความทนทานและประหยัดน้ำมัน แต่การเปิดตัวเครื่องยนต์ใหม่ ดีเซล 2.2 ลิตร MAXFORCE E-VGS ถือเป็นการยกระดับที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในรุ่น CAB4 ที่เน้นความอเนกประสงค์ การนำรุ่น D-Max Hi-Lander 2.2 ZP 8AT ซึ่งมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,064,000 บาท มาวิเคราะห์อย่างละเอียด จะทำให้เห็นภาพรวมของความคุ้มค่าและสมรรถนะที่แท้จริงในสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง
ก่อนที่เราจะลงลึกถึงรายละเอียดเชิงเทคนิคและการขับขี่ ลองมาดูมิติตัวถังที่แสดงถึงความใหญ่โตและบึกบึนที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ D-Max:
ความยาว: 5,265 มิลลิเมตร
ความกว้าง: 1,870 มิลลิเมตร
ความสูง: 1,790 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ (Wheelbase): 3,125 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance): 240 มิลลิเมตร
มิติเหล่านี้บ่งบอกถึงศักยภาพในการบรรทุกและการลุยได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่รถกระบะควรมี โดยเฉพาะการให้ความสูงจากพื้นถึง 240 มิลลิเมตร ทำให้รถสามารถลุยน้ำท่วมขังหรือเส้นทางทุรกันดารได้สบายๆ ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายรูปแบบในประเทศไทย
หัวใจใหม่แห่งสมรรถนะ: เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 MAXFORCE E-VGS และเกียร์ 8 จังหวะ
จุดเด่นที่สุดของการอัปเดตครั้งนี้คือเครื่องยนต์ดีเซลรหัส RZ4F-TC ขนาด 2.2 ลิตร (2,164 ซีซี) แบบ 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พ่วงด้วยเทอร์โบแปรผันแบบครีบ E-VGS และ Intercooler พร้อม Electronic Wastegates พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาล 400 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 1,600 – 2,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Sequential Shift ที่มาพร้อม Manual Mode (+/-) และขับเคลื่อน 2 ล้อ รองรับน้ำมันดีเซล B20 พร้อมระบบ DPF (Diesel Particulate Filter Regeneration) สำหรับการทำความสะอาดคราบเขม่า
จากประสบการณ์การขับขี่รถกระบะมาอย่างยาวนาน เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร MAXFORCE ตัวนี้ คือคำตอบที่อีซูซุตั้งใจมอบให้กับผู้ที่ต้องการ “สมรรถนะ” ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร แต่ยังคง “ความประหยัด” ในระดับที่ดีเยี่ยม แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่มาในรอบต่ำทำให้รู้สึกได้ถึง “อัตราเร่ง” ที่มาแบบทันใจ ไม่ต้องรอรอบนาน ไม่ว่าจะเป็นการออกตัวจากสี่แยก การเร่งแซงรถบรรทุกบนถนนสองเลน หรือการขึ้นทางลาดชัน รถคันนี้ตอบสนองได้ทันท่วงที มอบความมั่นใจในการขับขี่ที่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ อย่างชัดเจน
เมื่อพูดถึง “เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ” (8AT) นี่คืออีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ เกียร์ชุดใหม่นี้ทำงานได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลอย่างเห็นได้ชัดในแทบทุกสถานการณ์ การไหลของกำลังทำได้อย่างต่อเนื่อง ลดอาการกระตุกหรือสะดุดที่อาจพบในเกียร์ที่มีอัตราทดน้อยกว่า สิ่งนี้มีผลอย่างมากต่อ “ความสบายในการขับขี่” ทั้งในเมืองที่ต้องมีการเร่งและชะลอตัวบ่อยครั้ง และนอกเมืองที่ต้องการความนิ่งและประหยัดน้ำมันในย่านความเร็วสูง แม้จะมีบางจังหวะของการขับขี่ในเมืองด้วยความเร็วต่ำมากๆ อาจจะยังรู้สึกถึงการทำงานของเกียร์อยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วถือว่าได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นมาก และเมื่อวิ่งทางไกลด้วยความเร็วสูง เกียร์ 8 จังหวะช่วยให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยม ด้วยรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการ “ประหยัดค่าใช้จ่าย” ระยะยาวสำหรับผู้ประกอบการและผู้ใช้งานทั่วไป
จากการทดสอบใช้งานจริงบนเส้นทางที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งการขับขี่ในเมืองที่การจราจรหนาแน่น และการเดินทางไกลข้ามจังหวัด รถคันนี้ที่ผ่านการใช้งานมาเกือบสองหมื่นกิโลเมตรยังคงให้ประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากการทดสอบจริงสามารถทำได้ถึง 14.4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมสำหรับ “รถกระบะ” ในพิกัดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการปรับจูนเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่ลงตัว ช่วยให้ Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2 เป็น “รถกระบะประหยัดน้ำมัน” ที่น่าจับตาในตลาดปี 2025
ช่วงล่าง: จุดอ่อนที่ต้องทำความเข้าใจ และจุดแข็งที่มองข้ามไม่ได้
หากพูดถึง “ช่วงล่าง Isuzu D-Max” มักจะเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด หลายท่านอาจมีความรู้สึกว่า Isuzu มีช่วงล่างที่ออกแนวนุ่มนวล ยวบยาบไปสักนิดเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่เน้นความกระชับ หนึบแน่น โดยเฉพาะเมื่อใช้ความเร็วสูง หรือเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงอาจจะรู้สึกว่าตัวรถมีอาการ “ลอยๆ” หรือโคลงตัวอยู่บ้าง ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังและควบคุมพวงมาลัยมากขึ้น
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่าภาพจำนี้ไม่ได้ผิดไปจากความจริงเสียทีเดียว “การออกแบบช่วงล่างของอีซูซุ” มีปรัชญาที่เน้น “ความนุ่มนวล” และ “ความสบายในการขับขี่” มาตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะในรุ่น Hi-Lander ที่ต้องรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการบรรทุกสัมภาระและการขับขี่เพื่อโดยสาร จุดประสงค์หลักคือการซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบของประเทศไทยได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง หากคุณเป็นผู้ที่ขับขี่รถกระบะมาโดยตลอด และไม่ได้เน้นการขับขี่ด้วยความเร็วสูงแบบสปอร์ต คุณจะรู้สึกว่าช่วงล่างของ D-Max Hi-Lander สามารถ “รับได้” และให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายในการขับขี่ประจำวัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามและเป็น “จุดแข็งที่แท้จริง” ของช่วงล่างอีซูซุ คือ “ค่าบำรุงรักษา Isuzu D-Max” ที่อยู่ในระดับที่เข้าถึงได้และ “อะไหล่ช่วงล่าง Isuzu D-Max” ที่มีราคาถูกมาก ยกตัวอย่างเช่น โช้คอัพทั้ง 4 ต้น อาจมีราคาไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่งเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนหรือซ่อมบำรุง นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “Isuzu D-Max” เป็น “รถกระบะที่คุ้มค่า” และ “ดูแลรักษาง่าย” ในระยะยาว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้งานจริงและต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการยกระดับสมรรถนะการทรงตัวให้ดีขึ้นสำหรับ “การขับขี่ Isuzu D-Max” ด้วยความเร็วสูง ก็สามารถลงทุน “อัปเกรดช่วงล่าง” ได้โดยใช้งบประมาณที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับรถกระบะยี่ห้ออื่น
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย ADAS: ความก้าวหน้ากับการปรับตัวในสภาพแวดล้อมไทย
Isuzu ได้ยกระดับเทคโนโลยีด้วยการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง หรือ “ADAS (Advanced Driver Assistance Systems)” ซึ่งมาพร้อมกับนวัตกรรม “กล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera” นี่คือความพยายามครั้งสำคัญของอีซูซุในการก้าวทันคู่แข่งและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน
ระบบ ADAS ใน Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2L ประกอบด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย เช่น ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning) พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking – AEB) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) และระบบเตือนออกนอกเลน (Lane Departure Warning) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ใช้งานจริงและผู้เชี่ยวชาญ เราต้องยอมรับว่า “เทคโนโลยี Isuzu D-Max” โดยเฉพาะระบบ ADAS บางฟังก์ชัน อาจยังต้องการการปรับจูนเพิ่มเติมให้เข้ากับ “สภาพการจราจรเมืองไทย” ที่มีความซับซ้อนและคาดเดายาก ยกตัวอย่างเช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ อาจมีการทำงานที่ไวเกินไปในบางจังหวะ เช่น การเบรกกะทันหันในขณะที่รถคันหน้ายังไม่ได้หยุดสนิท แต่ระบบตีความว่าอาจเกิดการชน ทำให้รถเบรกอย่างรุนแรงโดยที่ผู้ขับขี่ยังควบคุมรถอยู่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับรถที่ตามมาด้านหลังได้ หรือในสถานการณ์ที่มีรถตัดหน้าอย่างกะทันหันบ่อยครั้ง ระบบอาจทำงานไม่ราบรื่นเท่าที่ควร
ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยจึงเลือกที่จะ “ปิดระบบ ADAS” บางส่วน เพื่อลดความเข้าใจผิดของระบบกับสภาพการจราจรจริง การปรับจูนซอฟต์แวร์ให้มีความยืดหยุ่นและฉลาดขึ้นในการแยกแยะสถานการณ์ ถือเป็นความท้าทายที่อีซูซุจะต้องพัฒนาต่อไปในอนาคต แต่โดยรวมแล้ว การมีระบบเหล่านี้ติดรถมาให้ ก็ถือเป็นการเพิ่ม “ระบบความปลอดภัย Isuzu D-Max” ให้เหนือกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด และเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาระบบอัตโนมัติที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในวันข้างหน้า
การออกแบบภายนอกและภายใน: ผสมผสานความแกร่งและความทันสมัย
ภายนอก: Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของดีไซน์ที่ “บึกบึน” และ “ทรงพลัง” ไฟหน้า Bi-LED Projector พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Light) แบบ LED มอบทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมและเสริมความดุดันให้กับด้านหน้า กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่ใหญ่ขึ้น ผสมผสานความหรูหราและความสปอร์ตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ที่เข้ากับซุ้มล้อที่ขยายใหญ่ขึ้น ทำให้รถดูมีความมั่นคงและพร้อมลุยทุกสภาพถนน การออกแบบที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์เล็กน้อยก็ช่วยลดเสียงลมที่เข้ามาในห้องโดยสารเมื่อใช้ความเร็วสูง ทำให้ “การขับขี่ Isuzu D-Max” ทางไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลาย
ภายใน: ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE คุณจะสัมผัสได้ถึงความกว้างขวางและความใส่ใจในรายละเอียด เบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ มอบความสบายในการเดินทางไกล โดยเฉพาะเบาะนั่งด้านคนขับที่สามารถปรับได้หลายทิศทาง แผงคอนโซลดีไซน์ใหม่ที่ดูทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Digital และหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่สำหรับระบบ “Infotainment” ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับรถยนต์ยุค 2025 การเชื่อมต่อที่ง่ายดายและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทาง
พื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังของรุ่น CAB4 ยังคงเป็นจุดเด่น ด้วย “พื้นที่ใช้สอย” ที่กว้างขวาง สามารถพับเก็บเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้ตามต้องการ ซึ่งตอบโจทย์ทั้งการใช้งานส่วนตัวและการพาณิชย์ วัสดุที่ใช้ภายในห้องโดยสารแม้จะไม่ใช่ระดับพรีเมียม แต่ก็มีความทนทานและง่ายต่อการดูแลรักษา ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาของรถกระบะที่เน้นการใช้งานจริง
ความคุ้มค่าและมุมมองในตลาดปี 2025
ในปี 2025 ที่ตลาดรถกระบะเต็มไปด้วยทางเลือกที่หลากหลาย Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2L ยังคงมี “ความคุ้มค่า” ที่โดดเด่นในหลายมิติ:
สมรรถนะที่เพียงพอและเหนือกว่า: เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ให้ “สมรรถนะเครื่องยนต์ RZ4F-TC” ที่โดดเด่นทั้งแรงม้าและแรงบิด การตอบสนองที่ดีเยี่ยม เหมาะสมกับการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการกำลังในการบรรทุกหรือลากจูง
ความประหยัดน้ำมัน: ด้วย “เทคโนโลยีเกียร์ 8 จังหวะอัตโนมัติ” และการจูนเครื่องยนต์อย่างพิถีพิถัน ทำให้ D-Max Hi-Lander เป็น “รถกระบะประหยัดน้ำมัน” ที่เชื่อถือได้ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงในระยะยาว ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ราคาน้ำมันมีความผันผวน
ค่าบำรุงรักษาและอะไหล่: จุดแข็งที่ไม่มีใครเหมือนของ Isuzu คือ “ค่าบำรุงรักษา Isuzu D-Max” ที่สมเหตุสมผลและ “อะไหล่ Isuzu D-Max” ที่มีราคาถูก หาซื้อง่าย ทำให้ “Isuzu D-Max” เป็น “รถกระบะที่ดูแลรักษาง่าย” และไม่เป็นภาระกับเจ้าของรถในระยะยาว
ความทนทานและราคาขายต่อ: ชื่อเสียงของ Isuzu ในด้านความ “ทนทาน” และ “ความน่าเชื่อถือ” เป็นที่ประจักษ์มาอย่างยาวนาน ซึ่งส่งผลดีต่อ “ราคา Isuzu D-Max มือสอง” ที่ยังคงรักษามูลค่าได้ดี ทำให้การลงทุนกับรถคันนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
หากพิจารณาถึง “ราคา Isuzu D-Max Hi-Lander” ในรุ่น 2.2 ZP 8AT ที่ 1,064,000 บาท เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะที่ทรงพลัง ความประหยัด เทคโนโลยี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าบำรุงรักษาในระยะยาว D-Max คันนี้ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ “คุ้มค่าที่สุด” ในเซกเมนต์รถกระบะปี 2025
บทสรุป: Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2L สำหรับคุณหรือไม่?
จากการวิเคราะห์อย่างละเอียดในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมสรุปได้ว่า Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2L คือรถกระบะที่ยังคงโดดเด่นและน่าสนใจอย่างยิ่งในตลาดปี 2025 แม้ตลาดจะเงียบเหงาไปบ้างจากปัจจัยภายนอก แต่ D-Max คันนี้ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหา “รถกระบะ” ที่เน้นการใช้งานจริง “ความทนทาน” “ความประหยัด” และ “ดูแลรักษาง่าย” เครื่องยนต์ 2.2 ลิตรใหม่ มอบ “อัตราเร่งที่ดีเยี่ยม” และ “สมรรถนะ” ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ช่วยให้ “การขับขี่ Isuzu D-Max” นุ่มนวลและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น แม้ช่วงล่างอาจจะไม่ใช่แนวสปอร์ตจ๋า แต่ก็มอบ “ความสบาย” ในการเดินทาง และที่สำคัญคือ “ค่าบำรุงรักษา” ที่เป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์ของคุณ
ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS แม้จะยังต้องมีการปรับจูนให้เข้ากับสภาพการจราจรไทยให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น แต่ก็ถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญที่เพิ่ม “ความปลอดภัย” ให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
หากคุณคือผู้ที่มองหารถกระบะคู่ใจสำหรับปี 2025 ที่เป็นมากกว่าแค่พาหนะ แต่คือ “คู่หูที่เชื่อถือได้” ในทุกเส้นทาง ทั้งเพื่อการทำงานและไลฟ์สไตล์ส่วนตัว หากคุณให้ความสำคัญกับสมรรถนะที่ตอบสนองได้ดั่งใจ ความประหยัดที่จับต้องได้ และความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของตลอดอายุการใช้งาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2L คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ
เราขอเชิญชวนทุกท่านสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยตัวคุณเอง เพื่อพิสูจน์ถึงสมรรถนะและความโดดเด่นของ Isuzu D-Max Hi-Lander CAB4 MAXFORCE 2.2L ได้ที่โชว์รูมอีซูซุใกล้บ้านท่าน แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมรถกระบะคันนี้ถึงยังคงเป็นตำนานที่น่าจับตาในยุคสมัยใหม่นี้!
![[ครบชุด] PI10189 ชายคนนี้ฝากลูกไปกับคนแปลกXน้าทำไม ละครสั้น มังกรทองฟิล์ม](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-1003.png)
![[ครบชุด] PI10190 โดนบอกเลิกแบบไม่ทันตั้งตัว! พีคตอนจบ กระดิ่งสตูดิโอ](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-1004.png)