Group: oto thai lan1

Ngày tạo: 2025-10-18 20:37:08

Toyota Yaris ATIV HEV 2025: พลิกโฉมวงการ B-Segment ด้วยช่วงล่างเหนือชั้นและสมรรถนะไฮบริดที่ลงตัว

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของตลาดรถยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซกเมนต์ B-Segment ที่การแข่งขันดุเดือดและผู้บริโภคมีความคาดหวังสูงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับปี 2025 นี้ หนึ่งในดาวเด่นที่ผมเชื่อมั่นว่าจะยังคงสร้างปรากฏการณ์และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในตลาด นั่นคือ Toyota Yaris ATIV HEV ที่ไม่ได้เป็นเพียงการอัปเกรดเครื่องยนต์ แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้นอย่างแท้จริง

หลายคนอาจจะรู้จัก Yaris ATIV รุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรที่ครองใจคนไทยมานาน แต่เมื่อ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรุ่นไฮบริด หรือ HEV ออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา พร้อมกับ 2 รุ่นย่อยที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นั่นคือ HEV Premium และ HEV GR SPORT คำถามที่ตามมาทันทีคือ “มันแตกต่างกันอย่างไร และดีพอที่จะเปลี่ยนใจจากรุ่นเดิมหรือไม่?” ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอบอกเลยว่า “แตกต่างอย่างสิ้นเชิง และดีกว่าที่คิดไว้มาก”

ราคาและการรับประกัน: ความคุ้มค่าที่มาพร้อมความมั่นใจในตลาด 2025

สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ใหม่ในปี 2025 เรื่องราคาและเงื่อนไขการรับประกันย่อมเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ Yaris ATIV HEV ได้เปิดราคาแนะนำในช่วงเปิดตัวที่ถือว่าน่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง:
HEV Premium: 719,000 บาท
HEV GR SPORT: 769,000 บาท

โดยราคาพิเศษนี้มีผลถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2025 เท่านั้น หลังจากนั้นจะมีการปรับราคาขึ้นรุ่นละ 10,000 บาท เป็น 729,000 – 779,000 บาท ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงเทคโนโลยีไฮบริดที่ได้รับ รวมถึงการปรับปรุงสมรรถนะโดยรวม ผมมองว่าราคาตั้งต้นนี้เป็นการวางตำแหน่งที่ชาญฉลาด ทำให้ Toyota Yaris ATIV HEV กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นซีดานไฮบริดจากค่ายอื่น หรือแม้กระทั่งรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาด

นอกจากราคาที่แข่งขันได้แล้ว สิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของโตโยต้าในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ คือการรับประกันที่ยอดเยี่ยม:
รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty): นาน 5 ปี หรือ 150,000 กม.
รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด: นานถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

การรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ยาวนานถึง 10 ปีนี้ ถือเป็นไม้เด็ดที่ช่วยคลายความกังวลใจเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถไฮบริดระยะยาวได้อย่างหมดจด ทำให้ผู้ซื้อสามารถวางใจในเรื่องความทนทานและคุ้มค่าตลอดอายุการใช้งาน นี่คือจุดแข็งที่ทำให้ ซื้อรถยนต์ ไฮบริดของโตโยต้าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความต้องการด้านความยั่งยืนและการประหยัดพลังงาน

มิติตัวถัง: ขนาดที่ลงตัวกับชีวิตเมืองและความกว้างขวางที่เกินคาด

แม้จะเป็นรถในกลุ่ม B-Segment แต่ Yaris ATIV HEV ก็ยังคงให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยและความสะดวกสบาย โดยมีมิติตัวถังที่น่าสนใจ:
ยาว: 4,425 – 4,440 มม.
กว้าง: 1,740 มม.
สูง: 1,480 มม.
ระยะฐานล้อ (Wheelbase): 2,620 มม.
ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance): 160 มม.
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด: 4.8 – 5.2 เมตร
ความจุถังน้ำมัน: 36 ลิตร

จากตัวเลขเหล่านี้ สิ่งที่โดดเด่นคือระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,620 มม. ซึ่งมักจะพบในรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า สิ่งนี้ส่งผลโดยตรงต่อความกว้างขวางของห้องโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ทำให้การเดินทางไกลเป็นไปอย่างสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ รัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพียง 4.8 – 5.2 เมตร ยังเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Yaris ATIV HEV คล่องตัวอย่างน่าประทับใจในสภาพการจราจรที่หนาแน่นและการจอดรถในพื้นที่จำกัดของเมืองใหญ่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนเมืองในยุค 2025 ได้เป็นอย่างดี

หัวใจสำคัญของการปฏิวัติ: วิศวกรรมและการปรับจูนที่เหนือระดับ

สิ่งที่ทำให้ Toyota Yaris ATIV HEV แตกต่างจากรุ่น 1.2 ลิตรอย่างแท้จริง ไม่ได้อยู่แค่ที่เครื่องยนต์ไฮบริดเท่านั้น แต่เป็นการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบของวิศวกรรมและการปรับจูนในหลายจุด ซึ่งสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ 10 ปีของผมใน รีวิวรถยนต์ มาแล้วว่านี่ไม่ใช่แค่การ “ยัดเครื่องใหม่” ลงไป แต่เป็นการสร้างสรรค์รถยนต์คันใหม่ที่มีบุคลิกและสมรรถนะที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ขุมพลังไฮบริด 1.5 ลิตร: ประหยัดแรง แต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพ
หลายคนอาจทราบว่าเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พร้อมระบบไฮบริด (THS II) ของ Yaris ATIV HEV มีพื้นฐานมาจาก Yaris Cross แต่โตโยต้าไม่ได้นำมาใส่ทั้งดุ้น หากแต่มีการปรับจูนและปรับปรุงในรายละเอียดที่สำคัญ
การปรับแต่งการไหลของอากาศใหม่ (Optimized Airflow) และปั๊มน้ำใหม่ (New Water Pump): การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการความร้อนภายในเครื่องยนต์ ซึ่งจะส่งผลให้การเผาไหม้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือช่วยเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง แม้จะไม่ได้เพิ่มแรงม้าสูงสุด แต่การส่งกำลังของระบบไฮบริดทำให้รู้สึกถึงอัตราเร่งที่ดีขึ้นและราบรื่นขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร โดยเฉพาะช่วงออกตัวและเร่งแซง
การจูน ECU ใหม่ (Revised ECU Tuning): นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ระบบไฮบริดทำงานได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพสูงสุด การจูนที่พิถีพิถันช่วยให้การเปลี่ยนผ่านระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างนุ่มนวล และดึงประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันออกมาได้สูงสุด นี่คือ เทคโนโลยีไฮบริด ที่โตโยต้าสั่งสมประสบการณ์มานาน และนำมาใช้ใน ซีดานไฮบริด รุ่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งกว่าเดิม: รากฐานของช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม
โตโยต้าไม่ได้ละเลยเรื่องโครงสร้าง ตัวถังในส่วนด้านหลังมีการยกมาจาก Yaris Cross และเสริมความแข็งแรงเพิ่มเติม การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสมรรถนะโดยรวม ไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยจากการชน แต่ยังส่งผลต่อเสถียรภาพในการขับขี่ ลดการบิดตัวของตัวถัง ช่วยให้ช่วงล่างทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือน (NVH) ภายในห้องโดยสาร ทำให้การขับขี่โดยรวมมีความแน่นหนาและพรีเมียมมากขึ้น

ช่วงล่างใหม่: หัวใจของสมรรถนะที่แตกต่างอย่างชัดเจน
นี่คือจุดที่ผมกล้าพูดว่า Toyota Yaris ATIV HEV ทำได้ดีที่สุดในคลาส! ด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากรุ่น 1.2 ลิตร (ประมาณ 100 กก. ในรุ่น Premium และ 120 กก. ในรุ่น GR SPORT) วิศวกรของโตโยต้าจึงต้องปรับจูนช่วงล่างใหม่ทั้งหมด ทั้งโช้คอัพและสปริง ไม่ใช่แค่ปรับให้แข็งขึ้นหรือนุ่มลง แต่เป็นการปรับให้ “เหมาะสม” กับบุคลิกของแต่ละรุ่น และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
ความแตกต่างของการปรับจูน: สิ่งที่น่าสนใจคือ การปรับจูนช่วงล่างของรุ่น Premium และ GR SPORT นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมายของโตโยต้าอย่างแท้จริง ซึ่งผมจะลงรายละเอียดในการทดลองขับต่อไป นี่คือหัวใจของ ช่วงล่างดีสุดในคลาส ที่ผู้ใช้งานจริงอย่างผมรู้สึกได้ทันที

ประสบการณ์การขับขี่จริง: บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – ระยอง – พัทยา

โตโยต้าได้จัดให้มีการทดสอบ Yaris ATIV HEV บนเส้นทางที่หลากหลาย ตั้งแต่การจราจรในเมือง ไปจนถึงการเดินทางไกลด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะได้สัมผัสถึงความแตกต่างและ สมรรถนะรถยนต์ ที่แท้จริงของทั้งสองรุ่น

HEV GR SPORT: สปอร์ตที่มาพร้อมความมั่นใจ

เริ่มต้นการทดสอบด้วยรุ่น GR SPORT ซึ่งมีการปรับแต่งที่เน้นสมรรถนะและอารมณ์สปอร์ตมากที่สุด ผมเริ่มต้นจากการเป็นผู้โดยสาร และสิ่งที่สัมผัสได้ทันทีคือความแตกต่างจากรุ่น 1.2 ลิตรอย่างชัดเจน การเก็บอาการของหลุมบ่อหรือพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบทำได้ดีมาก ช่วงล่างมีความแน่น หนึบ แต่ยังคงให้ความนุ่มนวลที่ไม่กระด้างจนเกินไป แม้โตโยต้าจะแจ้งว่ารุ่นนี้มีความแข็งกระด้างมากที่สุด แต่ในมุมมองของผู้โดยสาร มันกลับให้ความรู้สึกมั่นคงและสบาย ไม่ได้รู้สึกว่าแข็งจนเมื่อยล้าแต่อย่างใด

เมื่อสลับมาเป็นผู้ขับขี่ ความรู้สึกก็ยิ่งชัดเจนขึ้น:
ช่วงล่างที่กระชับ: รุ่น GR SPORT ให้ช่วงล่างที่กระชับ พวงมาลัยมีการปรับจูนน้ำหนักมาอย่างลงตัว ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป ให้การควบคุมที่แม่นยำและมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความเร็วสูง นี่คือรถที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่สนุกสนาน และต้องการฟีดแบ็กที่ดีจากช่วงล่าง
ชุดแต่ง Aero Dynamic ไม่ได้มีแค่ความสวยงาม: นี่คือสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดและเป็น “ไม้ตาย” ของรุ่น GR SPORT ชุดแต่งรอบคันที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มแรงกดอากาศ (Downforce) ได้ประมาณ 30% เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วเกิน 100 กม./ชม. หมายความว่า เมื่อคุณใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. รถจะรู้สึกนิ่งและยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ให้ความมั่นใจในการเข้าโค้งหรือเปลี่ยนเลนด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากรุ่น 1.2 ลิตรอย่างมีนัยสำคัญ หากคุณเคยขับรุ่น 1.2 ลิตรด้วยความเร็วสูง อาจจะมีความรู้สึกกังวลและต้องกำพวงมาลัยแน่น แต่ใน GR SPORT คุณจะรู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจมากขึ้นมาก

อัตราเร่งและการประหยัดน้ำมัน: แม้ Yaris ATIV HEV จะไม่ได้โดดเด่นเรื่องอัตราเร่งที่หวือหวา เพราะหัวใจสำคัญของการออกแบบเน้นไปที่การประหยัดน้ำมัน แต่ด้วยพละกำลังจากระบบไฮบริด ทำให้รู้สึกถึงการตอบสนองที่ฉับไวและต่อเนื่องมากกว่ารุ่น 1.2 ลิตรอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเร่งแซงบนถนนหลวง
สิ่งที่น่าทึ่งคือเรื่อง อัตราประหยัดน้ำมัน หากขับแบบเน้นทำตัวเลข ผู้ทดสอบบางท่านสามารถทำได้สูงถึง 32 กม./ลิตร แต่แม้จะขับแบบปกติ ไม่ได้ตั้งใจประหยัดมากนัก ก็ยังสามารถทำได้ถึง 24-25 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าทำได้ดีมากๆ และสูงกว่าค่าเคลมจากโรงงานที่ 29.4 กม./ลิตร สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ รถยนต์ประหยัดน้ำมัน อย่างแท้จริง ทำให้ Yaris ATIV HEV กลายเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่ต้องการ รถไฮบริดคุ้มค่า ในระยะยาว

HEV Premium: ความนุ่มนวลที่มาพร้อมความประหยัด

หลังจากได้สัมผัสความสปอร์ตของ GR SPORT ก็ถึงเวลามาลองรุ่น Premium เพื่อเปรียบเทียบว่าแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด
เครื่องยนต์และอัตราเร่ง: ในส่วนของขุมพลังและอัตราเร่งนั้น ไม่มีความแตกต่างจากรุ่น GR SPORT มากนัก ให้สมรรถนะใกล้เคียงกัน แต่ด้วยล้อที่มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย อาจทำให้ได้เปรียบเรื่องอัตราประหยัดน้ำมันไปอีกนิด
ช่วงล่างที่แตกต่างอย่างชัดเจน: นี่คือจุดที่ Premium แตกต่างจาก GR SPORT อย่างเห็นได้ชัดเจน การปรับจูนช่วงล่างของ Premium จะเน้นไปที่ความนุ่มนวลและขับขี่สบาย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความแรง แต่ต้องการความผ่อนคลายในการเดินทาง การซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนทำได้ดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกนุ่มนวลเสมือนนั่งอยู่บนรถที่ใหญ่กว่า พวงมาลัยมีน้ำหนักเบา ทำให้การบังคับเลี้ยวในเมือง การจอดรถ หรือการขับขี่ในความเร็วต่ำเป็นเรื่องง่ายและไม่เหนื่อยล้า นี่คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับสุภาพสตรี หรือผู้ที่เน้นการใช้งานในเมือง และต้องการ รถยนต์ประหยัดน้ำมัน ที่ให้ความนุ่มนวลสูงสุด

เหนือกว่ารุ่น 1.2 ลิตรในทุกมิติ: คำถามที่ว่ารุ่น Premium แตกต่างจาก Yaris ATIV 1.2 ลิตรหรือไม่? คำตอบคือ “แตกต่างกันมาก!” ด้วยช่วงล่างที่มีความแข็งแกร่งขึ้นทั้งโช้คและสปริง ทำให้การขับขี่มีความมั่นคงและนุ่มนวลกว่ารุ่น 1.2 ลิตรอย่างรู้สึกได้ ในเรื่องพละกำลัง ระบบไฮบริดย่อมให้การตอบสนองที่ดีกว่าอย่างแน่นอน ไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องเค้น ทำให้การขับขี่มั่นใจและราบรื่นกว่ามาก

สรุป: Yaris ATIV HEV ทางเลือกที่ใช่สำหรับปี 2025

จากประสบการณ์ที่ได้ทดลองขับและวิเคราะห์อย่างละเอียด ผมต้องบอกว่า Toyota Yaris ATIV HEV เป็นรถที่ออกมาตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายและแตกต่างกันอย่างลงตัวสำหรับทั้งสองรุ่นย่อย เพราะทั้ง GR SPORT และ Premium มีการปรับเซ็ตที่แตกต่างกันจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นรถคนละคันกันเลยทีเดียว
ถ้าคุณต้องการความสปอร์ต สนุกกับการขับขี่ที่มั่นคงและแม่นยำในทุกย่านความเร็ว: HEV GR SPORT คือคำตอบของคุณ
หากคุณเน้นความนุ่มนวล ขับขี่สบาย ประหยัดน้ำมันเป็นหลัก และใช้งานในเมืองเป็นส่วนใหญ่: HEV Premium จะเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เรื่อง อัตราประหยัดน้ำมัน ถือเป็นของแถมชั้นยอดที่ระบบไฮบริดของโตโยต้าทำได้ดีเยี่ยมอยู่แล้ว และที่สำคัญคือ อะไหล่หาง่าย ไม่ต้องรอนาน เรื่องความทนทานและความน่าเชื่อถือของ โตโยต้า ก็เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง ทำให้เรื่อง บำรุงรักษารถไฮบริด ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเลย

จุดที่สามารถพัฒนาได้อีก (มุมมองผู้เชี่ยวชาญ)

แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมก็ยังมองเห็นจุดที่สามารถปรับปรุงได้เพื่อยกระดับประสบการณ์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในอนาคต:
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS): Yaris ATIV HEV มีระบบช่วยเหลือการขับขี่มาให้ใช้งาน แต่ในตลาดปี 2025 ที่เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ระบบที่มีอยู่อาจจะยังไม่สามารถไว้วางใจได้ถึง 100% ในทุกสถานการณ์ การยกระดับความแม่นยำและฟังก์ชันการทำงานของ เทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์ ให้เทียบเท่ากับคู่แข่งในระดับสากลจะทำให้รถคันนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
เครื่องเสียง: สำหรับรุ่นท็อปที่มาพร้อมเครื่องเสียง Pioneer นั้น เรียกได้ว่า “พอฟังได้” สำหรับการใช้งานทั่วไป แต่อย่าคาดหวังคุณภาพเสียงระดับ Audiophile สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลง อาจจะต้องพิจารณาการอัปเกรดในอนาคต

บทสรุปและคำเชิญชวน

โดยรวมแล้ว Toyota Yaris ATIV HEV 2025 ไม่ใช่แค่รถยนต์ B-Segment ทั่วไป แต่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีไฮบริดที่ประหยัดพลังงาน ช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนมาอย่างยอดเยี่ยม และการออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจน ทำให้มันเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในตลาดปัจจุบันและอนาคต ด้วยความคุ้มค่าด้านราคา การรับประกันที่ยาวนาน และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ โตโยต้า ทำให้ผมกล้าพูดว่านี่คือ รถไฮบริดคุ้มค่า ที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าที่คุณคาดหวัง

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมรรถนะที่ครบครัน ประหยัดน้ำมัน และขับสนุก ไม่ว่าคุณจะเน้นความสปอร์ตหรือความนุ่มนวล ผมขอแนะนำให้คุณสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ Toyota Yaris ATIV HEV ด้วยตัวคุณเอง

อย่ารอช้า! เยี่ยมชมโชว์รูมโตโยต้าใกล้บ้านคุณวันนี้ เพื่อทดลองขับ และค้นพบว่า Toyota Yaris ATIV HEV จะเปลี่ยนมุมมองการขับขี่ของคุณไปได้อย่างไร หรือสอบถามเกี่ยวกับโปรโมชั่นพิเศษและข้อเสนอการผ่อนรถไฮบริดที่เหมาะกับคุณ เพื่อให้คุณเป็นเจ้าของยนตรกรรมแห่งอนาคตคันนี้ได้ง่ายขึ้น!