[ครบชุด] 3010056 สะใภ้ลุกขึ้นสู้ บทเรียนของแม่ผัวจอมบงการ!

Mercedes-Benz EQE 300: การพลิกเกมของยานยนต์ไฟฟ้าหรูที่ทุกคนต้องจับตาในปี 2025

ในโลกยานยนต์ไฟฟ้าที่หมุนเร็วราวกับกระแสไฟฟ้า Mercedes-Benz EQE 300 ได้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งด้วยราคาที่น่าสนใจอย่างยิ่งในปี 2025 ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่านี่ไม่ใช่แค่การปรับราคา แต่เป็นการพลิกโฉมสถานะของรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมคันนี้ให้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นอย่างแท้จริง ท่ามกลางสมรภูมิรถ EV ที่ดุเดือดขึ้นทุกวัน ความหรูหราจากแบรนด์ตราดาวพร้อมสมรรถนะอันทรงพลัง และเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่จับต้องได้ยิ่งขึ้น กำลังจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

ย้อนกลับไปในช่วงแรกของการเปิดตัว EQE 300 แม้จะเต็มเปี่ยมด้วยวิศวกรรมขั้นสูงและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ แต่ราคาที่เข้าถึงยากคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราเห็นรถรุ่นนี้น้อยนักบนท้องถนน ความเข้าใจที่ว่ารถไฟฟ้าควรมีราคาที่สมเหตุสมผลกว่าเมื่อเทียบกับรถสันดาปภายในระดับเดียวกัน หรือแม้กระทั่งการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์ EV อื่นๆ ได้กดดันให้ Mercedes-Benz ต้องทบทวนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ และผลลัพธ์ที่ได้คือข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ การลดราคาอย่างมีนัยยะสำคัญนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเข้าใจตลาด แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณว่า Mercedes-Benz พร้อมที่จะผลักดันเทคโนโลยี EV เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้นอย่างจริงจังในปี 2025

เจาะลึกกลยุทธ์การพลิกโฉมตลาดของ EQE 300 ในปี 2025

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยปี 2025 มีความซับซ้อนและมีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ผู้บริโภคมีความรู้และทางเลือกที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่เรื่องสมรรถนะ แต่ยังรวมถึงความคุ้มค่าและภาพลักษณ์ของแบรนด์ เดิมที EQE 300 อาจถูกมองว่าเป็นรถ EV ระดับหรูที่เน้นกลุ่มลูกค้าระดับบนสุด ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ทว่าการปรับราคาครั้งใหญ่สู่ระดับ 2,890,000 บาท (จากเดิม 3,970,000 บาท) พร้อมส่วนลดมหาศาลกว่า 1,080,000 บาท เป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด มันทำให้ EQE 300 ก้าวลงมาสู่สนามที่กว้างขึ้น แข่งขันกับรถยนต์ซีดานพรีเมียมทั้ง EV และสันดาปภายในในกลุ่มราคาที่ต่ำลงมา สร้าง “แรงจูงใจ” ที่ผู้บริโภคยุคใหม่มองหาอย่างแท้จริง

จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ การปรับราคาครั้งนี้ไม่ใช่แค่การลดแลกแจกแถม แต่เป็นการจัดวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ใหม่ (Repositioning) เพื่อให้สอดรับกับกระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2025 ผู้บริโภคเริ่มมองเห็นประโยชน์ระยะยาวของการใช้รถ EV ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ถูกกว่า การบำรุงรักษาที่ง่ายกว่า และแน่นอนว่ารวมถึงส่วนลดค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆ ที่มาพร้อมกับแพ็คเกจของรถ EQE 300 ตัวรถที่นำเข้าทั้งคันจากเยอรมนี (CBU) ยังคงเป็นจุดแข็งที่ตอกย้ำถึงคุณภาพและมาตรฐานการผลิตระดับโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้า Mercedes-Benz คาดหวังและให้ความสำคัญ

ข้อเสนอสุดพิเศษ: คุ้มค่ายิ่งกว่าที่คุณคิด

นอกจากการปรับราคาที่ดึงดูดใจอย่างยิ่งแล้ว Mercedes-Benz ยังจัดเต็มด้วยข้อเสนอพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อลดความกังวลในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าและมอบประสบการณ์การใช้งานที่ไร้รอยต่อ

ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นาน 1 ปี: มอบความอุ่นใจในการขับขี่ตลอดปีแรกโดยไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่ายด้านประกันภัย ซึ่งเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่สำหรับรถหรู
ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี: นี่คือไฮไลต์สำคัญที่สะท้อนถึงความเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้รถ EV ในยุค 2025 ที่ต้องการความยืดหยุ่นและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน การชาร์จ DC แบบไม่จำกัดนี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เดินทางไกลหรือใช้รถบ่อย
ฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง: อำนวยความสะดวกสูงสุดสำหรับการชาร์จที่บ้าน ทำให้การเป็นเจ้าของรถ EV เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติม
การรับประกันแบตเตอรี่ High-voltage 10 ปี หรือไม่เกิน 250,000 กิโลเมตร: ความกังวลหลักของหลายๆ คนเกี่ยวกับแบตเตอรี่ EV คือเรื่องอายุการใช้งานและการรับประกัน ข้อเสนอ 10 ปี หรือ 250,000 กม. นี้ ตอกย้ำความเชื่อมั่นในคุณภาพและความทนทานของแบตเตอรี่จาก Mercedes-Benz อย่างแท้จริง ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มมูลค่าการเป็นเจ้าของในระยะยาว

ข้อเสนอเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การส่งเสริมการขาย แต่เป็นกลยุทธ์ที่ครบวงจรที่ Mercedes-Benz ใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจก้าวเข้าสู่โลกของยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้ EQE 300 ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ แต่เป็น “แพ็คเกจความคุ้มค่า” ที่ยากจะหาคู่แข่งมาเทียบได้ในปี 2025

สมรรถนะและเทคโนโลยีขับเคลื่อน: หัวใจของ EQE 300

ภายใต้รูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว Mercedes-Benz EQE 300 อัดแน่นด้วยขุมพลังไฟฟ้าที่พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 550 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ศูนย์ ทำให้รถคันนี้ตอบสนองได้ทันใจและขับขี่ได้อย่างคล่องตัวในทุกสถานการณ์

แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 89 kWh คือหัวใจสำคัญที่มอบระยะทางวิ่งสูงสุดตามมาตรฐาน WLTP ได้ถึง 651 กิโลเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจและเพียงพอต่อการเดินทางไกลข้ามจังหวัดได้อย่างสบายๆ การรองรับการชาร์จทั้งแบบ AC สูงสุด 11 kW และ DC สูงสุด 170 kW แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการใช้งาน โดยการชาร์จแบบ DC จาก 10% ถึง 80% ใช้เวลาเพียง 32 นาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วในการเติมพลังงานระหว่างการเดินทาง

ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. อาจไม่ได้จัดจ้านเทียบเท่ารถ EV สมรรถนะสูงบางรุ่น แต่ก็เพียงพอและเกินพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางบนทางหลวง ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาของ Mercedes-Benz ที่เน้นความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย

ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือกว่า: จากการใช้งานจริงกว่า 10 ปีในวงการ

ในฐานะผู้ที่ได้ทดลองขับและสัมผัสรถยนต์มานับไม่ถ้วนตลอด 10 ปี ผมกล้าพูดได้ว่า EQE 300 มอบประสบการณ์ที่แตกต่างและโดดเด่นอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเมื่อมองในมุมมองของการใช้งานจริงในยุค 2025 ที่โครงสร้างพื้นฐาน EV มีความพร้อมมากขึ้น

ดีไซน์ภายนอก: ความสวยงามที่มาพร้อมฟังก์ชันการทำงาน

รูปลักษณ์ภายนอกของ EQE 300 ในช่วงแรกอาจสร้างความแปลกตาให้กับบางคน ด้วยแนวคิด “Sensual Purity” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความล้ำสมัย เส้นสายที่ลู่ลมและกระจังหน้าแบบ Black Panel ทำให้รถคันนี้ดูเหมือนหลุดออกมาจากโลกอนาคต แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดีไซน์นี้กลับดูลงตัวและโดดเด่นยิ่งขึ้น ความเรียบเนียนของตัวรถไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสวยงาม แต่ยังถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงต้านอากาศ (Aerodynamics) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มระยะทางวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจต้องใช้ความคุ้นเคย นั่นคือดีไซน์ล้อที่มาพร้อมแผ่นปิดเพื่อลดแรงต้านอากาศ แม้จะเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจ แต่ช่องเติมลมยางที่เล็กและถูกซ่อนอยู่ อาจทำให้การเติมลมยางเป็นเรื่องท้าทายเล็กน้อยสำหรับบางคน ในฐานะผู้ใช้งาน ผมขอแนะนำให้ใช้หัวเติมลมแบบเฉพาะ หรือใช้บริการศูนย์บริการที่คุ้นเคย เพื่อความสะดวกและมั่นใจว่าลมยางอยู่ในระดับที่เหมาะสมเสมอ เพราะยางของ EQE 300 นั้นค่อนข้างบางและต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ การตรวจสอบลมยางอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ควรรอให้ไฟเตือนขึ้นเท่านั้น

ภายใน: ห้องโดยสารแห่งอนาคตที่ต้องใช้เวลาปรับตัว

เมื่อก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ EQE 300 คุณจะสัมผัสได้ถึงความหรูหราที่ผสานเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย แผงคอนโซลหน้าที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่พร้อมจอแสดงผล OLED Central Display ขนาด 12.8 นิ้ว และจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Digital ขนาด 12.3 นิ้ว มอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับ อินเทอร์เฟซ MBUX Entertainment Plus ที่ใช้งานง่าย พร้อมระบบนำทางแบบ Hard-disc navigation ที่แสดงแผนที่ 3 มิติ และข้อมูลการจราจรแบบ Live Traffic Information รวมถึงตำแหน่งสถานีชาร์จ ทำให้ทุกการเดินทางราบรื่นและสะดวกสบาย

จุดที่อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อยคือตำแหน่งการนั่งที่อาจจะรู้สึกว่าคอนโซลกลางค่อนข้างสูง ทำให้ต้องปรับเบาะให้สูงขึ้นตาม แต่เมื่อคุ้นเคยแล้ว การใช้งานจอขนาดใหญ่ที่ชัดเจนและสวยงามก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี นอกจากนี้ เบาะนั่งด้านหลังที่ออกแบบให้มีความเว้าลึกคล้ายหลุม อาจจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเบาะหลังของ E-Class ที่เน้นความกว้างขวางและนั่งสบายแบบดั้งเดิม สำหรับ EQE 300 การออกแบบนี้อาจให้ความรู้สึกโอบกระชับมากขึ้น แต่บางคนอาจรู้สึกว่าการลุกเข้าออกทำได้ยากกว่าเล็กน้อย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการออกแบบที่เน้นสมรรถนะและสรีระของรถ EV มากกว่าความคุ้นชินแบบเดิมๆ

การขับขี่ในเมือง: ความเงียบสงบและความคล่องตัว

สำหรับการขับขี่ในเมือง EQE 300 คือนิยามของความเงียบสงบและการตอบสนองที่เหนือชั้น ด้วยความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า การออกตัวที่ปราศจากเสียงเครื่องยนต์และการสั่นสะเทือน ทำให้การจราจรติดขัดกลายเป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายยิ่งขึ้น แรงบิดมหาศาลที่มาในทันทีช่วยให้การเร่งแซงเป็นไปอย่างง่ายดาย ช่วงล่างที่นุ่มนวลซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ทำให้การเดินทางในเมืองเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายอย่างแท้จริง

การเดินทางไกล: พิสูจน์ระยะทางและความอุ่นใจ

เพื่อพิสูจน์ศักยภาพของ EQE 300 ในการเดินทางไกล ผมได้ทดสอบเส้นทางกรุงเทพฯ-ขอนแก่น ระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร สิ่งที่น่าประทับใจคือการควบคุมความเร็ว รถคันนี้มีความเงียบและช่วงล่างที่นุ่มนวล ทำให้ความเร็วเกิน 120 กม./ชม. ได้โดยไม่รู้ตัว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC จึงเป็นพระเอกในการเดินทางไกล ช่วยให้การขับขี่ผ่อนคลาย เสมือนมีผู้ช่วยขับขี่ที่คอยรักษาระยะห่างและปรับความเร็วตามสภาพการจราจรได้อย่างแม่นยำ

ด้วยน้ำหนักตัวรถ 2,405 กิโลกรัม (ไม่รวมผู้โดยสารและสัมภาระ) EQE 300 มีความมั่นคงและเกาะถนนได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับสภาพถนนที่ไม่สมบูรณ์หรือมีน้ำขังจากฝนตกหนัก น้ำหนักที่กระจายตัวอยู่บริเวณพื้นรถช่วยลดอาการ “เหินน้ำ” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รถยังคงควบคุมได้ง่ายและสร้างความรู้สึกปลอดภัยได้อย่างเหนือความคาดหมาย นี่คือข้อได้เปรียบที่สำคัญของรถ EV ที่มีน้ำหนักแบตเตอรี่อยู่ด้านล่าง

กลยุทธ์การชาร์จและประสิทธิภาพพลังงาน (2025):

สำหรับความกังวลเรื่องสถานีชาร์จในการเดินทางไกล ต้องยอมรับว่าในปี 2025 โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในประเทศไทยมีการพัฒนาไปมาก มีสถานีชาร์จกระจายตัวมากขึ้นตามเส้นทางหลัก แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะเมืองรอง อาจยังต้องวางแผนล่วงหน้า ในการทดสอบ ผมเลือกที่จะชาร์จเมื่อเจอสถานี (Charge when you see one) ไม่รอให้แบตเตอรี่เหลือน้อย โดยหยุดชาร์จประมาณ 15-20 นาที ที่สถานีชาร์จแถวสระบุรี เพื่อให้ได้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางต่อไปยังขอนแก่น และเมื่อถึงปลายทาง ก็ยังเหลือระยะทางวิ่งอีกกว่า 300 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในเมือง

สิ่งที่โดดเด่นคือประสิทธิภาพการจัดการพลังงานของ EQE 300 ด้วยอัตราการกินไฟเฉลี่ย 15.4 kWh/100 กม. ถือว่าประหยัดอย่างน่าทึ่งเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว และเมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟแล้ว ตกเพียงประมาณ “กิโลเมตรละ 1 บาท” เท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ประหยัดกว่ารถสันดาปภายในอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ตัวเลขระยะทางที่แสดงบนหน้าจอมีความแม่นยำสูง แปรผันตามพฤติกรรมการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างมั่นใจ

ความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่: มาตรฐาน Mercedes-Benz

EQE 300 อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครันตามมาตรฐานของ Mercedes-Benz ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถคันนี้โดดเด่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปี 2025

ถุงลมนิรภัยรอบคัน: ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยหัวเข่าผู้ขับขี่ รวมถึงถุงลมนิรภัยระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า มอบการปกป้องที่ครอบคลุม
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP: ช่วยให้รถมั่นคงในทุกสภาพการขับขี่
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Lane Keeping Assist): เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางไกล
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist): ช่วยป้องกันการชนหรือลดความรุนแรงของการชน
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist): ลดความเสี่ยงในการเปลี่ยนเลน
ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC: เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ระยะไกล
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system: เตรียมรถให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist: เพิ่มความสะดวกสบายในการจอดรถในพื้นที่จำกัด

ระบบเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด ทำให้การขับขี่ EQE 300 เป็นไปอย่างปลอดภัย มั่นใจ และผ่อนคลายยิ่งขึ้น ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหานวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกและปกป้องชีวิต

สรุป: Mercedes-Benz EQE 300 – มิติใหม่ของ EV หรูที่ห้ามพลาดในปี 2025

Mercedes-Benz EQE 300 ในปี 2025 คือรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้เปลี่ยนสถานะจาก “น่าสนใจ” สู่ “ห้ามพลาด” อย่างแท้จริง ด้วยราคาใหม่ที่ 2,890,000 บาท พร้อมส่วนลดและข้อเสนอพิเศษที่เหนือกว่าทุกจินตนาการ ทำให้ช่องว่างระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์สันดาปภายในลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่เพียงราคาที่ดึงดูดใจ แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ประหยัด ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และมาตรฐานความปลอดภัยที่วางใจได้ตามแบบฉบับ Mercedes-Benz

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า EQE 300 ไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนในรถยนต์คันใหม่ แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของการเดินทางที่ยั่งยืน ความหรูหราที่ผสานกับประสิทธิภาพและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ EQE 300 เป็นมากกว่าพาหนะ มันคือสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรมและการใช้ชีวิตที่ก้าวไปข้างหน้า

ถึงเวลาแล้วที่คุณจะก้าวเข้าสู่โลกของยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมอย่างแท้จริง มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือกว่าและรับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับ Mercedes-Benz EQE 300 ได้แล้ววันนี้ที่ผู้จำหน่าย Mercedes-Benz ทั่วประเทศ หรือลงทะเบียนเพื่อทดลองขับและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้าได้ทันที เพราะโอกาสดีๆ เช่นนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ!