เมอร์เซเดส-เบนซ์ EQE 300: พลิกโฉมรถยนต์ไฟฟ้าหรู ด้วยราคาที่ใช่สำหรับปี 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการรถยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของยานยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยปี 2025 นั้นเต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือดและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ผู้บริโภคมีความคาดหวังที่สูงขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องสมรรถนะ แต่ยังรวมถึงความคุ้มค่าในการลงทุน และในบรรดาผู้เล่นในตลาด หนึ่งในรุ่นที่เคยถูกจับตามอง แต่ด้วยปัจจัยด้านราคาทำให้การตัดสินใจเป็นเรื่องยากลำบาก กลับมาผงาดขึ้นอีกครั้งอย่างน่าจับตา นั่นคือ Mercedes-Benz EQE 300 รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่วันนี้มาพร้อมกับการปรับราคาครั้งสำคัญ ซึ่งผมต้องบอกว่า นี่คือราคาที่ “ใช่” ที่สุด และทำให้ EQE 300 กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของรถยนต์ไฟฟ้าหรูที่น่าสนใจที่สุดในตลาดปัจจุบัน
จากราคาเปิดตัวที่อาจทำให้หลายคนถอยห่าง วันนี้ Mercedes-Benz ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับ EQE 300 ทำให้ราคาใหม่ลดลงมาเหลือเพียง 2,890,000 บาท จากราคาเดิม 3,970,000 บาท หรือคิดเป็นส่วนลดที่สูงถึง 1,080,000 บาท ซึ่งไม่ใช่แค่ส่วนลดตัวเลข แต่เป็นการจุดประกายความสนใจให้กับผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมอย่างแท้จริง ข้อเสนอพิเศษนี้ไม่ใช่แค่การปรับราคา แต่ยังรวมถึงแพ็กเกจที่เพิ่มมูลค่าให้กับการเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นาน 1 ปี, การชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้งนาน 1 ปี, และฟรี Wallbox พร้อมติดตั้งถึงบ้าน นี่คือการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานตั้งแต่ก้าวแรกที่ตัดสินใจเข้าสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้ากับเมอร์เซเดส-เบนซ์
การออกแบบที่ล้ำสมัยเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด: ความงามที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งาน
เมื่อพิจารณาถึง EQE 300 สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือปรัชญาการออกแบบ “Sensual Purity” ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองอย่างเต็มที่ เส้นสายที่เรียบง่าย แต่โค้งมนลื่นไหล คือหัวใจสำคัญในการลดแรงต้านอากาศ ทำให้รถคันนี้ไม่ใช่แค่ดูสง่างาม แต่ยังทรงประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มระยะทางขับขี่สูงสุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในยุค 2025 ดีไซน์ภายนอกของ EQE 300 มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากรถยนต์สันดาปภายในทั่วไป ด้วยสัดส่วนที่เน้นความลื่นไหลของตัวถัง การออกแบบไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ที่เชื่อมโยงกันอย่างลงตัว สร้างความรู้สึกถึงความทันสมัยและก้าวล้ำไปในอนาคต
แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมักมองหาความสมดุลระหว่างความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานเสมอ การออกแบบล้อที่มีฝาครอบปิดเพื่อลดแรงต้านอากาศนั้นเป็นความคิดที่ดีในเชิงอากาศพลศาสตร์ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว มันสร้างความท้าทายเล็กน้อยเมื่อถึงเวลาต้องตรวจสอบหรือเติมลมยาง ช่องเปิดเล็กๆ สำหรับจุกลมอาจเป็นเรื่องจุกจิกสำหรับผู้ใช้งานบางคน และด้วยยางที่มีขนาดบาง (255/40 R20) การตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ผู้ขับขี่หลายคนอาจเคยชินกับการรอสัญญาณเตือนบนหน้าปัด แต่การทำเช่นนั้นกับยางที่มีลักษณะเฉพาะเช่นนี้ อาจนำไปสู่ความเสียหายที่ไม่จำเป็นได้ นี่คือจุดเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นว่าแม้แต่ในรถหรูระดับนี้ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานจริง
ภายในห้องโดยสาร: นวัตกรรม ผสานความหรูหรา และข้อควรพิจารณา
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ EQE 300 คุณจะสัมผัสได้ถึงการหลอมรวมของเทคโนโลยีล้ำยุคและความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แผงคอนโซลหน้าที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ พร้อมจอแสดงผลกลางแบบ OLED ขนาด 12.8 นิ้ว และจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว มอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าในด้านการแสดงผลข้อมูลและการควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานง่ายและตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รองรับการสั่งงานด้วยเสียงที่ชาญฉลาดและการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ซึ่งล้วนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถยนต์ในยุค 2025
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ใช้งานจริงที่ได้ทดลองขับมาหลายรุ่น ผมพบว่าตำแหน่งการนั่งของผู้ขับขี่ใน EQE 300 มีข้อควรพิจารณา ด้วยความใหญ่โตของคอนโซลหน้าและการจัดวางจอแสดงผลที่ค่อนข้างสูง อาจทำให้ผู้ขับขี่บางท่านรู้สึกว่าต้องปรับเบาะนั่งให้สูงขึ้นเพื่อทัศนวิสัยที่ดีที่สุด ซึ่งอาจส่งผลต่อความรู้สึกในการขับขี่ที่แตกต่างจากรถเก๋งซีดานทั่วไปอย่าง E-Class ที่หลายคนคุ้นเคย แต่เมื่อปรับตัวได้แล้ว จอขนาดใหญ่และอินเทอร์เฟซที่สวยงามก็มอบความเพลิดเพลินและความสะดวกสบายในการใช้งานที่ไม่เป็นรองใคร
ในส่วนของเบาะนั่งด้านหลัง ซึ่งเป็นอีกจุดที่มักถูกนำมาเปรียบเทียบกับ E-Class การออกแบบเบาะหลังของ EQE 300 มีลักษณะเป็น “หลุม” เพื่อรองรับสรีระ แต่บางครั้งก็ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกจมลงไปในเบาะ และอาจลุกออกได้ยากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความสบายในการนั่งเบาะหลังของ E-Class ที่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งและรองรับได้ดีกว่าอย่างชัดเจน จุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องจัดวางแบตเตอรี่ไว้ใต้พื้นรถ ซึ่งอาจส่งผลต่อพื้นที่ห้องโดยสารในบางมิติ
ขุมพลังขับเคลื่อนและสมรรถนะ: ความเงียบที่ซ่อนความแรง
หัวใจของ Mercedes-Benz EQE 300 คือขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้กำลังสูงสุดถึง 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ 550 นิวตันเมตร ซึ่งสามารถส่งกำลังได้ทันทีที่กดคันเร่ง ตัวเลขเหล่านี้อาจดูไม่หวือหวาเท่ารถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงบางรุ่น แต่ในการใช้งานจริงมันมอบความรู้สึกของการเร่งที่นุ่มนวล แต่หนักแน่น อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. นั้นเพียงพออย่างเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในทุกสถานการณ์
แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 89 kWh คือแหล่งพลังงานหลักที่ทำให้ EQE 300 สามารถเดินทางได้ไกลถึง 651 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจและมอบความมั่นใจในการเดินทางระยะไกลได้อย่างแท้จริง EQE 300 รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 kW และการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สูงสุดถึง 170 kW ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการลดระยะเวลาการหยุดพักเพื่อชาร์จระหว่างการเดินทาง
ประสบการณ์การขับขี่: สุนทรียภาพและความมั่นคงบนทุกเส้นทาง
หลังจากที่ราคาปรับลดลงมา ต้องยอมรับว่า EQE 300 ได้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของการขับขี่ ในเมือง EQE 300 มอบประสบการณ์ที่เหนือชั้นด้วยความเงียบสนิทของห้องโดยสาร และการทำงานที่ราบรื่นของระบบส่งกำลังไฟฟ้า การจราจรติดขัดกลายเป็นเรื่องที่ผ่อนคลายขึ้นมากเมื่อไม่มีเสียงเครื่องยนต์และแรงสั่นสะเทือน ระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ ทำงานได้อย่างชาญฉลาด ทำให้การขับขี่ในเมืองเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย
สำหรับการเดินทางไกล นี่คือจุดที่ EQE 300 ได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงอย่างเต็มที่ จากการทดสอบวิ่งยาวๆ จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ขอนแก่น ระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร แม้ว่าตัวเลขระยะทางวิ่งที่เคลมไว้จะอยู่ที่ 651 กิโลเมตร แต่ในการใช้งานจริงบนความเร็วเฉลี่ย 100-120 กม./ชม. การประคองคันเร่งเพื่อให้ได้ความเร็วที่เหมาะสมนั้นอาจเป็นเรื่องท้าทายเล็กน้อย เนื่องจากความเงียบของรถและช่วงล่างที่นุ่มนวลทำให้เรามักจะเผลอใช้ความเร็วเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ได้ง่ายๆ แต่ด้วยระบบ Active Distance Assist DISTRONIC ที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม การเดินทางไกลจึงกลายเป็นเรื่องผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ ระบบจะช่วยควบคุมระยะห่างจากรถคันหน้า ปรับความเร็วตามสภาพการจราจร และแม้กระทั่งเบรกเองเมื่อจำเป็น ทำให้ผู้ขับขี่เพียงแค่ประคองพวงมาลัยเท่านั้น
EQE 300 มีน้ำหนักตัวถึง 2,405 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าค่อนข้างมากสำหรับรถยนต์ขนาดนี้ แต่กลับเป็นข้อดีที่ทำให้รถมีความนิ่งและมั่นคงสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนที่มีน้ำขังบนพื้นถนน การขับขี่ผ่านแอ่งน้ำที่อาจทำให้รถยนต์ทั่วไปเกิดอาการ “เหินน้ำ” และเสียการควบคุมได้ง่ายๆ แต่ด้วยน้ำหนักที่มากและจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของ EQE 300 ทำให้รถสามารถวิ่งผ่านไปได้อย่างมั่นคงโดยแทบไม่รู้สึกอะไรเลย นี่คือความแตกต่างที่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถมอบให้ได้ในด้านความปลอดภัยเชิงประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ช่วงล่างที่ถูกปรับจูนมาอย่างพิถีพิถันยังมอบความนุ่มนวลในการเดินทางที่ยอดเยี่ยม ซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกมั่นคงและควบคุมได้ง่าย
การจัดการพลังงานและการชาร์จ: ความประหยัดที่น่าทึ่ง
หนึ่งในข้อกังวลหลักของการเดินทางไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้าคือเรื่องสถานีชาร์จ จากประสบการณ์จริง การวางแผนเส้นทางและจุดชาร์จล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในประเทศไทยปี 2025 จะพัฒนาไปมาก มีสถานีชาร์จเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การกระจายตัวและความเร็วในการชาร์จของแต่ละสถานียังคงแตกต่างกัน การชาร์จระหว่างทางจึงควรเป็นแบบ “เจอที่ไหนชาร์จที่นั่น” ไม่ควรรอให้แบตเตอรี่เหลือน้อยเกินไป การแวะชาร์จประมาณ 15-20 นาที อาจเพิ่มพลังงานได้ถึง 20% ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางต่อไปอีกหลายร้อยกิโลเมตร โดยไม่ต้องเสียเวลารอชาร์จจนเต็ม 100%
สิ่งที่น่าประทับใจใน EQE 300 คือระบบการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้รถกินไฟไม่มากนัก อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยที่ทำได้ประมาณ 15.4 kWh/100 กม. ถือว่าประหยัดอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวของรถ และจากการคำนวณค่าใช้จ่ายในการชาร์จระหว่างการทดสอบ พบว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตกอยู่ที่ “กิโลเมตรละ 1 บาท” เท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ประหยัดอย่างเหลือเชื่อ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้การตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ตัวเลขระยะทางที่แสดงบนหน้าจอมีความแม่นยำสูง และจะแปรผันตามพฤติกรรมการขับขี่จริง ซึ่งต่างจากรถบางยี่ห้อที่ตัวเลขมักจะไม่ตรงกับความเป็นจริง
ระบบมัลติมีเดีย MBUX พร้อมระบบนำทางแบบ Hard-disc navigation แสดงแผนที่แบบ 3 มิติ พร้อมข้อมูลสภาพการจราจรแบบ Live Traffic Information รวมถึงการแสดงตำแหน่งสถานีชาร์จไฟฟ้าบนแผนที่ เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกอย่างมากในการเดินทางไกล ทำให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนการเดินทางและจุดแวะชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่: อุ่นใจในทุกเส้นทาง
Mercedes-Benz EQE 300 มาพร้อมกับชุดอุปกรณ์ความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครันตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องผู้โดยสารอย่างสูงสุด:
ถุงลมนิรภัยรอบคัน ทั้งด้านหน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย, ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าผู้ขับขี่ และถุงลมนิรภัยระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program)
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน Adaptive brake light
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Lane Keeping Assist)
ระบบสร้างเสียงจำลองสำหรับเตือนผู้ใช้ถนน Acoustic presence indicator เพื่อความปลอดภัยของคนเดินเท้า
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ Active Brake Assist ที่ช่วยลดความเสี่ยงของการชน
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Assist
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST
ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system
ระบบเตือนแรงดันลมยาง
อุปกรณ์ปะยางแบบฉุกเฉิน TIREFIT
ฟังก์ชันเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่รายการคุณสมบัติ แต่คือเครือข่ายความปลอดภัยที่ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ในทุกสภาพการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น ฝนตกหนัก ระบบช่วยเหลือการขับขี่เหล่านี้สามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม เพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมีนัยสำคัญ
บทสรุป: ความคุ้มค่าที่ไม่ควรมองข้ามในโลก EV 2025
โดยสรุปแล้ว Mercedes-Benz EQE 300 ด้วยราคาใหม่ที่ 2,890,000 บาท ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้รถคันนี้น่าสนใจยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว ช่องว่างราคาที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปภายในระดับหรู ทำให้ EQE 300 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าในหลายๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า, ค่าพลังงานที่ถูกกว่ามาก (กิโลเมตรละ 1 บาท), สิทธิประโยชน์พิเศษที่มอบให้ และที่สำคัญที่สุดคือประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ นุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยสมรรถนะและความปลอดภัยระดับพรีเมียมของเมอร์เซเดส-เบนซ์
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในวงการมานาน ผมมองว่า EQE 300 ในราคาปัจจุบันนี้ ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าที่สวยงามและเต็มไปด้วยเทคโนโลยี แต่ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ “คุ้มค่า” อย่างแท้จริง สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะไกล พร้อมด้วยความอุ่นใจในด้านการรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี หรือ 250,000 กิโลเมตร และบริการหลังการขายจาก Mercedes-Benz นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเป็นเจ้าของ
หากคุณกำลังพิจารณาที่จะก้าวเข้าสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าหรู ที่ผสมผสานนวัตกรรม สมรรถนะ และความคุ้มค่าได้อย่างลงตัวในยุค 2025 Mercedes-Benz EQE 300 คือคำตอบที่ไม่ควรมองข้าม
สัมผัสประสบการณ์ขับขี่แห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง
อย่าเพิ่งเชื่อในทุกสิ่งที่ผมเขียนจนกว่าคุณจะได้สัมผัสด้วยตัวเอง ขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจ เข้ารับประสบการณ์การขับขี่ Mercedes-Benz EQE 300 ณ โชว์รูม Mercedes-Benz ใกล้บ้านคุณ เพื่อสัมผัสถึงความล้ำหน้า ความหรูหรา และสมรรถนะที่น่าทึ่งในแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง และหากคุณมีข้อสงสัยใดๆ ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาและข้อมูลเพิ่มเติมอย่างเต็มที่ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าคุณจะได้รับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุด
ข้อเสนอพิเศษเหล่านี้มีจำนวนจำกัด เฉพาะผู้ที่จองรถผ่าน Online Showroom และรับมอบรถวันนี้ – 31 สิงหาคม 2025 เท่านั้น โอกาสพิเศษเช่นนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!
![[ครบชุด] 3010138 แต่งเล่นๆ แต่ได้ผัวมหาเศรษฐีจริง! หนังใหม่ล่าสุด](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-360-1.png)
![[ครบชุด] 3010139 เจ้าบ่าวเป็นง่อย](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-361-1.png)