[ครบชุด] XU11026 Facebook (8)

Mitsubishi Triton Rallycar 2025: เจาะลึกสมรรถนะเหนือชั้น พลิกโฉมวงการแรลลี่ครอสคันทรี

ในโลกของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่เต็มไปด้วยความท้าทาย Asia Cross Country Rally หรือ AXCR ยืนหยัดในฐานะหนึ่งในบททดสอบสุดหินที่พิสูจน์ขีดจำกัดของทั้งคนและเครื่องจักร ไม่ใช่เพียงแค่ความเร็ว แต่คือการเอาชีวิตรอด การวางแผนที่แยบยล และความทนทานอันไร้ขีดจำกัดของยานยนต์ Mitsubishi Motors ผู้สร้างตำนานแห่งสมรรถนะออฟโรดมาอย่างยาวนาน กำลังจะกลับมาตอกย้ำความเป็นผู้นำอีกครั้งใน AXCR 2025 ด้วย “Mitsubishi Triton Rallycar” รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาอย่างพิถีพิถันเพื่อการพิชิตเส้นทางหฤโหดโดยเฉพาะ

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์และมอเตอร์สปอร์ตมากว่าทศวรรษ ผมเฝ้ามองวิวัฒนาการของเทคโนโลยีรถแข่งมาโดยตลอด และสิ่งที่ Mitsubishi กำลังนำเสนอผ่าน Triton Rallycar คันนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถแข่งคันหนึ่ง แต่เป็นภาพสะท้อนของการผสมผสานระหว่างมรดกอันแข็งแกร่ง นวัตกรรมยานยนต์ล้ำสมัย และความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ รถคันนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น “ผู้นำแห่งสนามแข่งแกร่ง” อย่างแท้จริง พร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายของภูมิประเทศอันหลากหลาย ตั้งแต่ป่าดิบชื้น โคลนหนืด ไปจนถึงเส้นทางทุรกันดารของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกทุกรายละเอียดทางวิศวกรรมที่ทำให้ Triton Rallycar 2025 กลายเป็นสุดยอดรถแข่ง ที่พร้อมพลิกโฉมวงการแรลลี่ครอสคันทรีและกำหนดมาตรฐานใหม่แห่งสมรรถนะออฟโรด

มรดกแห่งชัยชนะ: DNA ออฟโรดของ Mitsubishi Motors

ย้อนกลับไปในหน้าประวัติศาสตร์ Mitsubishi Motors มีชื่อเสียงโดดเด่นในฐานะผู้บุกเบิกและเจ้าแห่งการแข่งขันออฟโรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายการระดับโลกอย่าง Dakar Rally ที่ Mitsubishi คว้าชัยชนะมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้มาจากการผลิตรถยนต์ธรรมดา แต่มาจากการสั่งสมประสบการณ์ เทคโนโลยี และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของสภาพการแข่งขันที่โหดร้ายที่สุดในโลก ชื่อเสียงของ Pajero และ Lancer Evolution ในสนามแรลลี่สะท้อนถึง DNA แห่งความแกร่งและความทนทานที่ฝังรากลึกอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนารถยนต์สมรรถนะสูง

สำหรับ Asia Cross Country Rally ซึ่งถือเป็นการแข่งขันแรลลี่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย Mitsubishi ได้ใช้เวทีนี้มาโดยตลอดเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของรถกระบะสายพันธุ์แกร่งอย่าง Triton (หรือ L200 ในบางตลาด) การเข้าร่วมและประสบความสำเร็จใน AXCR ไม่ใช่แค่การชิงชัยในแต่ละปี แต่เป็นการทดสอบ R&D ที่สำคัญที่สุดรายการหนึ่ง เพื่อนำข้อมูลและบทเรียนที่ได้จากการแข่งขันจริง มาพัฒนาสมรรถนะของรถยนต์ที่ออกจำหน่ายในตลาด การที่ Mitsubishi ตัดสินใจส่ง Triton Rallycar เข้าร่วมการแข่งขันในปี 2025 ด้วยรถยนต์ถึง 3 คันในรุ่น T1D จึงไม่ใช่แค่การลงสนาม แต่เป็นการประกาศศักดาอย่างชัดเจนถึงความมั่นใจในเทคโนโลยีและวิศวกรรมล่าสุดของพวกเขา การกลับมาครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การสานต่อตำนาน แต่เป็นการสร้างตำนานบทใหม่ที่พร้อมจะพลิกโฉมมาตรฐานของรถกระบะสมรรถนะสูงและตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะแกร่ง

Asia Cross Country Rally 2025: สมรภูมิแห่งความอดทนและสมรรถนะ

Asia Cross Country Rally 2025 กำลังจะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์อันยิ่งใหญ่ โดยมีกำหนดการแข่งขันระหว่างวันที่ 8-16 สิงหาคม ซึ่งจะพาผู้เข้าแข่งขันและยานยนต์คู่ใจเผชิญหน้ากับระยะทางรวมกว่า 3,200 กิโลเมตร ตลอด 6 วันของการแข่งขัน และ 8 ช่วงเส้นทางพิเศษ (SS: Special Stage) ที่อัดแน่นไปด้วยความท้าทายที่หลากหลาย สนามแข่งขันอันกว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไปยังภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสภาพภูมิประเทศที่แปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ตั้งแต่เส้นทางลูกรังที่เต็มไปด้วยฝุ่น ทางดินโคลนลึก ไปจนถึงการลุยลำธารและเส้นทางออฟโรดที่ต้องใช้ทักษะการขับขี่ขั้นสูง นี่คือการแข่งขันที่แท้จริงที่ไม่ได้วัดแค่ความเร็ว แต่คือการวัดความทนทานของรถยนต์ ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และความแข็งแกร่งของช่วงล่างที่ต้องรับแรงกระแทกอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่ทำให้ AXCR แตกต่างจากการแข่งขันทางเรียบคือ “ความไม่แน่นอน” ของสภาพเส้นทาง ผู้เข้าแข่งขันจะต้องพร้อมปรับตัวรับมือกับอุปสรรคที่ไม่คาดคิดตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนจากทางเรียบสู่ทางขรุขระอย่างกะทันหัน หรือสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้รถแข่งต้องได้รับการปรับแต่งอย่างพิถีพิถันในทุกส่วน ตั้งแต่โครงสร้าง ช่วงล่าง ไปจนถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ภายในเครื่องยนต์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสามารถรับมือกับแรงเค้นและแรงบิดมหาศาลที่เกิดขึ้นตลอดการแข่งขันได้อย่างไร้รอยต่อ และการกลับมาสิ้นสุดที่เมืองพัทยาอีกครั้งหลังจากการเดินทางอันยาวนานนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของการพิชิตความท้าทายที่สมบูรณ์แบบ

ทั้ง 3 คันของ Mitsubishi Triton Rallycar ที่นำโดยนักขับระดับพระกาฬอย่าง ชยพล โยธา (ผู้นำทาง พีรีพงษ์ สมบัติวงศ์) ในรถหมายเลข 112, คัตสึฮิโกะ ทากูชิ (ผู้นำทาง ทาคาฮิโระ ยาสุอิ) ในรถหมายเลข 105 และ คาสุโตะ โคอิเดะ (ผู้นำทาง เออิจิ ชิบะ) ในรถหมายเลข 118 จะเป็นกำลังสำคัญในการชิงชัยและพิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะเหนือระดับของรถกระบะสายพันธุ์แกร่งคันนี้ พร้อมทั้งสะท้อนความเชี่ยวชาญด้านอะไหล่รถยนต์สมรรถนะสูงและการปรับแต่งรถแข่งที่ Mitsubishi ได้สั่งสมมา

Mitsubishi Triton Rallycar: วิศวกรรมขั้นสุดเพื่อชัยชนะ

รถแข่ง Mitsubishi Triton Rallycar ที่เตรียมลงสนาม AXCR 2025 นี้ ไม่ใช่เพียงแค่รถกระบะทั่วไปที่นำมาปรับแต่ง แต่คือผลลัพธ์จากการออกแบบทางวิศวกรรมที่คำนึงถึงทุกรายละเอียด เพื่อตอบสนองความต้องการของการแข่งขันออฟโรดที่ท้าทายที่สุด

โครงสร้างและตัวถัง: ความแกร่งที่มาพร้อมน้ำหนักเบา
หัวใจสำคัญของการสร้างรถแข่งแรลลี่ที่ประสบความสำเร็จคือความสมดุลระหว่างความแข็งแรงทนทานและการลดน้ำหนัก Triton Rallycar เริ่มต้นจากพื้นฐานที่แข็งแกร่งของรถกระบะ Mitsubishi Triton ซึ่งมีโครงสร้างแชสซีส์แบบขั้นบันได (Ladder Frame) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานต่อแรงบิดและการกระแทก อย่างไรก็ตาม สำหรับการแข่งขันระดับ AXCR ที่ความเร็วและความคล่องตัวมีความสำคัญสูงสุด วิศวกรของ Mitsubishi ได้นำหลักการของวัสดุน้ำหนักเบามาใช้ในหลายจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ “คาร์บอนไฟเบอร์” (Carbon Fiber) ซึ่งเป็นวัสดุคอมโพสิตที่มีอัตราส่วนความแข็งแรงต่อน้ำหนักสูงกว่าเหล็กหลายเท่ามาผลิตชิ้นส่วนสำคัญ อาทิ ฝากระโปรงหน้า ซุ้มล้อหน้า แผงข้างประตู และส่วนกระบะท้าย การปรับเปลี่ยนนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดน้ำหนักโดยรวมของรถลงได้อย่างมหาศาล ทำให้รถมีความคล่องตัวในการตอบสนองต่อการควบคุมที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยลดภาระของช่วงล่างและระบบเบรกอีกด้วย นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังยังได้รับการเสริมความแข็งแรงด้วยโรลเคจ (Roll Cage) ที่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับ FIA เพื่อปกป้องนักขับและผู้นำทางในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การออกแบบที่พิถีพิถันนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการสร้างรถแข่งที่ทั้งเร็ว ปลอดภัย และมีความทนทานสูงต่อสภาพการใช้งานสุดขีด

ระบบขับเคลื่อน: หัวใจแห่งสมรรถนะและแรงบิดมหาศาล
เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร บล็อก 4N16 เทอร์โบเดี่ยว คือหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อน Mitsubishi Triton Rallycar ให้ก้าวข้ามทุกอุปสรรค แม้หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับตัวเลขแรงม้าที่สูงลิ่วในรถแข่งทางเรียบ แต่สำหรับแรลลี่ครอสคันทรี “ความทนทาน” และ “แรงบิด” คือกุญแจสำคัญ วิศวกรของ Mitsubishi Heavy Industry Engine and Turbocharger ได้พัฒนาเทอร์โบชาร์จเจอร์ตัวนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้พละกำลังสูงสุดที่ 160 kW (ประมาณ 214 แรงม้า) และแรงบิดมหาศาลถึง 500 นิวตันเมตร หรือมากกว่านั้น แม้ตัวเลขแรงม้าจะดูไม่สูงมาก แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในคือการปรับแต่ง “ไส้ในเครื่องยนต์” ทั้งหมดให้สามารถรองรับแรงม้าได้สูงถึง 500-600 แรงม้า ซึ่งเป็นขีดจำกัดด้านความทนทานที่ต้องการในการแข่งขันระยะยาว แรงบิดที่สูงตั้งแต่รอบต่ำเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเส้นทางออฟโรดที่ต้องใช้กำลังในการปีนป่ายหรือลุยโคลน การออกแบบนี้เน้นไปที่การส่งกำลังที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้ตลอดการแข่งขันหลายพันกิโลเมตร มากกว่าการเร่งความเร็วสูงสุดชั่วขณะ ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาการพัฒนารถดีเซลประสิทธิภาพสูงเพื่อการใช้งานในสภาพสมบุกสมบัน

ด้านระบบส่งกำลัง รถแข่งหมายเลข 112 และ 105 ได้รับการติดตั้ง “เกียร์ซีเควนเชียล 6 สปีด” จาก SADEV ซึ่งเป็นผู้ผลิตระบบส่งกำลังสำหรับรถแข่งระดับโลก เกียร์ประเภทนี้มีจุดเด่นที่การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็ว ฉับไว และแม่นยำ ช่วยให้นักขับสามารถควบคุมกำลังของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ พร้อมเสริมด้วยน้ำมันเกียร์สมรรถนะสูงจาก Moty’s เพื่อลดการสึกหรอและรักษาประสิทธิภาพในอุณหภูมิการทำงานที่สูง ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ “ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full-Time” ซึ่งให้การยึดเกาะถนนสูงสุดในทุกสภาพพื้นผิว ในขณะที่รถแข่งหมายเลข 118 มีความพิเศษที่การใช้ “เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด” คู่กับ “ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Super Select 4WD-II” ของ Mitsubishi เอง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้วถึงความอัจฉริยะในการปรับโหมดขับเคลื่อนให้เข้ากับสภาพถนนได้อย่างลงตัว การมีรถแข่งที่ใช้เกียร์อัตโนมัติแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายและอาจรวมถึงการลดความเมื่อยล้าของนักขับในการแข่งขันระยะยาวด้วย และที่ขาดไม่ได้คือ “เฟืองท้ายแบบ Limited Slip Differential (LSD)” จาก CUSCO ที่ติดตั้งในรถแข่งทั้ง 2 รุ่น เพื่อช่วยกระจายแรงบิดไปยังล้อที่มีการยึดเกาะดีที่สุด ทำให้รถยังคงมีแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้แม้ในสถานการณ์ที่ล้อข้างใดข้างหนึ่งเสียการยึดเกาะ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มสมรรถนะรถยนต์บนเส้นทางวิบาก

ระบบกันสะเทือนและเบรก: ควบคุมทุกสภาพพื้นผิวด้วยความมั่นใจ
การแข่งขันแรลลี่ครอสคันทรีคือบททดสอบที่แท้จริงของระบบช่วงล่าง Mitsubishi Triton Rallycar จึงได้รับการออกแบบช่วงล่างใหม่ทั้งหมดแทบไม่เหลือชิ้นส่วนเดิมเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “จุดยึดต่างๆ ได้รับการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด” เพื่อรองรับแรงกระแทกและแรงบิดมหาศาลที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการลงทุนในการสร้างระบบกันสะเทือนรถแข่งที่แข็งแกร่ง
ด้านหน้าเป็นแบบ “ปีกนกสองชั้น (Double Wishbone)” พร้อมคอยล์สปริง ซึ่งให้ความแข็งแรงและควบคุมล้อได้อย่างแม่นยำ ให้ระยะยุบตัวที่มากพอสำหรับสภาพเส้นทางที่ขรุขระ
ส่วนด้านหลังใช้แบบ “คอยล์สปริง Rigid 4-Link” ซึ่งเป็นระบบที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและเสถียรภาพในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดหนักๆ ระบบกันสะเทือนทั้งสองส่วนได้รับการปรับแต่งพิเศษด้วยโช้คอัพสมรรถนะสูง (ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นแบบมีซับแทงค์แยก เพื่อการระบายความร้อนและประสิทธิภาพการทำงานที่สม่ำเสมอ) เพื่อดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวที่ทุรกันดาร ให้การควบคุมรถที่แม่นยำและสบายสำหรับนักแข่งตลอดเส้นทางที่ยาวนาน การปรับแต่งช่วงล่างสมรรถนะสูงนี้ถือเป็นหัวใจของการขับขี่ออฟโรดที่ทรงประสิทธิภาพ

สำหรับระบบเบรก ความเชื่อมั่นในการหยุดรถเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความเร็วสูงและในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย รถแข่ง Triton ใช้ “ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน” และ “คาลิปเปอร์แบบชั้นเดียวจาก ENDLESS” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในวงการมอเตอร์สปอร์ต ระบบเบรกได้รับการออกแบบมาเพื่อทนทานต่อการใช้งานหนักต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาเบรกเฟด (Brake Fade) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมด้วย “น้ำมันเบรกสำหรับการแข่งขันจาก FORTEC” ที่มีจุดเดือดสูง เพื่อรักษาประสิทธิภาพการเบรกภายใต้ความร้อนสะสมที่รุนแรง ระบบเบรกสำหรับรถแข่งนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญด้านความปลอดภัยรถแข่ง

ล้อขนาด 17 นิ้ว จาก WORK ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้านความแข็งแรงและน้ำหนักเบา ถูกสวมด้วย “ยาง YOKOHAMA GEOLANDAR M/T G003 ขนาด 245/75 R17” ซึ่งเป็นยาง Mud-Terrain ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด ยางรุ่นนี้มีดอกยางที่ดุดันและแข็งแรงเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มการยึดเกาะในสภาพพื้นผิวที่เป็นโคลน ดิน หรือหินได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมแก้มยางที่ทนทานต่อการบาดตำ ทำให้ลดโอกาสการเกิดยางรั่วในเส้นทางที่โหดร้ายลงได้ ยางสมรรถนะสูงเหล่านี้คือตัวเชื่อมระหว่างรถกับพื้นผิวที่ท้าทาย

พลังของมนุษย์: ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

เบื้องหลังความแข็งแกร่งของเครื่องจักร คือความสามารถและจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ของทีมงานและนักขับ การแข่งขันแรลลี่ไม่ใช่แค่การขับรถให้เร็วที่สุด แต่คือการทำงานร่วมกันระหว่างนักขับและผู้นำทางอย่างเป็นหนึ่งเดียว นักขับอย่าง ชยพล โยธา, คัตสึฮิโกะ ทากูชิ และ คาสุโตะ โคอิเดะ ต่างเป็นนักขับที่มีประสบการณ์สูงในวงการแรลลี่ พวกเขาไม่เพียงแต่มีทักษะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพฤติกรรมของรถและความต้องการของเส้นทางแต่ละประเภท ผู้นำทางอย่าง พีรีพงษ์ สมบัติวงศ์, ทาคาฮิโระ ยาสุอิ และ เออิจิ ชิบะ ก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ในการอ่านแผนที่ (Roadbook) และบอกเส้นทางอย่างแม่นยำภายใต้ความกดดันและสภาพแวดล้อมที่สั่นสะเทือนตลอดเวลา

นอกจากนักขับและผู้นำทางแล้ว ทีมงานเบื้องหลัง ตั้งแต่วิศวกร ช่างเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ ไปจนถึงทีมสนับสนุนทางการแพทย์ ล้วนเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้การแข่งขันดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล ปรับแต่งรถในเวลาจำกัด และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในสนามแข่งขัน คือสิ่งที่แยกแยะทีมที่ประสบความสำเร็จออกจากทีมอื่น การทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพคือหัวใจของชัยชนะในการแข่งขันที่ยาวนานและท้าทายเช่น AXCR ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีรถยนต์และนวัตกรรมยานยนต์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

บทสรุปและบทเรียกเชิญชวน

Mitsubishi Triton Rallycar 2025 ไม่ได้เป็นเพียงแค่การส่งรถเข้าร่วมการแข่งขัน แต่เป็นการประกาศวิสัยทัศน์ของ Mitsubishi Motors ที่จะยังคงเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์และสมรรถนะออฟโรด ด้วยการผสมผสานระหว่างมรดกอันยาวนาน นวัตกรรมทางวิศวกรรมที่ล้ำสมัย และความทุ่มเทของทีมงาน Triton Rallycar คันนี้จึงพร้อมแล้วที่จะพิชิตความท้าทายใน Asia Cross Country Rally 2025 และตอกย้ำภาพลักษณ์ของรถกระบะสายพันธุ์แกร่งที่พร้อมสำหรับทุกการผจญภัย ไม่ว่าเส้นทางจะโหดร้ายเพียงใด นี่คือการแสดงออกถึงสุดยอดแห่งรถแข่งแรลลี่อย่างแท้จริง

เราขอเชิญชวนทุกท่านร่วมติดตามและเป็นกำลังใจให้แก่ทีม Mitsubishi Ralliart ในการแข่งขัน Asia Cross Country Rally 2025 ระหว่างวันที่ 8-16 สิงหาคมนี้ เพื่อร่วมเป็นประจักษ์พยานถึงสมรรถนะอันเหนือชั้นของ Mitsubishi Triton Rallycar และความมุ่งมั่นของทีมงาน หากท่านสนใจสัมผัสประสบการณ์ความแกร่งและเทคโนโลยีที่ต่อยอดจากสนามแข่ง สัมผัส Mitsubishi Triton ตัวจริงได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมมิตซูบิชิทั่วประเทศ หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุดยอดยนตรกรรมที่พร้อมพาคุณก้าวข้ามทุกขีดจำกัด.