• Sample Page
  • Sample Page
Film Thai lan
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film Thai lan
No Result
View All Result

[ครบชุด] XU11106 Facebook (34)

admin79 by admin79
November 7, 2025
in Uncategorized
0
[ครบชุด] XU11106 Facebook (34)

BYD SHARK6: ปฏิวัติวงการกระบะไทย พลิกโฉมยานยนต์พลังงานใหม่แห่งปี 2025

ในฐานะที่ผมคลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์พลังงานทางเลือกและรถกระบะ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย ผมขอบอกเลยว่าปี 2025 นี้ กำลังจะเป็นปีที่น่าจับตาเป็นพิเศษ เมื่อ BYD ค่ายยักษ์ใหญ่จากแดนมังกร ผู้ที่สร้างปรากฏการณ์ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าบ้านเรา ได้ประกาศเปิดตัว BYD SHARK6 กระบะ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) พวงมาลัยขวา ที่พร้อมแล้วจะเข้ามาเขย่าบัลลังก์เจ้าตลาดกระบะเดิม และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับยานยนต์ประเภทนี้

จากวันแรกที่เราได้เห็นคันจริงของ BYD SHARK6 ที่อวดโฉมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เสียงกระซิบและความสนใจก็ถูกจุดประกายขึ้นทันที ไม่ใช่แค่ในแง่ของดีไซน์ที่ดูดุดัน แข็งแกร่ง แต่ยังรวมถึงแนวคิดการผสานพลังงานแบบปลั๊กอินไฮบริดที่ยังไม่เคยมีค่ายใดกล้าทำในตลาดกระบะเมืองไทยอย่างจริงจัง ผมได้มีโอกาสศึกษาข้อมูลเชิงลึก และวิเคราะห์จากประสบการณ์การทดสอบเบื้องต้นของรุ่นนี้อย่างใกล้ชิด ผมกล้าพูดได้เลยว่า BYD SHARK6 ไม่ได้เป็นแค่ “รถกระบะอีกคัน” แต่คือ “การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ” ที่จะกำหนดทิศทางของตลาดรถกระบะในอีกหลายปีข้างหน้า

พลังขับเคลื่อน DM-O: เมื่อสมรรถนะมาพร้อมความประหยัดและรักษ์โลก

หัวใจสำคัญที่ทำให้ BYD SHARK6 เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด คือขุมพลัง DM-O Plug-in Hybrid เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด นี่ไม่ใช่แค่การนำเครื่องยนต์สันดาปมาจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบผิวเผิน แต่เป็นการออกแบบระบบส่งกำลังแบบบูรณาการที่ชาญฉลาด เพื่อให้ได้ทั้งพละกำลังอันมหาศาล และประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงขั้นสุดยอด

ภายใต้ฝากระโปรง เราจะได้พบกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบ ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า EHS (Electric Hybrid System) ที่ทรงพลัง พละกำลังรวมสูงสุดที่ 436 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 650 นิวตันเมตร ถ่ายทอดผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive และระบบกระจายแรงบิดอัจฉริยะ สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับกระบะดีเซลเทอร์โบ ผมบอกได้เลยว่าตัวเลขนี้เทียบเท่าหรือเหนือกว่ากระบะเครื่องยนต์ใหญ่ระดับ 3.0 ลิตร ในตลาดปัจจุบันเสียอีก

ความน่าประทับใจไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่สัมผัสได้ทันทีที่เท้าแตะคันเร่ง จากการทดสอบในสนามแข่งอย่างพีระเซอร์กิต พัทยา ซึ่งจำลองสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ผมต้องยอมรับว่าตอนแรกก็แอบตั้งคำถามว่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร จะเพียงพอต่อการขับเคลื่อนรถกระบะขนาดใหญ่แบบนี้ได้อย่างไร? แต่ทันทีที่ออกตัว อาการกระชากตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ตอบสนองแทบจะทันทีแบบรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดอย่างสิ้นเชิง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.7 วินาที คือตัวเลขที่ยืนยันว่านี่คือกระบะที่เร็วที่สุดคันหนึ่งในตลาด และความรู้สึกในการเร่งแซง การตอบสนองของพวงมาลัย ล้วนให้ความมั่นใจได้อย่างเหลือเฟือ

นอกจากพละกำลังแล้ว BYD SHARK6 ยังมอบความยืดหยุ่นในการใช้งานสูงสุด แบตเตอรี่ Blade Battery ความจุ 29.5 kWh ที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน หรือขับขี่ในเมืองโดยไม่ปล่อยมลพิษเลย และเมื่อแบตเตอรี่เริ่มหมด ระบบไฮบริดก็จะเข้ามาทำงานได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ ให้คุณขับขี่ต่อเนื่องด้วยน้ำมันได้อีกไกล รวมระยะทางสูงสุดถึง 840 กิโลเมตรต่อการเติมเชื้อเพลิงและชาร์จแบตเตอรี่เต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งเทียบเท่าหรือมากกว่าระยะทางที่กระบะเครื่องยนต์สันดาปทั่วไปทำได้เสียอีก

และอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผมมองว่าเป็น “Game Changer” ในตลาดกระบะคือ ระบบ V2L (Vehicle to Load) ที่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้า 220V ให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้สูงสุดถึง 6,000 วัตต์ (6 kW) นี่คือตัวเลขที่สูงที่สุดในตลาด ณ ปัจจุบัน ฟีเจอร์นี้ไม่ได้มีไว้โชว์ แต่มันคือ “ขุมพลังเคลื่อนที่” ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงสำหรับสายลุย, สายแคมป์ปิ้ง, ผู้ที่ต้องทำงานนอกสถานที่ หรือแม้แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่คุณต้องการใช้ไฟฟ้าในที่ที่เข้าไม่ถึง BYD SHARK6 จะกลายเป็นแหล่งพลังงานสำรองที่เชื่อถือได้ นี่คือความยืดหยุ่นที่กระบะทั่วไปไม่สามารถให้ได้ และเป็นจุดขายที่สำคัญที่เจาะกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยได้อย่างตรงจุดแน่นอน

ดีไซน์ที่บ่งบอกตัวตน: แกร่ง ใหญ่ และทันสมัย

BYD SHARK6 มาพร้อมมิติตัวถังที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม Compact Pick-up ณ ปัจจุบัน ด้วยความยาว 5,457 มิลลิเมตร, กว้าง 1,971 มิลลิเมตร และสูง 1,925 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อที่ยาวถึง 3,260 มิลลิเมตร การออกแบบภายนอกสะท้อนความแข็งแกร่ง ดุดัน แต่ก็แฝงความทันสมัยไว้อย่างลงตัว ไฟหน้า LED ที่คมเข้มพร้อมฟังก์ชัน Follow-me-home, ไฟ Daytime Running Light แบบ LED และไฟท้าย LED ที่มีไฟเลี้ยวด้านหลังแบบ Sequential ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 200 มิลลิเมตร และความสามารถในการลุยน้ำสูงสุด 700 มิลลิเมตร ตอกย้ำความพร้อมสำหรับการผจญภัยในทุกเส้นทาง

พื้นที่กระบะท้ายขนาดความจุ 1,200 ลิตร รองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 790 กิโลกรัม และความสามารถในการลากจูง 2,500 กิโลกรัม สะท้อนถึง DNA ของรถกระบะเพื่อการใช้งานอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการขนสัมภาระเพื่อธุรกิจ หรืออุปกรณ์สำหรับทริปผจญภัย BYD SHARK6 ก็พร้อมตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างไร้กังวล

ภายในที่เหนือระดับ: ความหรูหราของ SUV ในคราบกระบะ

ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ BYD SHARK6 ผมเชื่อว่าหลายคนจะลืมไปเลยว่ากำลังนั่งอยู่ในรถกระบะ นี่คือการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งของกระบะเข้ากับความหรูหราและความล้ำสมัยของรถ SUV ระดับพรีเมียมได้อย่างลงตัว การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ปุ่มกดใช้งานหลักๆ เข้าถึงง่าย มองเห็นชัดเจน

จุดเด่นที่ไม่อาจมองข้ามคือเทคโนโลยีภายใน มาตรวัด Full Digital ขนาด 10.25 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ได้อย่างครบถ้วนและชัดเจน แต่ที่สร้างความว้าวได้มากที่สุดคือหน้าจอกลาง Touchscreen ขนาด 15.6 นิ้ว ที่สามารถหมุนได้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ BYD นอกจากนี้ยังมีระบบหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (W-HUD) ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน ทำให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำแบบเจาะรู Perforated เดินตะเข็บด้ายสีส้มที่ตัดกันอย่างลงตัว ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังมอบความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า Lumbar Support 4 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าก็สามารถปรับด้วยไฟฟ้าได้เช่นกัน เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบาะนั่งด้านหลังก็ไม่ถูกละเลย สามารถพับพนักพิงลงได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ ยิ่งไปกว่านั้น กระจกหน้าต่างคู่หน้ายังเป็นแบบลดเสียงรบกวน Acoustic Glass และคู่หลังเป็นแบบ Privacy Glass เพื่อความเป็นส่วนตัวและความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ยิ่งตอกย้ำถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของผู้ใช้งาน

ช่วงล่างที่เหนือความคาดหมาย: สบาย นุ่มนวล เกาะถนนแบบที่ไม่ใช่กระบะทั่วไป

หากให้ผมเลือกหนึ่งจุดที่ประทับใจที่สุดจากการศึกษาข้อมูลการทดสอบของ BYD SHARK6 ผมคงต้องยกให้ “ช่วงล่าง” อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบ McPherson Strut และด้านหลังแบบอิสระ Double Wishbone นี่คือสิ่งที่สร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงจากกระบะทั่วไปในตลาดที่ส่วนใหญ่ยังคงใช้แหนบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Compact Pick-up

หลายคนอาจจะคุ้นชินกับภาพลักษณ์ของรถกระบะที่แข็งกระด้าง กระโดกกระเดก แต่ BYD SHARK6 กลับมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวล มั่นคง และเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม ให้ความรู้สึกราวกับกำลังขับรถ SUV หรูหราขนาดใหญ่มากกว่าที่จะเป็นรถกระบะ การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การเปลี่ยนเลนกะทันหัน หรือแม้แต่การวิ่งผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ ระบบช่วงล่างอิสระก็สามารถจัดการได้อย่างไร้ที่ติ ให้ทั้งความมั่นคงและลดแรงสะเทือนที่ส่งผ่านมายังห้องโดยสารได้อย่างน่าประทับใจ เหมาะอย่างยิ่งกับสภาพถนนในบ้านเราที่มีความหลากหลาย

แน่นอนว่าช่วงล่างหลังแบบ Double Wishbone นั้น อาจต้องแลกมาด้วยน้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่อาจจะไม่สูงเท่ากระบะที่ใช้แหนบ แต่ในทางกลับกัน มันมอบความสบายในการขับขี่และโดยสารที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตรงกับเทรนด์การใช้งานรถกระบะในปัจจุบันที่ไม่ได้เป็นแค่รถเพื่อการบรรทุกหนักเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นรถสำหรับครอบครัว และรถอเนกประสงค์เพื่อการเดินทางอีกด้วย

สำหรับตลาดประเทศไทยในปี 2025 นี้ ประเด็นเรื่องช่วงล่างหลังอาจมีการปรับเปลี่ยนไปใช้แหนบสำหรับบางรุ่นย่อย เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตของรถกระบะที่แตกต่างกันไปตามประเภทช่วงล่าง (ช่วงล่างสปริงจะมีอัตราภาษีที่สูงกว่า) ซึ่ง BYD ก็แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจตลาดและพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการและราคาที่เหมาะสมสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเข้าถึงตลาดไทยอย่างจริงจัง

ความปลอดภัยรอบด้าน: เมื่อเทคโนโลยีเป็นผู้พิทักษ์ชีวิต

BYD SHARK6 ไม่ได้เป็นแค่รถกระบะที่แรง ประหยัด และสบาย แต่ยังเป็นรถที่ “ฉลาดและปลอดภัย” ด้วยระบบความปลอดภัยเชิงรุกและเชิงรับที่จัดมาให้อย่างครบครัน เทียบเท่ารถยนต์พรีเมียมในปัจจุบัน

ระบบเบรก ABS/EBD/BA, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC, ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบช่วยลงทางลาดชัน HDC ล้วนเป็นมาตรฐานที่คาดหวังได้ แต่สิ่งที่ทำให้ SHARK6 โดดเด่นคือระบบ ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) ที่จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น:
ระบบเบรกอัตโนมัติ AEB และระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW
ระบบแจ้งเตือนคาดการณ์การชนล่วงหน้า PCW และระบบช่วยเตือนการชนด้านท้าย RCW
ระบบจดจำป้ายจราจร TSR
ระบบเตือนเปลี่ยนเลน LDW, ระบบป้องกันรถออกนอกเลน LDP และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร LKA
ระบบแจ้งเตือนจำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISLC
ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA และระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTB
ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา BSD และระบบช่วยเตือนเมื่อเปิดประตูรถ DOW
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control with Stop & Go
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ HMA และระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้า DAW

นอกจากนี้ ยังมีถุงลมนิรภัยถึง 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-ระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า), กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา และเซนเซอร์กะระยะช่วยจอดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเส้นทาง ระบบเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน

BYD SHARK6 กับอนาคตตลาดรถกระบะไทยในปี 2025

BYD SHARK6 ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถกระบะ PHEV คันแรกของ BYD แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดรถกระบะทั่วโลก และแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดประเทศไทยในปี 2025 นี้อย่างแน่นอน ด้วยความมุ่งมั่นของ BYD ที่จะผลิตรถยนต์ในโรงงานที่จังหวัดระยอง การนำเสนอ BYD SHARK6 ในประเทศไทยจึงเป็นมากกว่าแค่การนำเข้ารถยนต์ แต่เป็นการลงทุนระยะยาวที่พร้อมจะสร้างงาน สร้างรายได้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

ผมเชื่อว่า BYD SHARK6 มีศักยภาพที่จะเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่สามารถ “ต่อกร” กับเจ้าตลาดเดิมได้อย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นที่ยังไม่มีใครทำได้ในตลาดกระบะ นั่นคือระบบ PHEV ที่ให้ทั้งความแรง ความประหยัด และความยืดหยุ่นในการใช้งาน ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทางหรือสถานีชาร์จเหมือนรถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่ก็ยังได้สัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่แบบ EV ที่เงียบและนุ่มนวล

นวัตกรรมอย่างระบบ V2L ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้สูงสุด 6 kW คือ “ไม้ตาย” ที่จะตอบโจทย์การใช้งานของคนไทยได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะใช้ชีวิตแบบ Outdoor ทำกิจกรรม หรือแม้แต่เป็นแหล่งพลังงานสำรองในยามจำเป็น นี่คือคุณค่าที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งกระบะทั่วไปไม่สามารถให้ได้

เราคงต้องมารอลุ้นกันในช่วงปลายปี 2025 นี้ ว่า BYD SHARK6 เวอร์ชันไทย จะมาพร้อมกับราคาและข้อเสนอที่น่าสนใจขนาดไหน และจะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เข้ากับความต้องการและข้อกำหนดของตลาดไทยได้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องช่วงล่างหลังที่อาจต้องมีการพิจารณาเรื่องภาษี แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่า BYD SHARK6 จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าจับตา และจะเข้ามาสร้างความคึกคักให้กับตลาดรถกระบะไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

อย่าพลาดโอกาสในการสัมผัสประสบการณ์ใหม่!

หากคุณคือคนหนึ่งที่กำลังมองหารถกระบะที่ฉีกทุกกรอบเดิมๆ มอบทั้งสมรรถนะที่เร้าใจ ความประหยัดที่เป็นเลิศ ความสะดวกสบายระดับพรีเมียม และเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยในสไตล์ยานยนต์พลังงานใหม่แห่งอนาคต ผมขอแนะนำให้คุณจับตา BYD SHARK6 ไว้ให้ดี นี่คือรถกระบะที่คุณจะต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง

เตรียมพบกับมิติใหม่ของการเดินทางและใช้งานได้ในเร็วๆ นี้! ติดตามข่าวสารการเปิดตัวและโปรโมชั่นพิเศษของ BYD SHARK6 ในประเทศไทยได้ก่อนใคร เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโลกยานยนต์กระบะแห่งปี 2025!

Previous Post

[ครบชุด] XU11105 Facebook (38)

Next Post

[ครบชุด] XU11107 เอาคืน

Next Post
[ครบชุด] XU11107 เอาคืน

[ครบชุด] XU11107 เอาคืน

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • [ครบชุด] XU11300 Facebook (42)
  • [ครบชุด] XU11299 Facebook (15)
  • [ครบชุด] XU11298 ลูกคือภาระ คุณก็ภาระ หลง รักแฟนเพจ
  • [ครบชุด] XU11297 ลูกเก็บมาเลี้ยงดีกว่าลูกในไส้
  • [ครบชุด] XU11296 การหย่ากับสามี ถ้าผัวมันเลว ไม่ใช่เรื่องน่าอายอย่างที่คิด

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025
  • July 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.