[ครบชุด] XU11125 ชีวิตมีขึ้น มีลง

BYD SHARK 6: กระบะ PHEV ยุคใหม่ ผู้นำเทรนด์พลังงานที่เหนือกว่าทุกมิติ (2025)

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดรถกระบะอย่างใกล้ชิด และในปี 2025 นี้เอง เรากำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญที่เทคโนโลยีพลังงานทางเลือกไม่ได้เป็นเพียงกระแส แต่ได้กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักในการตัดสินใจของผู้บริโภค และหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตาที่สุด คงหนีไม่พ้น BYD SHARK 6 กระบะ Plug-in Hybrid (PHEV) ที่กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเซกเมนต์นี้ ด้วยนวัตกรรมที่ก้าวล้ำและสมรรถนะที่น่าทึ่ง

BYD ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านยานยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle – NEV) ได้พิสูจน์ศักยภาพของตนเองมาแล้วในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ทั้งในระดับสากลและในประเทศไทยที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว การก้าวเข้าสู่ตลาดรถกระบะด้วยรุ่น SHARK 6 จึงไม่ใช่เพียงการเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการประกาศวิสัยทัศน์ที่จะปฏิวัติวงการกระบะให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ผู้บริโภคมองหารถยนต์ที่ผสานการใช้งานอันหลากหลายเข้ากับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และต้นทุนการใช้งานที่คุ้มค่า

BYD SHARK 6: การมาถึงของผู้ท้าชิงที่พร้อมเขย่าบัลลังก์

BYD SHARK 6 ไม่ใช่แค่รถกระบะ PHEV คันแรกของค่าย แต่ยังเป็นการนำเสนอเทคโนโลยี DM-O (Dual Mode Off-road) Plug-in Hybrid ที่รวมเอาพละกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเดินทางไกล และการผจญภัยในเส้นทางที่ท้าทาย

การจัดแสดงและทดสอบรุ่นพวงมาลัยขวาในประเทศไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้สร้างความตื่นเต้นและคำถามมากมายถึงศักยภาพที่แท้จริงของรถกระบะคันนี้ ซึ่งผลิตจากประเทศจีนและส่งออกไปทำตลาดในหลายประเทศรวมถึงออสเตรเลีย การทดสอบในสนามแข่งพีระเซอร์กิต พัทยา ได้มอบโอกาสอันล้ำค่าให้ผมได้สัมผัสกับวิศวกรรมที่ BYD บรรจงสร้างสรรค์ขึ้น และมันก็เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจเกินความคาดหมาย

มิติใหม่แห่งรถกระบะ: ขนาดที่ลงตัวกับฟังก์ชันที่ครบครัน

แม้จะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Compact Pick-up ในบางนิยาม แต่ BYD SHARK 6 ก็มาพร้อมมิติตัวถังที่ใหญ่โต ให้ความรู้สึกบึกบึนและทรงพลังบนท้องถนน:
ความยาว: 5,457 มิลลิเมตร
ความกว้าง: 1,971 มิลลิเมตร
ความสูง: 1,925 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ Wheelbase: 3,260 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance: 200 มิลลิเมตร
ความสามารถในการลุยน้ำ: สูงสุด 700 มิลลิเมตร
กระบะท้าย: ขนาดความจุ 1,200 ลิตร
รองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด: 790 กิโลกรัม
รองรับน้ำหนักการลากจูง: 2,500 กิโลกรัม
มุมไต่: 31 องศา

มิติเหล่านี้บ่งบอกถึงความตั้งใจของ BYD ที่จะมอบทั้งพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง ความสามารถในการบรรทุกและลากจูงที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานจริง ขณะเดียวกันก็ยังคงความคล่องตัวที่รถกระบะสมัยใหม่พึงมี ระยะฐานล้อที่ยาวช่วยให้การทรงตัวดีเยี่ยม ส่วน Ground Clearance ที่เพียงพอต่อการลุยน้ำ 700 มม. และมุมไต่ 31 องศา ชี้ให้เห็นว่า SHARK 6 ไม่ได้เป็นเพียงรถกระบะสำหรับเมืองใหญ่ แต่พร้อมสำหรับการผจญภัยออฟโรดในระดับที่คาดไม่ถึง

ขุมพลัง DM-O Plug-in Hybrid: ประสิทธิภาพที่ไร้ขีดจำกัด

หัวใจสำคัญของ BYD SHARK 6 คือระบบขับเคลื่อน 1.5 TURBO Plug-in Hybrid DM-O ที่เหนือชั้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า EHS (Electric Hybrid System) ที่ผสานพละกำลังรวมสูงสุดถึง 436 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาล 650 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ All-Wheel Drive พร้อมระบบกระจายแรงบิดอัจฉริยะ

ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่สถิติ แต่สะท้อนถึงประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เคยมีในรถกระบะทั่วไป:
อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 5.7 วินาที: เป็นสมรรถนะที่เทียบเท่ารถสปอร์ตหลายรุ่น และเหนือกว่ารถกระบะคู่แข่งในตลาดอย่างชัดเจน แรงบิดที่มาพร้อมทันทีจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้การออกตัวและการเร่งแซงเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย
วิ่งไฟฟ้าล้วน 100 km. (NEDC): แบตเตอรี่ Blade Battery ขนาดความจุ 29.5 kWh ช่วยให้สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางไกลถึง 100 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงได้อย่างมหาศาล และลดการปล่อยมลพิษในเขตเมือง
วิ่งได้ไกลสุด 840 km. (น้ำมัน+ไฟฟ้า): หมดกังวลเรื่องระยะทาง ด้วยถังน้ำมันและแบตเตอรี่ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเดินทางได้ไกลถึง 840 กม. ต่อการเติมพลังงานเต็มที่หนึ่งครั้ง เทียบเท่ารถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป และยังเหนือกว่าในแง่ของความยืดหยุ่นในการเติมพลังงาน
ชาร์จ DC Fast Charge 30-80% ภายใน 25 นาที: ระบบชาร์จเร็ว DC ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ ให้ความสะดวกสบายไม่แพ้รถยนต์ไฟฟ้า 100%
ระบบ V2L (Vehicle-to-Load) จ่ายกระแสไฟฟ้า 220V ให้อุปกรณ์ภายนอกได้ (สูงสุด 6,000 watts : 6 kW): นี่คือฟีเจอร์ที่ปฏิวัติการใช้งานรถกระบะอย่างแท้จริง ด้วยกำลังจ่ายไฟที่สูงถึง 6 kW ทำให้ BYD SHARK 6 กลายเป็นขุมพลังเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟฟ้าในการตั้งแคมป์, กิจกรรมกลางแจ้ง, หรือแม้กระทั่งเป็นแหล่งพลังงานสำรองยามฉุกเฉิน ก็สามารถทำได้อย่างไร้ข้อจำกัด นับเป็นจุดเด่นที่ไม่มีใครเทียบได้ในตลาดปัจจุบัน

ช่วงล่างระดับพรีเมียม: ความสบายเหนือระดับที่ไม่ใช่แค่กระบะ

สิ่งที่โดดเด่นและสร้างความประหลาดใจอย่างยิ่งในการทดสอบคือช่วงล่างของ BYD SHARK 6 ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากรถกระบะทั่วไปอย่างสิ้นเชิง:
ช่วงล่างด้านหน้า McPherson Strut: ให้การควบคุมที่แม่นยำและการซับแรงกระแทกที่ดี
ช่วงล่างด้านหลัง อิสระ Double Wishbone: นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ SHARK 6 มีบุคลิกการขับขี่ที่เหนือชั้น ระบบช่วงล่างอิสระ Double Wishbone ให้ความนุ่มนวลในการโดยสารและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพผิว โดยเฉพาะเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง มันให้ความรู้สึกมั่นคงและควบคุมได้ง่ายราวกับกำลังขับรถ SUV หรูหราขนาดใหญ่ ไม่ใช่รถกระบะที่เคยให้ความรู้สึกกระด้าง

สำหรับประเทศไทย ที่สภาพถนนมีความหลากหลาย การใช้ช่วงล่าง Double Wishbone ด้านหลังเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากในด้านความสบายและ Handling ที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญ คาดการณ์ว่าสำหรับรุ่นที่จะทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ อาจมีการพิจารณาเรื่องช่วงล่างด้านหลังให้กลับมาใช้แหนบ (Leaf Spring) สำหรับบางรุ่นย่อย เพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุกที่สูงขึ้น และเพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตของรถกระบะในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนรถโดยรวมสามารถแข่งขันได้มากขึ้น แต่เชื่อมั่นว่า BYD จะยังคงนำเสนอทางเลือกช่วงล่างที่เหมาะสมที่สุดให้กับผู้บริโภคชาวไทยอย่างแน่นอน

การออกแบบภายนอกที่แข็งแกร่งและทันสมัย (2025)

BYD SHARK 6 มีดีไซน์ภายนอกที่ผสมผสานความแข็งแกร่งดุดันเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว ด้วยเส้นสายที่เฉียบคมและไฟหน้า LED ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมฟังก์ชัน Follow-me-home ที่เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย ไฟ Daytime Running Light แบบ LED และไฟท้าย LED ดีไซน์ล้ำสมัย พร้อมไฟเลี้ยวด้านหลังแบบ Sequential ที่ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังเพิ่มทัศนวิสัยที่ดีให้กับผู้ร่วมใช้ถนน นอกจากนี้ ไฟส่องสว่างบริเวณกระบะท้าย 3 ตำแหน่ง ยังช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานในที่แสงน้อย

ภายในห้องโดยสาร: เทคโนโลยีล้ำสมัยและความหรูหราที่เหนือคาด

ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ BYD SHARK 6 คุณจะสัมผัสได้ถึงความพรีเมียมและเทคโนโลยีที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างแท้จริง:
มาตรวัด Full Digital ขนาด 10.25 นิ้ว: แสดงข้อมูลการขับขี่ที่ครบถ้วนและชัดเจน
หน้าจอกลาง Touchscreen ขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมระบบหมุนหน้าจอ: หน้าจอขนาดใหญ่ที่สามารถหมุนได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เป็นฟังก์ชันที่โดดเด่นและใช้งานได้จริง ช่วยให้การนำทาง การควบคุมระบบบันเทิง และการตั้งค่าต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวกสบายและยืดหยุ่น
ระบบหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (W-HUD): เพิ่มความปลอดภัยด้วยการแสดงข้อมูลสำคัญบนกระจกหน้า ไม่ต้องละสายตาจากถนน
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำ แบบเจาะรู Perforated เดินตะเข็บด้ายสีส้ม: วัสดุคุณภาพสูง ให้สัมผัสที่หรูหราและระบายอากาศได้ดี พร้อมการออกแบบที่นั่งที่รองรับสรีระ
เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า Lumbar Support 4 ทิศทาง: มอบความสบายสูงสุดในการขับขี่ระยะไกล
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า: เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารด้านหน้า
เบาะนั่งด้านหลัง พับพนักพิงลงได้: เพิ่มความยืดหยุ่นในการขนสัมภาระ
กระจกหน้าต่างคู่หน้าแบบลดเสียงรบกวน Acoustic Glass: ช่วยให้ห้องโดยสารเงียบสงบ ลดเสียงรบกวนจากภายนอก เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทาง
กระจกหน้าต่างคู่หลัง แบบ Privacy Glass: เพิ่มความเป็นส่วนตัวและลดความร้อนจากแสงแดด
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ ซ้าย-ขวา Dual Zone: สร้างบรรยากาศที่สบายสำหรับทุกคนในรถ
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง: เพิ่มความเย็นสบายสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

องค์ประกอบภายในเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงการติดตั้งอุปกรณ์ แต่เป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่า สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความมุ่งมั่นของ BYD ในการยกระดับมาตรฐานของรถกระบะให้ทัดเทียมกับรถยนต์นั่งระดับพรีเมียม

ความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) สำหรับทุกการเดินทาง

ในยุค 2025 เทคโนโลยีความปลอดภัยไม่ใช่แค่ถุงลมนิรภัย แต่เป็นระบบอัจฉริยะที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ BYD SHARK 6 มาพร้อมแพ็คเกจความปลอดภัยขั้นสูง (ADAS) ที่ครบครัน:
ระบบเบรก ABS / EBD / BA: ระบบพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการหยุดรถอย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC และระบบป้องกันการลื่นไถล TCS: ช่วยให้รถควบคุมได้ง่ายในสถานการณ์คับขัน
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA และระบบช่วยลงทางลาดชัน HDC: เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดหรือทางลาดชัน
ระบบเบรกอัตโนมัติ AEB และระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW: ช่วยป้องกันการชนจากด้านหน้า โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
ระบบแจ้งเตือนคาดการณ์การชนล่วงหน้า PCW และระบบช่วยเตือนการชนด้านท้าย RCW: เพิ่มความระมัดระวังรอบคัน
ระบบจดจำป้ายจราจร TSR และระบบแจ้งเตือนจำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISLC: ช่วยให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจร
ระบบเตือนเปลี่ยนเลน LDW, ระบบป้องกันรถออกนอกเลน LDP, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร LKA: เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนถนนหลวง ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ
ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA และระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTB: ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุขณะถอยจอด
ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา BSD และระบบช่วยเตือนเมื่อเปิดประตูรถ DOW: เพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลนและการเปิดประตู
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control with Stop & Go: เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ระยะไกล โดยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ HMA: ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนโดยไม่รบกวนผู้ใช้รถคันอื่น
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้า DAW: ตรวจจับและแจ้งเตือนเมื่อผู้ขับขี่มีอาการเหนื่อยล้า
ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง: ครอบคลุมผู้โดยสารทั้งด้านหน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัย และถุงลมนิรภัยระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา: ช่วยให้การจอดรถและขับขี่ในที่แคบเป็นเรื่องง่าย
เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง / ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง: เพิ่มความแม่นยำในการจอด

การรวมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัยเหล่านี้ ทำให้ BYD SHARK 6 ไม่ได้เป็นแค่รถกระบะที่แข็งแกร่ง แต่เป็นพาหนะอัจฉริยะที่ช่วยปกป้องคุณและคนที่คุณรักในทุกเส้นทาง

บทสรุป: BYD SHARK 6 กับอนาคตของรถกระบะไทย

จากประสบการณ์ในการทดสอบและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ผมกล้ากล่าวได้อย่างเต็มปากว่า BYD SHARK 6 คือกระบะที่พร้อมจะเข้ามาพลิกโฉมตลาดรถกระบะในประเทศไทยอย่างแท้จริงในปี 2025 นี้ ด้วยจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครในตลาดปัจจุบัน:
ขุมพลัง PHEV ที่เหนือชั้น: ผสานการประหยัดพลังงานของโหมดไฟฟ้าล้วนเข้ากับสมรรถนะการเดินทางไกลของเครื่องยนต์เบนซินได้อย่างลงตัว มอบระยะทางรวมกว่า 800 กม. และอัตราเร่งที่น่าทึ่ง
เทคโนโลยี V2L กำลังสูง: ด้วยการจ่ายไฟได้สูงสุด 6 kW ทำให้ SHARK 6 ไม่ใช่แค่รถกระบะ แต่เป็นโรงไฟฟ้าเคลื่อนที่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การผจญภัยและการใช้งานในพื้นที่ห่างไกลได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ช่วงล่างอิสระ Double Wishbone: มอบความนุ่มนวลในการขับขี่และการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกพรีเมียมราวกับรถยนต์ SUV หรู
ห้องโดยสารและเทคโนโลยีภายใน: ก้าวล้ำด้วยหน้าจอหมุนได้ขนาดใหญ่, HUD, และระบบอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ยกระดับประสบการณ์การขับขี่
ระบบความปลอดภัย ADAS ครบชุด: ปกป้องคุณและผู้โดยสารด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

แน่นอนว่า สิ่งที่ตลาดไทยต้องจับตาต่อไปคือการปรับรายละเอียดสำหรับรุ่นที่จะผลิตในโรงงาน BYD จังหวัดระยอง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2025 โดยเฉพาะประเด็นเรื่องช่วงล่างด้านหลังที่อาจมีการปรับเปลี่ยนจาก Double Wishbone ไปเป็นแหนบในบางรุ่นย่อย เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านภาษีและเพื่อตอบโจทย์การบรรทุกหนักของตลาดไทยอย่างแท้จริง แต่ในส่วนของขุมพลัง DM-O PHEV อันทรงประสิทธิภาพนั้น ผมเชื่อมั่นว่าจะยังคงเป็นหัวใจหลักที่ไม่เปลี่ยนแปลง

BYD SHARK 6 ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คืออนาคตของรถกระบะ ที่ผสานนวัตกรรม ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มันคือบทพิสูจน์ว่ารถกระบะสามารถเป็นได้มากกว่ายานพาหนะเพื่อการทำงาน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ที่ไร้ขีดจำกัด

คำเชิญชวน:

ในฐานะผู้ขับขี่ที่กำลังมองหาสิ่งใหม่ๆ หรือผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานและความยั่งยืนขององค์กร ผมขอเชิญชวนให้คุณเปิดใจสัมผัสประสบการณ์ที่ BYD SHARK 6 จะมอบให้ เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในตลาดรถกระบะไทย ติดตามข่าวสารการเปิดตัวอย่างเป็นทางการและราคาจำหน่ายที่น่าสนใจได้ในช่วงปลายปี 2025 นี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการยานยนต์ที่ไม่เคยมีมาก่อน แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมรถกระบะ PHEV คันนี้ถึงเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับอนาคต