[ครบชุด] XU11153 Facebook (6)

ZEEKR 7X: เมื่อ SUV ไฟฟ้า ผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะ และการผจญภัยในฉบับปี 2025

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงยานยนต์ไฟฟ้ามานับสิบปี ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 นี้ ที่เทคโนโลยีและความต้องการของผู้บริโภคก้าวไปอีกขั้น ยานยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะที่ไร้มลพิษอีกต่อไป แต่ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ทั้งความหรูหรา สมรรถนะ การใช้งานในเมือง และแม้กระทั่งการผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ นอกเส้นทาง asphalt และในบรรดารถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่กำลังถาโถมเข้าสู่ตลาด สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญคือ ZEEKR 7X ซึ่งไม่ใช่แค่รถ EV SUV ทั่วไป แต่เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัย พละกำลังที่น่าทึ่ง และความสามารถในการ “ลุย” ได้อย่างเหนือความคาดหมายสำหรับรถในเซกเมนต์นี้

ZEEKR ในฐานะแบรนด์พรีเมียมภายใต้ Geely Group ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังเปี่ยมด้วยนวัตกรรม และ ZEEKR 7X ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ชัดเจน ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า SUV ในปี 2025 นั้นเต็มไปด้วยการแข่งขัน แต่ ZEEKR 7X ได้สร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งด้วยการนำเสนอความสามารถที่รถ SUV ไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังไม่กล้าก้าวไปถึง นั่นคือการผสานสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดเบาๆ เข้ากับความหรูหราและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยได้อย่างไร้รอยต่อ

ZEEKR 7X: การออกแบบที่บ่งบอกตัวตนและมิติแห่งความเหนือระดับ

เมื่อแรกเห็น ZEEKR 7X สิ่งที่โดดเด่นคือการออกแบบที่ผสมผสานความแข็งแกร่งของ SUV เข้ากับความประณีตและเส้นสายที่ทันสมัยได้อย่างลงตัว สะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบที่มุ่งเน้นทั้งฟังก์ชันและความงาม แผงไฟหน้าแบบ Stargate Front Light Panel ไม่ได้เป็นเพียงแค่การจัดวางไฟ LED แต่ยังเป็นผืนผ้าใบดิจิทัลที่สามารถปรับเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ สร้างเอกลักษณ์และความน่าหลงใหลยามค่ำคืน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สะท้อนความก้าวหน้าของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน ตัวรถมีความยาว 4,787 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร และสูง 1,650 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อที่กว้างถึง 2,900 มิลลิเมตร ซึ่งไม่เพียงแต่ให้พื้นที่ภายในที่กว้างขวาง แต่ยังส่งผลต่อเสถียรภาพในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมทั้งบนทางเรียบและเส้นทางที่ท้าทาย

ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 173 มิลลิเมตร อาจดูไม่สูงเท่ารถออฟโรดโดยเฉพาะ แต่ด้วยระบบช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD ที่เป็นหัวใจสำคัญของ ZEEKR 7X ทำให้รถคันนี้สามารถปรับความสูงได้อัตโนมัติถึง 230 มิลลิเมตรเมื่อเข้าสู่โหมดออฟโรด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า SUV ทั่วไปอย่างชัดเจน มันไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อไต่หน้าผา แต่พร้อมที่จะพาคุณออกจากถนนหลวงไปสู่เส้นทางธรรมชาติที่สวยงามได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 539 – 1,978 ลิตร (เมื่อพับเบาะหลัง) และ Frunk ด้านหน้าขนาด 66 ลิตร ยังตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บสัมภาระสำหรับการเดินทางและการผจญภัย

ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: สมรรถนะที่เร้าใจและเทคโนโลยี 800V

หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อน ZEEKR 7X คือระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่ล้ำสมัย โดยมีให้เลือก 2 รุ่นหลัก ได้แก่ Long Range RWD และ Performance AWD ซึ่งทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงในปี 2025 ที่ให้ประโยชน์มหาศาลทั้งในด้านประสิทธิภาพการชาร์จและการจัดการพลังงาน

ZEEKR 7X Long Range RWD: รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ให้พละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.0 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับ SUV และทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กม./ชม. ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้มากกว่า 700 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งเพียงพอต่อการเดินทางไกลข้ามจังหวัดได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ

ZEEKR 7X Performance AWD: สำหรับผู้ที่มองหาสมรรถนะขั้นสุด รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อนี้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที ซึ่งเทียบเท่ากับซูเปอร์คาร์หลายรุ่นในอดีต แต่มาในรูปแบบของ SUV ที่พร้อมใช้งานทุกวัน ความเร็วสูงสุดยังคงอยู่ที่ 210 กม./ชม. และมีระยะทางวิ่งมากกว่า 600 กม. (NEDC) ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ทรงพลังนี้ ทำให้ Performance AWD ไม่เพียงแต่ให้การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพอากาศ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X สามารถแสดงศักยภาพในการขับขี่แบบออฟโรดได้อย่างน่าประทับใจ

Charging: การชาร์จที่รวดเร็ว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 คือความสามารถในการชาร์จ ZEEKR 7X รองรับหัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo ทั้งกระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW และที่โดดเด่นคือกระแสตรง DC Fast Charging ที่รองรับสูงสุดถึง 420 kW การชาร์จ DC ที่ 360 kW สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาที ซึ่งถือว่าเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในตลาดปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้จะช่วยลดความกังวลเรื่องระยะเวลาการรอคอยที่สถานีชาร์จสาธารณะ ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าสะดวกสบายเทียบเท่ากับการเติมน้ำมัน นอกจากนี้ ระบบ V2L (Vehicle-to-Load) ที่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอกสูงสุด 3.3 kW (3,300 watts) ยังช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับการเดินทางและกิจกรรมกลางแจ้ง ทำให้ ZEEKR 7X กลายเป็นเหมือน Power Bank เคลื่อนที่ขนาดใหญ่

ช่วงล่างและการควบคุม: นุ่มนวลบนทางเรียบ แกร่งบนทางลุย

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่านี่คือจุดเด่นที่แท้จริงของ ZEEKR 7X ช่วงล่างด้านหน้าอิสระ Double Wishbone และด้านหลังอิสระ Multi-Link ร่วมกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว (ยาง 255/50 R19) ในรุ่น Long Range และล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว (ยาง 265/40 R21) ในรุ่น Performance พร้อมระบบเบรกดิสก์ 4-pot คาลิปเปอร์ Akebono สีส้ม ล้วนเป็นองค์ประกอบที่เสริมสร้างประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบ แต่สิ่งที่ทำให้ ZEEKR 7X ก้าวข้ามขีดจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า SUV ทั่วไปคือ “ช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD”

จากการทดสอบ ZEEKR 7X บนเส้นทางที่ท้าทาย ผมได้ประจักษ์ถึงความสามารถที่เหนือความคาดหมาย โหมดออฟโรดที่ทำงานร่วมกับช่วงล่างถุงลมสามารถยกความสูงตัวรถขึ้นอัตโนมัติถึง 230 มม. ซึ่งช่วยให้ผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย ในสถานีทดสอบเนินสลับ ตัวรถสามารถถ่ายเทกำลังไปยังล้อที่ยังสัมผัสพื้นได้อย่างชาญฉลาด ทำให้รถเคลื่อนตัวผ่านไปได้โดยไม่ติดขัด ที่สำคัญคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ทำให้ตัวรถโคลงน้อยมากเมื่อเทียบกับรถที่มีความสูงขนาดนี้

การไต่เนินชันก็เป็นอีกหนึ่งการทดสอบที่ ZEEKR 7X ทำได้อย่างน่าทึ่ง พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าส่งมาอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล การออกตัวกลางเนินไม่มีอาการล้อฟรีทิ้ง แสดงให้เห็นถึงการจัดการพลังงานที่ยอดเยี่ยม และเมื่อถึงจังหวะลงเนินสูง ระบบ HDC (Hill Descent Control) ก็ทำงานได้อย่างราบรื่น ช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ ให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยไม่ต่างจากรถ SUV ยุโรประดับพรีเมียม

บนเส้นทางขรุขระ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบททดสอบความแข็งแกร่ง ช่วงล่างถุงลมยังคงมอบความนุ่มนวลได้อย่างน่าประทับใจ แต่สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งคือความนิ่งของพวงมาลัย ไม่มีอาการสั่นหรือตีมือแม้แต่น้อย ซึ่งบ่งบอกถึงการออกแบบและปรับจูนช่วงล่างมาเป็นอย่างดี ทำให้การขับขี่บนทางออฟโรดเบาๆ เป็นประสบการณ์ที่สนุกและสะดวกสบายอย่างไม่น่าเชื่อ

แน่นอนว่าบนทางเรียบ ZEEKR 7X ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สมรรถนะความแรงเป็นไปตามที่ระบุไว้ในคู่มือทุกประการ แรงดึงมหาศาล โดยเฉพาะในรุ่น Performance ที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยพลัง ขณะที่รุ่น Long Range ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน มอบแรงดึงที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ช่วงล่างให้ความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ อาจจะรู้สึกแข็งกว่ารุ่น Performance เล็กน้อย แต่ก็ยังคงความสบายในการขับขี่ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

ห้องโดยสารพรีเมียม: นวัตกรรม ความหรูหรา และความสะดวกสบายขั้นสุด

ภายในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คือนิยามของความหรูหราและความผ่อนคลายที่แท้จริง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและสัมผัสที่ประณีต ไม่เพียงแต่ให้ความสบายในการนั่ง แต่ยังสะท้อนรสนิยมระดับสูงของผู้ครอบครอง เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลหรือหลังจากวันทำงานที่หนักหน่วง เปลี่ยนการขับขี่ให้เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูพลังงาน

เบาะหลังที่สามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งความใส่ใจในรายละเอียดที่โดดเด่น ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับท่านั่งให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การทำงาน หรือแม้แต่การรับชมความบันเทิง ทำให้ห้องโดยสารด้านหลังกลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีม่านบังแดดประตูคู่หลังที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และประตูทั้งสี่บานที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายและความรู้สึกพรีเมียมในทุกการใช้งาน

ระบบสารสนเทศและบันเทิง: เชื่อมต่อโลกดิจิทัลในทุกมิติ

ZEEKR 7X ก้าวล้ำหน้าด้วยระบบสารสนเทศและบันเทิงที่ล้ำยุค หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K มอบภาพที่คมชัดและสีสันสดใส ทำให้การใช้งานแผนที่ การรับชมสื่อบันเทิง หรือการเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นและเพลิดเพลิน

สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างคือหน้าจอ AR HUD (Augmented Reality Head-Up Display) ขนาด 36.21 นิ้ว ซึ่งฉายข้อมูลสำคัญขึ้นบนกระจกหน้ารถแบบเสมือนจริง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลการขับขี่ ความเร็ว หรือคำแนะนำการนำทางได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว ยังคงทำหน้าที่แสดงข้อมูลการขับขี่ที่จำเป็นในรูปแบบที่สวยงามและอ่านง่าย

หัวใจของการประมวลผลข้อมูลทั้งหมดนี้คือชิป Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm Process Technology ซึ่งเป็นชิประดับสูงที่ให้การประมวลผลที่รวดเร็วและราบรื่น ทำให้การสั่งงานผ่านหน้าจอหรือระบบควบคุมด้วยเสียงเป็นไปอย่างฉับไวและไร้รอยต่อ

ประสบการณ์ด้านเสียงยังเป็นสิ่งที่ ZEEKR ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยระบบเสียง ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอ 21 จุดรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ ทำให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยสุนทรียภาพแห่งเสียงเพลง

ความปลอดภัย: มาตรฐานระดับโลกเพื่อทุกคนในครอบครัว

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่า ZEEKR 7X ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 คาดหวัง ตัวรถสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งและน้ำหนักเบา ส่งผลให้รถมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่ดีขึ้น และที่สำคัญคือความปลอดภัยสูงสุด

ZEEKR 7X ได้รับการรับรองมาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัย โดยทำคะแนนได้อย่างยอดเยี่ยมที่ 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งสะท้อนถึงการออกแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ZEEKR AD ที่ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips เพิ่มความแม่นยำและเสถียรภาพในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และอำนวยความสะดวกในการขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างและลดน้ำหนัก ทำให้ ZEEKR 7X เป็นรถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่ไม่เพียงแต่ทรงพลังและหรูหรา แต่ยังปลอดภัยอย่างเหนือชั้น

สรุปและบทสรุป: ZEEKR 7X ทางเลือกที่แตกต่างในปี 2025

ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้า SUV อีกคันหนึ่งที่เข้ามาในตลาด แต่เป็นนวัตกรรมที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในปี 2025 นี้ ด้วยการผสมผสานความหรูหรา เทคโนโลยีระดับสูง สมรรถนะที่เร้าใจ และที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการลุยแบบออฟโรดเบาๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในรถยนต์ไฟฟ้า SUV ทั่วไป ทำให้ ZEEKR 7X มีจุดเด่นที่แตกต่างและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภคยุคใหม่

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบ Performance ที่เร้าใจ หรือต้องการรถยนต์ไฟฟ้า SUV สำหรับครอบครัวที่เปี่ยมด้วยความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัย ZEEKR 7X ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว หากคุณไม่ได้เน้นการขับขี่แบบออฟโรดเป็นหลัก รุ่น Long Range RWD ก็ให้ระยะทางวิ่งที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน พร้อมช่วงล่างที่นุ่มนวลและออปชันที่ไม่ด้อยกว่ารุ่น Performance แต่อย่างใด

ZEEKR 7X กำลังจะเปิดราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้ โดยมีราคาคาดการณ์ที่น่าสนใจ:
7X Long Range RWD: ช่วงราคา 1,700,000 บาท
7X Performance AWD: ช่วงราคาไม่เกิน 1,900,000 บาท

พร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. และรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. ซึ่งมอบความอุ่นใจในการเป็นเจ้าของยานยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่า ZEEKR 7X จะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า SUV ในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอคุณสมบัติที่ครบครันและแตกต่าง หากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า SUV พรีเมียม ที่ผสานความหรูหรา สมรรถนะ และความพร้อมสำหรับการผจญภัยในทุกเส้นทาง ZEEKR 7X คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม

อย่าพลาดโอกาสสัมผัสประสบการณ์ขับขี่แห่งอนาคต! ขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจยานยนต์ไฟฟ้า และต้องการรถยนต์ SUV ที่สมบูรณ์แบบ ทั้งในเมืองและนอกเส้นทาง มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่ยุคใหม่กับ ZEEKR 7X ได้ที่ผู้แทนจำหน่าย ZEEKR ทั่วประเทศ หรือลงทะเบียนเพื่อทดลองขับและรับข้อมูลเพิ่มเติมได้แล้ววันนี้! เตรียมพบกับมิติใหม่ของการเดินทางที่เหนือกว่าในทุกด้านไปพร้อมกัน.