[ครบชุด] XU11200 Facebook (51)

ZEEKR 7X: นิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้าพรีเมียม สายลุยแห่งปี 2025 ที่คุณต้องสัมผัส

ในฐานะผู้ที่คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของตลาด EV อย่างก้าวกระโดด จากรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการประหยัดพลังงาน สู่การแข่งขันด้านสมรรถนะ ความหรูหรา และนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง และในปี 2025 นี้เองที่ ZEEKR (ซีคเกอร์) ได้ก้าวเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว ZEEKR 7X (ซีคเกอร์ 7X) ยนตรกรรม SUV ไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่ไม่เพียงแต่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์และเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ยังมาพร้อมความสามารถในการบุกตะลุยแบบออฟโรดได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมในปัจจุบัน ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถ แต่คือการประกาศว่า “รถยนต์ไฟฟ้าก็สามารถลุยได้ไม่แพ้ใคร” และพร้อมจะเป็นผู้นำเทรนด์ใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มองหาความท้าทายในทุกเส้นทาง

ZEEKR 7X: การปฏิวัติวงการ SUV ไฟฟ้าอเนกประสงค์สำหรับปี 2025

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงปี 2025 กำลังเข้าสู่ยุคที่ผู้บริโภคไม่ได้มองหาแค่ความประหยัดพลังงานอีกต่อไป แต่ต้องการยานพาหนะที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมือง การเดินทางไกล หรือแม้กระทั่งการผจญภัยนอกเส้นทาง ZEEKR 7X คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับความต้องการเหล่านี้ ด้วยการออกแบบที่ผสานความหรูหราสไตล์ยุโรปเข้ากับขีดความสามารถที่เกินคาด ทำให้ ZEEKR 7X กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในกลุ่มรถ SUV ไฟฟ้าพรีเมียม ในขณะที่แบรนด์อื่นๆ มักจะเน้นที่ประสิทธิภาพบนท้องถนนเรียบ ซีคเกอร์กลับกล้าที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่าง พร้อมโหมดการขับขี่แบบออฟโรดที่ถูกปรับแต่งมาอย่างดีเยี่ยม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X ก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นในตลาดรถ EV ไทย

สำหรับ ZEEKR 7X จะมีให้เลือก 2 รุ่นหลักเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดยมีราคาคาดการณ์ที่น่าสนใจสำหรับการนำเข้าแบบ CBU จากจีน ซึ่งจะประกาศราคาอย่างเป็นทางการในไทยในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้:
7X Long Range RWD: รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ที่มาพร้อมระยะทางขับขี่ที่ไกลเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะไกลช่วงราคาประมาณ 1,700,000 บาท
7X Performance AWD: รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่ให้สมรรถนะสูงสุดและตอบสนองการขับขี่แบบสปอร์ต พร้อมลุยได้ทุกสถานการณ์ช่วงราคาไม่เกิน 1,900,000 บาท

ZEEKR ประเทศไทย ได้มอบความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานด้วยแพ็กเกจการรับประกันที่ครอบคลุมและแข่งขันได้ในตลาดปี 2025 ได้แก่:
การรับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty) นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
การรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า
บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร เพื่อความอุ่นใจในทุกการเดินทาง

ดีไซน์ที่หรูหราและฟังก์ชันการใช้งานที่เหนือชั้น

ZEEKR 7X ไม่เพียงโดดเด่นด้วยสมรรถนะ แต่ยังสะกดทุกสายตาด้วยมิติตัวถังที่สมบูรณ์แบบ บ่งบอกถึงความสง่างามและความแข็งแกร่งไปพร้อมกัน ด้วยความยาว 4,787 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร สูง 1,650 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มิลลิเมตร ทำให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบายอย่างเหลือเชื่อ ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 173 มิลลิเมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปและยังสามารถเพิ่มระดับได้เมื่อเข้าสู่โหมดออฟโรด พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 539 ลิตร และสามารถขยายได้ถึง 1,978 ลิตรเมื่อพับเบาะหลัง มอบความยืดหยุ่นสูงสุดสำหรับทุกการเดินทาง พร้อมช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) ขนาด 66 ลิตร ที่สะดวกสบายสำหรับการเก็บสายชาร์จหรือสัมภาระขนาดเล็ก

การออกแบบภายนอกของ ZEEKR 7X โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผงไฟหน้า Stargate Front Light Panel ที่สามารถเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ สร้างเอกลักษณ์และความน่าหลงใหลที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ รุ่น Performance ยังมาพร้อมล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/40 R21 ที่ไม่เพียงเสริมความดุดัน แต่ยังช่วยเรื่องสมรรถนะการยึดเกาะถนน และระบบเบรกดิสก์ 4pot พร้อมคาลิปเปอร์ Akebono สีส้ม ที่เป็นสัญญาณของประสิทธิภาพการเบรกระดับสูง ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดและเทคโนโลยีระดับพรีเมียมที่ ZEEKR มอบให้

ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: สมรรถนะและความทนทาน

หัวใจสำคัญของ ZEEKR 7X คือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ล้ำหน้าและทรงพลัง โดยมีสองทางเลือกเพื่อตอบสนองสไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกัน:

Long Range RWD:
ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ให้พละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร
ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในตลาดปี 2025 มอบประสิทธิภาพการจ่ายพลังงานที่เหนือกว่าและการชาร์จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD Rear-Wheel Drive) ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่คล่องตัวและเป็นธรรมชาติ
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.0 วินาที ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากสำหรับรถ SUV ไฟฟ้า
ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
วิ่งระยะทางได้มากกว่า 700 กม. (มาตรฐาน NEDC) ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับการเดินทางไกล

Performance AWD:
มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้พละกำลังสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาล 710 นิวตันเมตร
ใช้แบตเตอรี่ 800V Technology Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh เช่นเดียวกับรุ่น RWD
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD All-Wheel Drive) มอบการยึดเกาะถนนและสมรรถนะการควบคุมที่เหนือกว่าในทุกสภาพถนน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 3.8 วินาที ซึ่งเทียบเท่ากับรถสปอร์ตสมรรถนะสูง
ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
วิ่งระยะทางได้มากกว่า 600 กม. (มาตรฐาน NEDC) ด้วยพละกำลังที่มากกว่า

ทั้งสองรุ่นใช้ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบอิสระ Multi-Link ที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างดีเยี่ยมเพื่อมอบความนุ่มนวลในการขับขี่และการควบคุมที่แม่นยำ

การชาร์จที่รวดเร็วทันใจ: ก้าวข้ามข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคในตลาดรถ EV ปี 2025 ให้ความสำคัญคือความเร็วในการชาร์จ ZEEKR 7X ได้ตอบโจทย์นี้อย่างเต็มที่:
รองรับหัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo ซึ่งเป็นมาตรฐานที่แพร่หลายในประเทศไทย
การชาร์จกระแสสลับ (AC) รองรับสูงสุด 22 kW ช่วยให้การชาร์จที่บ้านหรือสถานีชาร์จสาธารณะเป็นไปอย่างรวดเร็ว
การชาร์จกระแสตรง (DC Fast Charging) รองรับสูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในความเร็วที่สูงที่สุดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน
ด้วยสถานีชาร์จ DC ที่มีกำลังไฟ 360 kW สามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาทีเท่านั้น ทำให้การเดินทางไกลเป็นเรื่องง่ายและไร้กังวล
ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L) สูงสุด 3.3 kW (3,300 วัตต์) ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตกลางแจ้ง หรือแม้กระทั่งเป็นแหล่งพลังงานสำรองฉุกเฉิน

ประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย: SUV ไฟฟ้าที่พอลุยได้จริง!

ก่อนที่ ZEEKR 7X จะเปิดราคาอย่างเป็นทางการ ทีมงานได้จัดให้มีการทดสอบสมรรถนะสุดท้าทายที่เขาใหญ่ ซึ่งผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ได้มีโอกาสเข้าร่วมและต้องบอกเลยว่า ZEEKR 7X ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโหมดออฟโรด ซึ่งปกติแล้วรถยนต์ไฟฟ้ามักจะไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานลักษณะนี้มากนัก

ในสนามทดสอบออฟโรด เราได้เริ่มต้นด้วยการปรับโหมดเป็น “ออฟโรด” ซึ่งระบบช่วงล่างถุงลมแบบ Active Air Suspension with CCD ก็ปรับความสูงของตัวรถเพิ่มขึ้นอัตโนมัติถึง 230 มม. เพื่อเพิ่มระยะห่างจากพื้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับการขับขี่ในเส้นทางทุรกันดาร
เนินสลับ: ZEEKR 7X วิ่งผ่านเนินสลับได้อย่างราบรื่น แม้ล้อบางส่วนจะลอยขึ้นจากพื้น แต่ระบบถ่ายทอดกำลังไปยังล้อที่ยังสัมผัสพื้นได้อย่างชาญฉลาด ทำให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างง่ายดาย ที่น่าประทับใจคือ การให้ตัวของช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม ทำให้ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่
เนินชัน: พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าอันมหาศาลทำให้การไต่เนินชันเป็นเรื่องง่าย และเมื่อหยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบก็จัดการพลังงานได้อย่างลงตัว ไม่รุนแรงจนล้อฟรีทิ้ง ซึ่งบ่งบอกถึงการปรับจูนซอฟต์แวร์ที่แม่นยำ ในจังหวะลงเนินสูง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ทำงานได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพคล้ายกับรถยุโรปพรีเมียม ทำให้การลงเนินเป็นไปอย่างสบายใจ
เส้นทางขรุขระ: การขับขี่ผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยก้อนหินและหลุมบ่อ ด้วยช่วงล่างถุงลมทำให้ห้องโดยสารยังคงความนุ่มนวล สิ่งที่น่าทึ่งคือ พวงมาลัยยังคงนิ่ง ไม่มีการสั่นสะเทือนหรือสะท้านมือใดๆ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างและการออกแบบช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม สรุปได้ว่า ZEEKR 7X สอบผ่านในเส้นทางออฟโรดอย่างเหนือความคาดหมาย

หลังจากทดสอบออฟโรด เราได้กลับมาสู่ทางเรียบ ซึ่งสมรรถนะด้านความแรงนั้นไม่เป็นที่กังขา รุ่น Performance มอบแรงดึงมหาศาลที่แทบจะเรียกได้ว่า “ติดเบาะ” พร้อมความนุ่มนวลในการขับขี่ที่เหนือกว่า ส่วนรุ่น Long Range ก็ไม่ได้น้อยหน้า มีแรงดึงที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและน่าพึงพอใจอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ช่วงล่างในรุ่น Long Range ให้ความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ แต่จะออกแนวเฟิร์มกว่ารุ่น Performance เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ห้องโดยสารพรีเมียม: สุนทรียภาพและความสะดวกสบายไร้ขีดจำกัด

ภายในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คือนิยามของความหรูหราและความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาส ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับในทุกมิติ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa คุณภาพสูง ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้านความนุ่มนวลและสัมผัสอันหรูหรา ไม่เพียงแต่ให้ความสบายในการนั่ง แต่ยังสะท้อนรสนิยมอันโดดเด่นของเจ้าของรถยนต์ ระบบนวดและเป่าลมในเบาะคู่หน้าคือสิ่งที่ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลหรือวันที่เหน็ดเหนื่อย ทำให้การขับรถไม่ใช่ภาระอีกต่อไป แต่เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูพลังงานที่แท้จริง

เบาะหลังที่สามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าช่วยให้ผู้โดยสารสามารถปรับองศาการนั่งให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การพักผ่อน หรือแม้กระทั่งการชมภาพยนตร์ ซึ่งเปลี่ยนพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังให้กลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ ZEEKR 7X ยังใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ม่านบังแดดประตูคู่หลังที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และประตูทั้ง 4 บานที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ยิ่งตอกย้ำถึงความพรีเมียมและฟังก์ชันการใช้งานที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดรถ EV ปี 2025

ศูนย์บัญชาการดิจิทัล: นวัตกรรมอินโฟเทนเมนต์เพื่อการเชื่อมต่อไร้รอยต่อ

ZEEKR 7X ยกระดับประสบการณ์การเชื่อมต่อและสาระบันเทิงไปอีกขั้น ด้วยระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ล้ำสมัย:
หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K: มอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็นการดูแผนที่ การรับชมสื่อบันเทิง หรือการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ก็ทำได้อย่างเต็มตา
หน้าจอ AR HUD ขนาด 36.21 นิ้ว: แสดงข้อมูลสำคัญขึ้นบนกระจกหน้ารถแบบ Head-Up Display ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality ทำให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลการขับขี่ ความเร็ว หรือข้อมูลนำทางได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่
หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว: ทำหน้าที่แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย
Qualcomm Snapdragon 8295 Processor (เทคโนโลยี 5nm): หัวใจของการประมวลผลที่รวดเร็วและราบรื่น ช่วยให้การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอทำได้อย่างไหลลื่น ตอบสนองคำสั่งได้ทันที และรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-The-Air (OTA) เพื่อให้ระบบอินโฟเทนเมนต์ทันสมัยอยู่เสมอ
ระบบเสียง ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพง 21 จุด: สร้างมิติเสียงรอบทิศทางคุณภาพระดับสตูดิโอ เสมือนมีโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ส่วนตัว มอบประสบการณ์การฟังเพลงที่ดื่มด่ำอย่างแท้จริง

ความปลอดภัยระดับโลก: มั่นใจในทุกการเดินทาง

ความปลอดภัยคือหัวใจหลักในการออกแบบ ZEEKR 7X โดยถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน Euro NCAP ระดับ 5 ดาว ซึ่งได้คะแนน 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก สะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง

ระบบช่วยขับขี่ ZEEKR AD: ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips เพิ่มความแม่นยำและปลอดภัยในการขับขี่ ด้วยฟังก์ชันการช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ และระบบเตือนการชน ซึ่งช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่และเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน
โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped: ออกแบบมาเพื่อกระจายแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงสร้างตัวถังหลังแบบ Single Piece Die-Cast: เป็นชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง ปลอดภัย และลดน้ำหนักของตัวรถ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดียิ่งขึ้น

สรุป: ZEEKR 7X – ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ EV สู่มิติใหม่

ZEEKR 7X ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเดินทางในเมืองหรือการขับขี่บนถนนเรียบอีกต่อไป แต่คือยนตรกรรมที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายได้อย่างเหนือความคาดหมาย ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างดีไซน์หรูหรา สมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และความสามารถในการบุกตะลุยแบบออฟโรดที่โดดเด่น ทำให้ ZEEKR 7X กลายเป็นผู้เล่นที่น่าจับตาในตลาด SUV ไฟฟ้าพรีเมียมแห่งปี 2025 ในประเทศไทย หากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่แตกต่าง ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่เป็นคู่หูในการผจญภัยที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและความสบายขั้นสูงสุด ไม่ว่าจะเน้นการขับขี่ระยะไกลด้วยรุ่น Long Range RWD หรือต้องการขีดสุดของสมรรถนะและศักยภาพการลุยด้วยรุ่น Performance AWD ZEEKR 7X คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ และจะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าจดจำให้กับคุณอย่างแน่นอน

เราขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ ZEEKR 7X ด้วยตัวคุณเอง และค้นพบว่าอนาคตของการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าได้ก้าวไปไกลกว่าที่คุณคิด เยี่ยมชมโชว์รูม ZEEKR ประเทศไทย หรือลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลอัปเดตล่าสุดและเป็นเจ้าของ ZEEKR 7X ก่อนใครได้แล้ววันนี้!