[ครบชุด] XU11202 Facebook (30)

ZEEKR 7X: SUV ไฟฟ้าแห่งอนาคต 2025 – บทพิสูจน์ขีดจำกัดแห่งสมรรถนะและความหรูหราที่ลุยได้จริง

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมกล้ากล่าวได้อย่างเต็มปากว่าปี 2025 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ไปอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) ที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงพาหนะสำหรับการเดินทางในเมือง หรือลุยทางเรียบเท่านั้น แต่บัดนี้แนวคิดนั้นกำลังจะถูกท้าทายด้วยการมาถึงของ ZEEKR 7X – รถ SUV ไฟฟ้า ที่ไม่ได้มีดีแค่ความหรูหราและพละกำลังมหาศาล แต่ยังมาพร้อมความสามารถในการบุกตะลุยเส้นทางที่คาดไม่ถึง นี่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัย, สมรรถนะที่เหนือชั้น, และความอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในปี 2025 นั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคไม่ได้มองหารถที่เพียงแค่ประหยัดพลังงานอีกต่อไป แต่ต้องการยานพาหนะที่สะท้อนถึงตัวตน, มีนวัตกรรมที่ล้ำหน้า, และสามารถตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย หนึ่งในช่องว่างสำคัญที่หลายแบรนด์พยายามเข้ามาเติมเต็มคือ รถ EV ที่สามารถพาเจ้าของออกไปผจญภัยนอกเส้นทางปกติได้บ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเลือกมีจำกัดอย่างมาก และ ZEEKR 7X ก็เข้ามาพลิกโฉมหน้าตลาดนี้อย่างสิ้นเชิง ด้วยการนำเสนอแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านดีไซน์, พลังขับเคลื่อน, ความสะดวกสบาย, และที่สำคัญที่สุดคือขีดความสามารถในการขับขี่แบบเบาๆ ในเส้นทางออฟโรด ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้มันแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจาก รถ SUV ไฟฟ้า ทั่วไปในท้องตลาด

ZEEKR 7X: การออกแบบที่หลอมรวมความหรูหราและพร้อมลุย

เมื่อแรกเห็น ZEEKR 7X ภาพลักษณ์แรกที่ปรากฏคือความสง่างามและความล้ำสมัย เส้นสายการออกแบบถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต สะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบที่เรียกว่า “Hidden Energy” หรือพลังงานที่ซ่อนเร้น รายละเอียดของตัวถังถูกออกแบบให้มีมิติที่ลงตัว ทั้งความยาว 4,787 มม., ความกว้าง 1,930 มม., และความสูง 1,650 มม. ซึ่งมอบทั้งความโออ่าบนท้องถนนและความคล่องตัวในการขับขี่ในเมือง ระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มม. ไม่เพียงแต่ให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง แต่ยังช่วยให้การทรงตัวของรถเป็นไปอย่างยอดเยี่ยมในทุกสภาพความเร็ว สิ่งที่น่าสนใจคือระยะห่างจากพื้น (Ground Clearance) ที่ 173 มม. ซึ่งสูงกว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป และยังสามารถเพิ่มระดับได้ด้วยช่วงล่างถุงลม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X มีความสามารถในการลุยที่เหนือกว่าคู่แข่ง

ด้านหน้าโดดเด่นด้วยระบบไฟหน้า Stargate Front Light Panel ที่ไม่เพียงแค่ให้ความสว่าง แต่ยังสามารถเปลี่ยนรูปแบบกราฟิกได้หลากหลาย สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะดุดตา ระบบไฟท้ายแบบ贯穿式 (Through-type) เชื่อมต่อกันตลอดแนว ช่วยเสริมความรู้สึกกว้างขวางและทันสมัย พร้อมกับดีไซน์ด้านข้างที่ดูบึกบึนแต่ยังคงความโฉบเฉี่ยว การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงและการประกอบที่พิถีพิถันจาก ZEEKR ทำให้ 7X ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นงานศิลปะเคลื่อนที่ที่สะท้อนรสนิยมของเจ้าของอย่างแท้จริง

ขุมพลังไฟฟ้า 800V: สมรรถนะเร้าใจไร้ขีดจำกัด

หัวใจหลักที่ขับเคลื่อน ZEEKR 7X คือเทคโนโลยี 800V อันล้ำสมัย ซึ่งถือเป็นมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงในปี 2025 แพลตฟอร์มแรงดันสูงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การชาร์จไฟรวดเร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบขับเคลื่อนทั้งหมด ลดการสูญเสียพลังงาน และทำให้ตัวรถสามารถจัดการกับพละกำลังมหาศาลได้อย่างราบรื่นและมีเสถียรภาพ ZEEKR 7X มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยหลัก ซึ่งแต่ละรุ่นก็ถูกปรับแต่งมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ขับขี่:

รุ่น Long Range RWD:
นี่คือตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างพละกำลังและระยะทาง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้กำลังสูงสุดถึง 422 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ 440 นิวตันเมตร แรงดึงอันทรงพลังนี้ทำให้ ZEEKR 7X สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 6.0 วินาที ซึ่งถือว่ารวดเร็วอย่างเหลือเชื่อสำหรับรถ SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่ แบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh ที่ทำงานบนสถาปัตยกรรม 800V มอบระยะทางวิ่งสูงสุดกว่า 700 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ด้วยตัวเลขนี้ ทำให้การเดินทางไกลข้ามจังหวัดไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป กลายเป็นรถครอบครัวไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การเดินทางได้อย่างแท้จริง

รุ่น Performance AWD:
สำหรับผู้ที่คลั่งไคล้ในความเร็วและสมรรถนะขั้นสุดยอด รุ่น Performance AWD คือคำตอบที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 2 ตัว ที่ทำงานร่วมกันเพื่อส่งกำลังไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้า (AWD) มอบพละกำลังสูงสุดที่ 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาลถึง 710 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้ทำให้ ZEEKR 7X Performance AWD สามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ซึ่งเป็นความเร็วระดับรถยนต์สมรรถนะสูง Supercar แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh เช่นเดียวกัน แต่ด้วยการจัดการพลังงานที่ซับซ้อนกว่าเพื่อรองรับมอเตอร์คู่ ทำให้มีระยะทางวิ่งสูงสุดมากกว่า 600 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งยังคงเป็นระยะทางที่น่าประทับใจและเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางพักผ่อนอย่างแน่นอน ล้ออัลลอย Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมระบบเบรกดิสก์ 4 pot และคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม ที่ติดตั้งมาให้เฉพาะรุ่นนี้ ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความตั้งใจของ ZEEKR ในการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นและปลอดภัยในทุกความเร็ว

ระบบชาร์จ: ความเร็วเหนือจินตนาการ ตอบรับยุค 2025

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกรถ EV คือความสะดวกสบายในการชาร์จไฟ และ ZEEKR 7X ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่องนี้ ด้วยการรองรับการชาร์จเร็ว DC สูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลขที่สูงที่สุดในตลาดปัจจุบัน ด้วยความสามารถนี้ การชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% สามารถทำได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาที เมื่อใช้หัวชาร์จ DC ที่มีกำลัง 360 kW นี่ไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า จากการรอคอยที่ยาวนานเป็นการหยุดพักช่วงสั้นๆ ดั่งการแวะเติมน้ำมันในอดีต ทำให้การเดินทางไกลด้วย ZEEKR 7X ไม่ต่างอะไรกับการขับรถยนต์สันดาปในแง่ของความรวดเร็วในการเติมพลังงาน นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW และที่สำคัญคือระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L) สูงสุด 3.3 kW ซึ่งเปลี่ยนรถยนต์ของคุณให้เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ สามารถจ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในกิจกรรมกลางแจ้ง หรือแม้กระทั่งเป็นแหล่งพลังงานสำรองยามฉุกเฉิน นี่คืออีกหนึ่งเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับชีวิตยุคใหม่

พลิกโฉม SUV ไฟฟ้า: สมรรถนะออฟโรดที่เหนือความคาดหมาย

สิ่งที่ทำให้ ZEEKR 7X โดดเด่นอย่างแท้จริงและได้รับการจับตามองจากผู้เชี่ยวชาญคือความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด ซึ่งปกติแล้วหาได้ยากในรถ SUV ไฟฟ้าทั่วไป จากประสบการณ์ตรงในการทดสอบที่เขาใหญ่ ผมต้องยอมรับว่า ZEEKR 7X สร้างความประหลาดใจได้อย่างมาก ก่อนการทดสอบ ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักกับสมรรถนะการลุยของรถ EV แต่สิ่งที่ผมได้สัมผัสคือสิ่งที่เกินคาดไปมาก

เมื่อปรับเข้าสู่โหมดออฟโรด ช่วงล่างถุงลมแบบ Active Air Suspension with CCD ของ ZEEKR 7X จะยกตัวรถขึ้นอัตโนมัติถึง 230 มม. เพื่อเพิ่มระยะห่างจากพื้น ทำให้สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ในสถานีทดสอบเนินสลับ รถสามารถถ่ายเทกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะพื้นได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าประทับใจคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่อย่างสูง

ในการวิ่งขึ้นเนินชัน ด้วยพละกำลังและแรงบิดที่มีอยู่อย่างมหาศาล ZEEKR 7X สามารถไต่ขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย แม้กระทั่งการหยุดรถกลางเนินและออกตัวใหม่ ระบบก็สามารถจัดการพลังงานได้อย่างละมุนละไม ไม่ส่งกำลังออกมารุนแรงจนทำให้ล้อฟรีทิ้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่มักพบในรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นพละกำลังสูง ส่วนการลงเนินสูงนั้น ระบบควบคุมความเร็วรถยนต์ขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ทำงานได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ เทียบเท่ากับรถยนต์หรูในกลุ่มยุโรป ทำให้การลงเนินชันเป็นเรื่องสบายใจและปลอดภัย

นอกจากนี้ การขับขี่ผ่านเส้นทางขรุขระ ด้วยช่วงล่างถุงลมที่ให้ความนุ่มนวล ทำให้ห้องโดยสารยังคงความสบาย แต่สิ่งที่สร้างความประทับใจเป็นพิเศษคือพวงมาลัยที่นิ่งและมั่นคงอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีอาการสั่นหรือตีมือแม้แต่น้อยเมื่อต้องรับแรงกระแทกจากพื้นผิวที่ไม่เรียบ สรุปได้ว่าในด้านรถออฟโรดไฟฟ้าแบบเบาๆ หรือการใช้งานในเส้นทางสมบุกสมบันเล็กน้อย ZEEKR 7X ได้สอบผ่านอย่างเหนือความคาดหมาย และกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้มันแตกต่างจากรถ SUV ไฟฟ้าในตลาดอย่างชัดเจน

ห้องโดยสาร: สุนทรียภาพแห่งความหรูหราและเทคโนโลยี

ก้าวเข้ามาภายใน ZEEKR 7X คุณจะพบกับอาณาจักรแห่งความผ่อนคลายและเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับในทุกการเดินทาง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather คุณภาพเยี่ยม ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและหรูหรา ไม่เพียงแต่ให้สัมผัสที่สบาย แต่ยังสะท้อนถึงรสนิยมระดับสูงของเจ้าของรถ เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการขับขี่ระยะไกลหรือหลังจากวันทำงานอันเหนื่อยหนัก ขณะที่เบาะหลังสามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ให้ผู้โดยสารสามารถปรับองศาการนั่งให้เหมาะสมกับทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน, การพักผ่อน, หรือการรับชมภาพยนตร์ ทำให้ห้องโดยสารด้านหลังกลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดกับการออกแบบภายในที่คำนึงถึงทุกอิริยาบถของผู้โดยสาร

ระบบสารสนเทศและความบันเทิงของ ZEEKR 7X เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ ด้วยหน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ที่มีความละเอียดระดับ 3.5K มอบภาพที่คมชัดและสีสันสดใส สามารถมองเห็นรายละเอียดทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานระบบนำทาง, การรับชมสื่อบันเทิง, หรือการเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย หน้าจอ AR HUD (Augmented Reality Head-Up Display) ขนาดใหญ่ถึง 36.21 นิ้ว จะฉายข้อมูลสำคัญขึ้นมาบนกระจกหน้ารถ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลต่างๆ ได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เสริมด้วยหน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย การทำงานทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm Process Technology ซึ่งให้การประมวลผลที่รวดเร็วและราบรื่น ทำให้การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอเป็นไปอย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อ ตอบสนองทุกคำสั่งได้อย่างทันทีทันใด

เติมเต็มประสบการณ์การเดินทางด้วยระบบเสียง ZEEKR Sound Pro ที่มาพร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอถึง 21 ตำแหน่งรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งสุนทรียภาพและดื่มด่ำไปกับทุกบทเพลง นี่คือภายในรถยนต์หรูที่ผสานความสะดวกสบายและเทคโนโลยีได้อย่างลงตัวที่สุด

ความปลอดภัย: ZEEKR AD และมาตรฐานระดับโลก

ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญในการพัฒนารถยนต์ของ ZEEKR และ 7X ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นอันดับแรก ตัวรถสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดโดยเฉพาะ ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงโครงสร้างที่แข็งแกร่งและการปกป้องผู้โดยสารที่เป็นเลิศ โดยได้คะแนน 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก สะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว

นอกจากโครงสร้างที่แข็งแกร่งแล้ว ZEEKR 7X ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) อัจฉริยะ ZEEKR AD ที่ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและปลอดภัยในการขับขี่ ด้วยเซ็นเซอร์และกล้องรอบคัน ทำให้ระบบสามารถตรวจจับและประเมินสถานการณ์รอบตัวรถได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ รองรับฟังก์ชันต่างๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning), และอื่นๆ อีกมากมาย โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังหลังแบบ Single Piece Die-Cast ซึ่งเป็นชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงและลดน้ำหนักตัวถัง ทำให้รถมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น นี่คือระบบความปลอดภัยรถยนต์ที่มอบความอุ่นใจในทุกการเดินทาง

สรุปและราคาคาดการณ์ในตลาดไทย 2025

ZEEKR 7X ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถ SUV ไฟฟ้าที่มีความแตกต่างและสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายได้จริง ด้วยพละกำลังที่เร้าใจ, เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย, ภายในที่หรูหราสะดวกสบาย, และที่สำคัญคือความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดที่หาได้ยากในรถยนต์ไฟฟ้าประเภทเดียวกัน ทำให้ ZEEKR 7X มีความโดดเด่นและเป็นตัวเลือกที่ยากจะปฏิเสธในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันสูง

ZEEKR ประเทศไทยได้ยืนยันการนำเข้าแบบ CBU (Complete Built Up) จากประเทศจีน และประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 โดยมีราคาคาดการณ์ดังนี้:
ZEEKR 7X Long Range RWD: ช่วงราคาประมาณ 1,700,000 บาท
ZEEKR 7X Performance AWD: ช่วงราคาไม่เกิน 1,900,000 บาท

นอกจากราคาที่น่าสนใจแล้ว ZEEKR ยังมอบความอุ่นใจในการเป็นเจ้าของด้วยการรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม., การรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม., พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานการบริการของแบรนด์

สำหรับผมแล้ว ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าอีกคันหนึ่งที่เข้ามาในตลาด แต่มันคือการนิยามใหม่ของรถ SUV ไฟฟ้า ที่พร้อมจะพาคุณไปได้ไกลกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมือง, การท่องเที่ยวนอกสถานที่, หรือแม้กระทั่งการผจญภัยในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย หากคุณกำลังมองหาอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมตอบสนองทุกด้านของชีวิต ZEEKR 7X คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด

อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์ขับขี่แห่งอนาคต! หากคุณสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม, ต้องการทดลองขับ ZEEKR 7X, หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า ZEEKR คันนี้ โปรดติดต่อผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ZEEKR ประเทศไทย หรือเยี่ยมชมโชว์รูมใกล้บ้านคุณวันนี้ เพื่อเปิดโลกทัศน์ใหม่แห่งการเดินทางที่หรูหรา ทรงพลัง และพร้อมลุยในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน