MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025): เมื่อไอคอนพลิกโฉมสู่ยุคใหม่ – การปฏิวัติที่ท้าทายหัวใจแฟนพันธุ์แท้และอนาคตของครอสโอเวอร์พรีเมียม
ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของหลายแบรนด์ แต่การปรับโฉมของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim สำหรับโมเดลปี 2025 นั้น ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่กล้าหาญและน่าจับตามองอย่างแท้จริง มันไม่ใช่แค่การอัปเกรด แต่เป็นการ “ปฏิวัติ” ที่ redefine คำว่า “MINI” ในยุคสมัยที่ความต้องการของผู้บริโภคไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ขนาดกะทัดรัดอีกต่อไป เมื่อเราพูดถึง “มินิ” ภาพจำแรกที่ผุดขึ้นมาในใจคือรถยนต์ขนาดเล็ก คล่องตัว มีสไตล์โดดเด่น และเปี่ยมด้วยอารมณ์สปอร์ตแบบ Go-Kart Feeling ทว่าสำหรับ Countryman โฉมใหม่นี้ MINI กำลังเดินหน้าสู่เส้นทางที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะรุ่น S ALL4 Hightrim ซึ่งเป็นตัวท็อปที่มาพร้อมออปชันจัดเต็ม และราคาจำหน่ายที่ 2,499,000 บาท มันได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของคำว่า “มินิ” ไปอย่างก้าวกระโดด บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim MY2025 ตั้งแต่ดีไซน์ที่พลิกโฉม ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ เทคโนโลยีภายในห้องโดยสาร ไปจนถึงประสบการณ์การขับขี่บนท้องถนนจริง พร้อมวิเคราะห์ว่า “มินิ” คันนี้เหมาะกับใครในยุค 2025
การแปลงโฉมครั้งใหญ่: ดีไซน์และมิติตัวถังที่ไร้ซึ่งความ “เล็ก” อีกต่อไป
สิ่งที่โดดเด่นและเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim 2025 คือ “ขนาด” และ “ดีไซน์” การปรับโฉมครั้งนี้ MINI ได้ขยายมิติตัวถังจนแทบจะเทียบเท่ากับรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) ในกลุ่มคอมแพกต์พรีเมียมอย่าง BMW X3 เจเนอเรชันก่อนหน้า ทำให้ภาพลักษณ์ของรถยนต์มินิคันเล็กน่ารักได้เลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้น 130 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 22 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 80 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้ตัวรถดูโอ่อ่า สง่างาม และมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางขึ้นอย่างชัดเจน มิติใหม่นี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ต้องการขยับเข้าสู่ตลาด Premium Compact SUV เต็มตัว ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหารถยนต์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ครบครันทั้งสไตล์ ประโยชน์ใช้สอย และสมรรถนะ
ดีไซน์ภายนอกยังคงเอกลักษณ์ของ MINI ไว้ในรายละเอียดที่ปราดเปรียวและทันสมัยยิ่งขึ้น เส้นสายตัวถังมีความคมชัดและแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยรูปทรงที่ค่อนข้างเป็นกล่อง ทำให้รถดูใหญ่โตกว่าความเป็นจริง และให้ความรู้สึกมั่นคงบนท้องถนน ไฟหน้า LED ที่ออกแบบใหม่ รวมถึงไฟท้าย Union Jack ที่เป็นลายเซ็นต์ของ MINI ก็ได้รับการตีความใหม่ให้ดูโมเดิร์นและล้ำยุคมากขึ้น การเลือกใช้สีและวัสดุภายนอกยังคงให้ความรู้สึกพรีเมียมสมกับตำแหน่งของแบรนด์ ผมมองว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดของ MINI ในการขยายฐานลูกค้า ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้ที่หลงใหลในความคลาสสิกของมินิขนาดเล็ก แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนที่ต้องการ ครอสโอเวอร์หรู ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แต่ในขณะเดียวกันก็มอบพื้นที่และความสะดวกสบายที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของครอบครัวยุคใหม่
มิติตัวถังของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) มีรายละเอียดดังนี้:
ความยาว: 4,433 มิลลิเมตร
ความกว้าง: 1,843 มิลลิเมตร
ความสูง: 1,656 มิลลิเมตร
ความยาวฐานล้อ: 2,692 มิลลิเมตร
ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถ: 165 มิลลิเมตร
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง: 450 ลิตร และ 1,450 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง
ตัวเลขเหล่านี้ตอกย้ำถึงความตั้งใจของ MINI ในการมอบพื้นที่ใช้สอยที่เหนือกว่าให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงความจุสัมภาระที่มากพอสำหรับการเดินทางไกลหรือการขนของในชีวิตประจำวัน ทำให้ Countryman กลายเป็น SUV สำหรับครอบครัว ที่ยังคงรักษากลิ่นอายของความสนุกในการขับขี่แบบ MINI ไว้ได้
หัวใจแห่งสมรรถนะ: เครื่องยนต์และการขับเคลื่อนแบบ ALL4 ที่ตอบโจทย์การเดินทางทุกรูปแบบ
ภายใต้รูปลักษณ์ที่เติบใหญ่ขึ้น MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) ยังคงพกพาขุมพลังที่น่าประทับใจ ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศ TwinPower Turbo และเทคโนโลยี Direct Injection หัวใจสำคัญที่ทำให้เครื่องยนต์นี้มีประสิทธิภาพสูงคือระบบ Double VANOS และ Valvetronic ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้และตอบสนองได้ดีเยี่ยม
เครื่องยนต์ชุดนี้ให้กำลังสูงสุดถึง 204 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 – 6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ที่ 1,400 – 4,500 รอบ/นาที ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีสำหรับ เครื่องยนต์ MINI Countryman ในกลุ่มนี้ การจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7DCT (Dual Clutch Transmission) ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างรวดเร็วและนุ่มนวล มอบทั้งประสิทธิภาพและความประหยัดน้ำมัน
สิ่งที่ทำให้รุ่น S ALL4 แตกต่างและโดดเด่นคือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา (ALL4) ซึ่งเป็นจุดแข็งของ MINI ในการมอบเสถียรภาพการขับขี่ที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนนเปียก การเข้าโค้งด้วยความเร็ว หรือแม้แต่การเดินทางบนเส้นทางทุรกันดารเล็กน้อย ระบบ ALL4 จะช่วยกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อทั้งสี่อย่างเหมาะสม ทำให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างมั่นคงและปลอดภัย ด้วยสมรรถนะที่โรงงานเคลมไว้:
อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.4 วินาที
ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 228 km/h
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า Countryman S ALL4 Hightrim ยังคงเป็นรถที่มี สมรรถนะสูง และสนุกในการขับขี่ แม้จะมีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น แต่อัตราเร่งและ Top Speed ก็ยังเพียงพอต่อการใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางไกล ผมมองว่า เทคโนโลยี TwinPower Turbo ของ BMW Group นั้นได้รับการปรับจูนมาอย่างดีเยี่ยม ทำให้ได้ทั้งพละกำลังที่น่าพอใจ และการตอบสนองที่ฉับไวในรอบเครื่องยนต์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ SUV พรีเมียม คาดหวัง
ก้าวเข้าสู่ภายใน: ห้องโดยสารแห่งอนาคตที่ยังคงกลิ่นอาย “MINI”
เมื่อเปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสารของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาคือการผสมผสานระหว่างความล้ำสมัยและกลิ่นอายความเป็น MINI ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน้าจอกลางทรงกลม MINI Round Center Display OLED ขนาด 240 มิลลิเมตร (9.44 นิ้ว) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุด การเลือกใช้จอ OLED ไม่เพียงให้สีสันที่สดใสและคมชัด แต่ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อดีไซน์หน้าปัดกลางอันเป็นตำนานของ MINI ดั้งเดิมได้อย่างชาญฉลาด จอนี้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของระบบปฏิบัติการ MINI Operation System 9 ที่ใช้งานง่าย และรองรับการสั่งงานด้วยเสียง “Hey MINI” ที่ตอบสนองได้รวดเร็วและแม่นยำ
นอกจากนี้ เทคโนโลยีภายในยังจัดเต็มด้วย:
ระบบนำทาง MINI Navigation ที่แม่นยำและช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการจอดรถหรือขับขี่ในที่แคบ
แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย อำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ยุคใหม่
ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า MINI Head-up Display ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน
วัสดุและการตกแต่งภายในได้รับการยกระดับให้มีความพรีเมียมยิ่งขึ้น ด้วยเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Vascin สีน้ำตาล Vintage Brown ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและผ่อนคลาย เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบจดจำตำแหน่ง Memory Seats และระบบ Active Seats สำหรับเบาะคนขับ ช่วยเพิ่มความสบายในการเดินทางไกล หลังคากระจก Panoramic Glass-roof ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสาร และวัสดุผ้าหลังคาสีดำ Anthracite Headliners เสริมความสปอร์ต
สำหรับความบันเทิง MINI Countryman S ALL4 Hightrim จัดเต็มด้วย เครื่องเสียง Harman Kardon ลำโพง 12 ตำแหน่ง ที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดและทรงพลัง สร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจในทุกการเดินทาง เบาะนั่งด้านหลังปรับเอนและพับได้แบบ 60:40 พร้อมพนักวางแขนตำแหน่งกลางสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง สะท้อนถึงการออกแบบที่เน้นการใช้งานจริงและ ความสะดวกสบาย สำหรับทุกคนในครอบครัว ด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่วางขาและศีรษะที่มากขึ้น หมดปัญหาความอึดอัดในการเดินทางไกล
โหมดการขับขี่ที่หลากหลายของ MINI Experience Modes เช่น Core Mode, Go-Kart Mode, Green Mode, Balance Mode, Timeless Mode, Vivid Mode และ Personal Mode ยังคงเป็นจุดเด่นที่ทำให้การขับขี่ MINI สนุกและปรับเปลี่ยนได้ตามอารมณ์ ซึ่งผมมองว่านี่คือการรักษาจิตวิญญาณความเป็น MINI ไว้ได้อย่างลงตัวในโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วย เทคโนโลยีรถยนต์ 2025 ที่ล้ำสมัย
บนท้องถนน: พลวัตการขับขี่ที่ผสมผสานความเป็น MINI เข้ากับขนาดที่ใหญ่ขึ้น
เมื่อก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้ขับขี่ของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความคุ้นเคยของตำแหน่งการขับขี่แบบ MINI ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและพร้อมลุย แต่อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่ากระแสตอบรับในเรื่องดีไซน์ภายนอกนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงสำหรับแฟน MINI ดั้งเดิมที่คาดหวังความเล็กกะทัดรัด แต่สำหรับผู้ที่มองหารถครอสโอเวอร์ที่ครบเครื่องและไม่ยึดติดกับภาพจำเดิมๆ Countryman โฉมใหม่นี้มีอะไรให้สัมผัสมากมาย
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ที่ให้กำลัง 204 แรงม้า พร้อมแรงบิด 300 นิวตันเมตรนั้น ถือว่า “พอเพียง” ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน การตอบสนองของคันเร่งทำได้ดีในทุกย่านความเร็ว โดยเฉพาะในช่วงออกตัวและเร่งแซงที่ความเร็วปานกลาง ระบบเกียร์ 7DCT ทำงานได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ ช่วยส่งถ่ายกำลังได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตัวรถจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังคงความคล่องตัวในระดับหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกว่าอืดอาดหรือเทอะทะ
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ผ่านรถมาหลายรุ่น สิ่งที่ผมพบว่ายังคงเป็นเอกลักษณ์ของ MINI ที่ไม่เคยจางหายไปคือ “ความแข็งของช่วงล่าง” ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ Go-Kart Feeling และต้องการรับรู้ถึงพื้นผิวถนนอย่างละเอียด ช่วงล่างของ Countryman จะตอบโจทย์คุณได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับผู้ที่คาดหวังความนุ่มนวลแบบรถ SUV ทั่วไป อาจจะต้องปรับตัวเล็กน้อย ช่วงล่างที่แข็งนี้ให้ความมั่นใจในการเข้าโค้งและการขับขี่ด้วยความเร็วสูง แต่เมื่อเปลี่ยนเลนด้วยความเร็ว หรือเจอสภาพถนนที่ไม่เรียบ ตัวรถที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอาจทำให้รู้สึกถึงแรงต้านของลมและอาการโคลงเล็กน้อยได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นธรรมชาติของรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูง
ในด้าน การใช้งานจริง ในชีวิตประจำวัน ผมมองว่า MINI Countryman S ALL4 Hightrim ทำได้ดีขึ้นมาก ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นทำให้พื้นที่ห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่รุ่นก่อนหน้าอาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ทำให้สามารถบรรทุกสิ่งของได้มากขึ้น รองรับการเดินทางของครอบครัว หรือกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ความสะดวกสบาย ในการขับขี่ก็เพิ่มขึ้นด้วยออปชันที่จัดเต็ม รวมถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ในการเดินทางไกล
ส่วนเรื่อง ประหยัดน้ำมัน สำหรับรถครอสโอเวอร์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีกำลังขนาดนี้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงประมาณ 13-14 km/L ที่ทำได้ในการใช้งานจริง ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและน่าประทับใจ การนำ MINI Countryman S ALL4 ออกเดินทางไกลจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงมากนัก ผมมองว่า Countryman โฉมนี้คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความสนุกในการขับขี่แบบ MINI และประโยชน์ใช้สอยที่ครบครันของรถยนต์อเนกประสงค์
ความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่: มาตรฐานพรีเมียมแห่งยุค 2025
ในโลกยานยนต์ปี 2025 ความปลอดภัยไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนเสริม แต่คือหัวใจสำคัญที่ผู้บริโภคมองหา MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) ได้รับการติดตั้ง ระบบความปลอดภัยรถยนต์ และ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ที่ครบครันตามมาตรฐานของรถยนต์พรีเมียมยุคใหม่ เพื่อมอบความอุ่นใจและปกป้องผู้โดยสารในทุกการเดินทาง
สิ่งที่โดดเด่นและสำคัญประกอบด้วย:
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง: ครอบคลุมผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านข้าง เพื่อลดความรุนแรงจากการชน
ระบบป้องกันล้อล็อก Anti-lock Braking System (ABS): ช่วยให้รถยังคงควบคุมทิศทางได้แม้ต้องเบรกกะทันหัน
ระบบกระจายแรงเบรก Dynamic Brake Control (DBC): เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกสูงสุด
ระบบช่วยเบรกขณะเข้าโค้ง Cornering Brake Control (CBC): รักษาเสถียรภาพขณะเบรกในทางโค้ง
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Dynamic Stability Control (DSC): ป้องกันการลื่นไถลและช่วยให้รถทรงตัวได้ดี
ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า Post-Crash Collision Warning (PC iBrake): ช่วยลดความเสียหายหลังการชน
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant: ซึ่งรวมถึงฟังก์ชันต่างๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control), ระบบเตือนการออกนอกเลน (Lane Departure Warning) และอื่นๆ ที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX: เพื่อความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้โดยสารตัวน้อย
นอกจากนี้ การมี กล้อง 360 องศา ที่ให้มุมมองรอบคันแบบ Bird’s-Eye View ยังเป็นอีกหนึ่ง นวัตกรรมความปลอดภัย ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจอดรถในพื้นที่จำกัด และเพิ่มทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ ระบบเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ MINI ในการส่งมอบรถยนต์ที่ไม่ได้มีดีแค่สไตล์และความสนุกในการขับขี่ แต่ยังคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นสำคัญในระดับสูงสุด
บทสรุป: MINI Countryman S ALL4 Hightrim ในปี 2025 เหมาะกับใคร?
หลังจากที่เราได้เจาะลึกทุกแง่มุมของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะมาสรุปว่ารถคันนี้เหมาะกับใครในตลาด รถยนต์รุ่นใหม่ 2025
สิ่งที่ต้องยอมรับคือดีไซน์ภายนอกที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจาก “มินิ” ในภาพจำเดิมๆ หากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่หลงใหลในความคลาสสิกของ MINI ขนาดเล็ก อาจจะรู้สึกไม่คุ้นชินหรือแม้กระทั่งผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แต่หากคุณเป็นคนยุคใหม่ที่มองหา ครอสโอเวอร์หรู ที่มีดีไซน์ล้ำสมัย ไม่ซ้ำใคร เต็มไปด้วยเทคโนโลยี และพร้อมตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของครอบครัว หรือไลฟ์สไตล์แอคทีฟ ผมเชื่อว่า Countryman โฉมนี้คือคำตอบ
MINI Countryman S ALL4 Hightrim ไม่ได้เป็นเพียงรถที่ “ใหญ่ขึ้น” เท่านั้น แต่ยังเป็นรถที่ “เติบโตขึ้น” ในด้านฟังก์ชันการใช้งาน ความสะดวกสบาย และความทันสมัย มันตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่สามารถใช้เป็นรถคันหลักของครอบครัวได้ ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พื้นที่เก็บสัมภาระที่มากพอ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
ในแง่ของ การขับขี่ มันยังคงรักษาจิตวิญญาณความเป็น MINI ไว้ได้บ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกมั่นคง และการควบคุมที่แม่นยำ (แม้จะมีอาการโคลงบ้างตามขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น) เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร TwinPower Turbo พร้อมระบบขับเคลื่อน ALL4 ก็มอบ สมรรถนะการขับขี่ ที่น่าพอใจและมั่นใจได้ในทุกสถานการณ์ อีกทั้ง ประหยัดน้ำมัน ได้ดีเยี่ยมสำหรับรถในกลุ่มนี้
ด้วย ราคามินิ 2025 ที่ 2,499,000 บาท MINI Countryman S ALL4 Hightrim วางตำแหน่งตัวเองเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในตลาด Premium Compact SUV ที่มีการแข่งขันสูง มันนำเสนอแพ็กเกจที่ครบครันทั้งสไตล์ ประโยชน์ใช้สอย เทคโนโลยี และสมรรถนะที่น่าประทับใจ หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ฉีกแนวจากตลาด แต่ยังคงไว้ซึ่งความพรีเมียมและคุณภาพตามมาตรฐาน BMW Group นี่คือรถที่คุณไม่ควรมองข้าม
อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า!
MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดนิ่งในโลกยานยนต์ หากคุณพร้อมที่จะเปิดใจรับประสบการณ์ใหม่ และมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ชีวิตในแบบของคุณได้มากกว่าเคย ผมขอเชิญชวนให้คุณมาสัมผัสด้วยตัวคุณเองที่โชว์รูม MINI ใกล้บ้านคุณ การได้ลองขับขี่และสัมผัสภายในห้องโดยสาร จะทำให้คุณเข้าใจถึงความมุ่งมั่นของ MINI ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่ยังคงสนุกสนาน แต่ในขณะเดียวกันก็เติบโตไปพร้อมกับความต้องการของโลกยุคใหม่ ลองมาสัมผัสว่า “มินิ” ที่ไม่ได้ “เล็ก” อีกต่อไป จะตอบโจทย์ชีวิตของคุณได้อย่างไรวันนี้!
![[ครบชุด] 2211175 ความคิดไม่ตรงกันเราก็คงต้องแยกย้าย](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-165-1.png)
![[ครบชุด] 2211176 ไว้ใจผิด ชีวิตพัง คนใกล้ตัวร้ายกว่าที่คิด ตอนแรก](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-166-1.png)