[ครบชุด] 2211192 นอกใจลับหลัง ยังกล้าแถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มินิ คันทรีแมน S ALL4 Hightrim (MY2025): เมื่อ “มินิ” ก้าวข้ามทุกนิยามสู่ยุคใหม่ของครอสโอเวอร์พรีเมียม

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของรถยนต์มากมายหลายรุ่น และหนึ่งในแบรนด์ที่มีเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจที่สุดแบรนด์หนึ่งคงหนีไม่พ้น MINI แบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งมักถูกจดจำด้วยขนาดที่กะทัดรัด ดีไซน์น่ารัก และบุคลิกการขับขี่แบบ “Go-Kart Feeling” อันเป็นเอกลักษณ์ แต่ในโลกของปี 2025 ที่ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ MINI ก็ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ และการมาของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim ในเจเนอเรชั่นที่ 3 สำหรับโมเดลปี 2025 นี้ ถือเป็นการพลิกโฉมที่เด็ดขาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นการบอกเล่าเรื่องราวบทใหม่ที่ “มินิ” อาจจะไม่ได้เล็กอีกต่อไป แต่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งความสนุกและพรีเมียมในแบบฉบับของตัวเอง

การเติบโตที่เหนือความคาดหมาย: “มินิ” ในร่างยักษ์ใหญ่?

ภาพจำของ MINI ที่เคยเป็นรถยนต์ขนาดเล็กสำหรับคนเมืองนั้น ได้ถูกท้าทายอย่างสิ้นเชิงเมื่อ BMW เข้ามาบริหารจัดการในปี 1999 และยิ่งชัดเจนขึ้นกับตระกูล Countryman ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ตลาดรถครอสโอเวอร์ SUV ที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะในเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่เรากำลังพูดถึงในปี 2025 นี้ MINI Countryman S ALL4 Hightrim ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดด้านขนาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวเลขมิติของรถยนต์รุ่นใหม่นี้ไม่เพียงแต่ใหญ่กว่า Countryman รุ่นก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญเท่านั้น แต่ยังขยับไปใกล้เคียงกับรถ SUV พรีเมียมในเซกเมนต์ที่ใหญ่ขึ้นอย่าง BMW X3 ในเจเนอเรชั่นก่อนหน้าอีกด้วย

การเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ใช่แค่การขยายขนาดตามเทรนด์ตลาด แต่เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานจริงในยุคสมัยใหม่ ตัวถังที่ยาวขึ้น 130 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 22 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 80 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งพื้นที่วางขาของผู้โดยสารด้านหลัง พื้นที่เหนือศีรษะ รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จาก 450 ลิตรไปจนถึง 1,450 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง นี่คือการปรับโฉมที่มุ่งเน้นความอเนกประสงค์และความสะดวกสบายในการใช้งานเป็นหลัก ไม่ใช่เพียงแค่การเสริมความทันสมัยให้ภาพลักษณ์ภายนอก ดีไซน์ทรงกล่องที่ดูบึกบึนมากขึ้น ยังช่วยเสริมให้รถคันนี้ดูมีขนาดใหญ่และมั่นคงเกินกว่าที่สายตาจะประเมินได้ นี่คือ “มินิ” ที่โตเต็มวัย พร้อมลุยทุกเส้นทาง ไม่ใช่แค่ขับขี่ในเมืองอีกต่อไป

ในตลาดรถยนต์ปี 2025 ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยและความยืดหยุ่นในการใช้งาน ครอสโอเวอร์ขนาดใหญ่ขึ้นเช่นนี้จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวสมัยใหม่ หรือผู้ที่ต้องการรถยนต์พรีเมียมที่สามารถตอบโจทย์การเดินทางได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือการออกทริปท่องเที่ยวกับเพื่อนและครอบครัว นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ MINI เพื่อคงความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่ท้าทาย

ราคาและมิติที่พลิกโฉม: ความคุ้มค่าในแพ็คเกจพรีเมียม

สำหรับ MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ราคาเริ่มต้นที่ 2,499,000 บาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่สมเหตุสมผลสำหรับรถยนต์ครอสโอเวอร์พรีเมียมที่มาพร้อมออปชั่นจัดเต็มและเทคโนโลยีล้ำสมัยจากค่ายยุโรป สำหรับผู้ที่มองหาความพิเศษและแตกต่างในราคาที่เข้าถึงได้ไม่ยากนักในกลุ่มรถพรีเมียม

มิติตัวถังของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025):

ความยาว: 4,433 มิลลิเมตร
ความกว้าง: 1,843 มิลลิเมตร
ความสูง: 1,656 มิลลิเมตร
ความยาวฐานล้อ: 2,692 มิลลิเมตร
ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถ: 165 มิลลิเมตร
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง: 450 ลิตร (เมื่อไม่พับเบาะ) และขยายได้ถึง 1,450 ลิตร (เมื่อพับเบาะหลัง)

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการออกแบบที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก ผู้บริโภคในปี 2025 ไม่ได้มองหารถยนต์ที่มีแค่ความสวยงาม แต่ต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นนี้ ทำให้ Countryman ไม่ใช่แค่รถยนต์อเนกประสงค์ แต่เป็นรถยนต์ที่พร้อมรองรับทุกกิจกรรมและทุกสไตล์การเดินทางอย่างแท้จริง มอบความสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอยที่เหนือกว่าความคาดหมายจากชื่อ “มินิ” เดิมอย่างสิ้นเชิง

ขุมพลังอันทรงประสิทธิภาพ: เครื่องยนต์ที่ลงตัวกับขนาดที่โตขึ้น

ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูบึกบึนและทันสมัย MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) มาพร้อมขุมพลังที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างพิถีพิถันจาก BMW Group เพื่อให้สมรรถนะที่ตอบโจทย์การขับขี่ในทุกสถานการณ์

รายละเอียดเครื่องยนต์:

ชนิดเครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
ปริมาตรกระบอกสูบ: 2.0 ลิตร (1,998 ซีซี)
เทคโนโลยี: ระบบจ่ายเชื้อเพลิงหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ (Direct Injection) พร้อมระบบอัดอากาศ TwinPower Turbo พ่วง Intercooler, Double VANOS และ Valvetronic
กำลังสูงสุด: 204 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 – 6,500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด: 300 นิวตันเมตร ที่ 1,400 – 4,500 รอบ/นาที
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 7DCT (Dual Clutch Transmission)
ระบบขับเคลื่อน: ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) – แม้ชื่อรุ่นจะมีคำว่า “ALL4” แต่สำหรับรุ่น S Hightrim ในตลาดไทยปัจจุบันนี้ระบุว่าเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า “ALL4” ในชื่อรุ่นเป็นการระบุถึงคุณสมบัติของแพลตฟอร์มที่รองรับ หรือมีรุ่นย่อยอื่นๆ ที่เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือกในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ซื้อควรสอบถามข้อมูลจากตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน

ตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน:

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ภายใน 7.4 วินาที
ความเร็วสูงสุด (Top Speed): 228 กม./ชม.

ด้วยพละกำลัง 204 แรงม้า และแรงบิด 300 นิวตันเมตร ที่มาพร้อมเทคโนโลยี TwinPower Turbo อันเลื่องชื่อของ BMW ทำให้ Countryman รุ่นนี้มีอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง หรือการเร่งแซงบนถนนหลวง เกียร์ 7DCT ยังช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวลและรวดเร็ว ส่งผลให้การขับขี่มีความต่อเนื่องและเร้าใจ การที่ระบุว่าเป็นขับเคลื่อนล้อหน้า FWD ในรุ่นนี้ อาจจะสร้างความประหลาดใจให้กับบางท่านที่คาดหวังระบบ ALL4 ตามชื่อ แต่ก็แลกมาด้วยความประหยัดน้ำมันที่อาจจะดีขึ้นเล็กน้อยและการบำรุงรักษาที่เรียบง่ายกว่า

สัมผัสประสบการณ์ขับขี่: เมื่อ “Go-Kart” ถูกยกระดับสู่ความพรีเมียม

หลังจากการเปิดตัว MINI Countryman S ALL4 Hightrim เจเนอเรชั่นใหม่นี้ มีกระแสตอบรับที่หลากหลายพอสมควร โดยเฉพาะจากกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของ MINI ที่อาจจะรู้สึกว่า “ภาพจำ” ของมินิที่เคยเล็กกะทัดรัดน่ารักได้เลือนหายไป กลายเป็นรถยนต์ที่มีดีไซน์ล้ำสมัยมากขึ้น ซึ่งได้รับอิทธิพลจากทิศทางการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้า แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่านี่คือการปรับตัวที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอดในตลาดรถยนต์ปี 2025 และสิ่งที่สำคัญกว่าภาพลักษณ์ภายนอก คือประสบการณ์หลังพวงมาลัย

เมื่อได้มีโอกาสสัมผัสและทดสอบขับขี่ MINI Countryman S ALL4 Hightrim ผมต้องยอมรับว่าความรู้สึกแรกคือมันไม่ใช่ MINI ในแบบที่เราคุ้นเคยอีกต่อไป ดีไซน์ภายในก็ถูกปรับให้มีความล้ำสมัยใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าหรือแม้กระทั่ง BMW X3 มากขึ้น อย่างไรก็ตาม จุดเด่นที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์และเปรียบเสมือนหัวใจของ “มินิ” ที่ยังคงหลงเหลืออยู่คือหน้าจอกลางทรงกลม OLED ขนาดใหญ่ ที่ยังคงรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของ MINI ได้อย่างน่าชื่นชม

พละกำลังและสมรรถนะ: เครื่องยนต์ 204 แรงม้า กับตัวถังขนาดใหญ่ขึ้นนั้น ให้พละกำลังที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายๆ ไม่ได้หวือหวาจนรู้สึกว่าแรงจัดจ้านเหมือน MINI John Cooper Works ที่เน้นสมรรถนะสูงสุด แต่ก็ไม่ได้อืดอาดจนน่าหงุดหงิด การเร่งแซงทำได้มั่นใจ และการขับขี่ในเมืองก็คล่องตัวเกินคาดสำหรับขนาดที่ใหญ่ขึ้น

ช่วงล่างและการควบคุม: สิ่งที่ไม่เคยจางหายไปจาก DNA ของ MINI เลยคือ “ความแน่นหนึบ” ของช่วงล่าง Countryman S ALL4 Hightrim ยังคงถ่ายทอดความรู้สึกนี้ได้อย่างเต็มเปี่ยม คุณจะสัมผัสได้ถึงพื้นผิวถนนทุกรูปแบบ แต่ในความเร็วสูง การที่มีขนาดตัวรถที่ใหญ่ขึ้น ย่อมทำให้สัมผัสได้ถึงแรงต้านลมที่มากขึ้น และเมื่อเปลี่ยนเลนกระทันหัน ตัวรถก็มีอาการที่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถยนต์ที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงและขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นเล็กๆ ของมินิ อย่างไรก็ตาม ความมั่นคงในการเข้าโค้งยังคงทำได้ดีตามสไตล์รถยุโรป

โหมดการขับขี่ MINI Experience Modes: นี่คืออีกหนึ่งจุดที่ทำให้การขับขี่ MINI ยังคงความสนุกสนานไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็น Core Mode สำหรับการขับขี่ทั่วไป, Go-Kart Mode ที่ปรับการตอบสนองของคันเร่งและพวงมาลัยให้เฉียบคมขึ้นเพื่อความเร้าใจ, Green Mode เพื่อการขับขี่ที่ประหยัดพลังงาน, ไปจนถึง Balance, Timeless, Vivid และ Personal Mode ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งประสบการณ์ได้ตามใจชอบ โหมดเหล่านี้ช่วยเพิ่มมิติให้กับการขับขี่ ทำให้ Countryman ไม่ใช่แค่รถยนต์ที่ใหญ่ขึ้น แต่ยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งความสนุกตามสไตล์ MINI ไว้ได้อย่างน่าสนใจ

ความอเนกประสงค์และความสะดวกสบาย: ด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ Countryman S ALL4 Hightrim มอบความสะดวกสบายในการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การบรรทุกสัมภาระทำได้ง่ายขึ้น และพื้นที่ภายในก็กว้างขวางขึ้นสำหรับผู้โดยสารทุกคน ออปชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ให้มาอย่างจัดเต็มก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว รวมถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทันสมัย ช่วยให้การเดินทางมีความปลอดภัยและผ่อนคลายยิ่งขึ้น

อัตราการประหยัดน้ำมัน: สำหรับรถยนต์ครอสโอเวอร์เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่มีพละกำลังขนาดนี้ อัตราการประหยัดน้ำมันที่ทำได้ประมาณ 13-14 กม./ลิตร ในการใช้งานจริง ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมและน่าพอใจอย่างยิ่ง นี่คือจุดแข็งที่สำคัญในยุคที่ราคาน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผู้บริโภค

ภายในสุดล้ำสมัย: นิยามใหม่ของห้องโดยสาร MINI

ห้องโดยสารของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากความคลาสสิกของ MINI สู่ความล้ำสมัยที่ได้รับอิทธิพลจากยุคดิจิทัลและรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังคงรักษากลิ่นอายของความพรีเมียมและเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างลงตัว

ดีไซน์และวัสดุ: ภายในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง หลังคากระจก Panoramic Glass-roof ขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสาร เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Vascin สีน้ำตาล Vintage Brown ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและนั่งสบาย เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบจดจำตำแหน่ง Memory Seats และเบาะนั่งคนขับยังมีระบบ Active Seats เพื่อรองรับสรีระได้ดียิ่งขึ้น เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับเอนและพับได้แบบ 60:40 พร้อมพนักวางแขนตำแหน่งกลาง มอบความยืดหยุ่นและสะดวกสบายสูงสุด
ระบบอินโฟเทนเมนต์และเทคโนโลยี: หัวใจหลักของห้องโดยสารคือ หน้าจอกลางทรงกลม MINI Round Center Display OLED ขนาด 240 มิลลิเมตร (9.44 นิ้ว) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ MINI ในเจเนอเรชั่นนี้ หน้าจอความละเอียดสูงนี้ทำงานร่วมกับ ระบบปฏิบัติการ MINI Operation System 9 ใหม่ล่าสุด ที่มีความลื่นไหล ใช้งานง่าย และรองรับการสั่งงานด้วยเสียง “Hey MINI” ได้อย่างชาญฉลาด ระบบนำทาง MINI Navigation ที่แม่นยำ และกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ นอกจากนี้ ยังมีแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย และระบบเครื่องเสียง Harman Kardon ลำโพง 12 ตำแหน่ง ที่มอบประสบการณ์เสียงระดับพรีเมียมตลอดการเดินทาง
ออปชั่นอำนวยความสะดวก: ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า MINI Head-up Display ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาดเล็กที่ซ่อนตัวอยู่หลังพวงมาลัยก็ให้ข้อมูลสำคัญได้อย่างครบถ้วน นี่คือห้องโดยสารที่ผสมผสานความล้ำสมัย ฟังก์ชันการใช้งาน และความพรีเมียมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

ระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่: อุ่นใจในทุกเส้นทาง

ในฐานะรถยนต์พรีเมียมสำหรับปี 2025 MINI Countryman S ALL4 Hightrim ไม่เพียงแต่โดดเด่นด้านดีไซน์และสมรรถนะ แต่ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารในทุกสถานการณ์

ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน: ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, ระบบป้องกันล้อล็อก Anti-lock Braking System (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก Dynamic Brake Control (DBC), ระบบช่วยเบรกขณะเข้าโค้ง Cornering Brake Control (CBC), และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Dynamic Stability Control (DSC) ล้วนเป็นมาตรฐานที่ช่วยปกป้องผู้โดยสารจากการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบความปลอดภัยเชิงรุก: ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า Post-Crash Collision Warning (PC iBrake) ช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับรถยนต์ที่เน้นการใช้งานแบบครอบครัว
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant: นี่คือชุดเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control), ระบบเตือนการออกจากเลน (Lane Departure Warning), หรือระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นฟังก์ชันที่สำคัญในการขับขี่ระยะไกลหรือในสภาพการจราจรที่หนาแน่นในปัจจุบัน ช่วยลดความเหนื่อยล้าและเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป: การเดินทางครั้งใหม่ของ “มินิ” ที่ไม่ได้เล็กอีกต่อไป

MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) คือการปฏิวัติครั้งใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หากคุณเป็นแฟน MINI พันธุ์แท้ที่ยึดติดกับภาพลักษณ์ของรถขนาดเล็กน่ารัก อาจจะต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แต่หากคุณเปิดใจให้กับดีไซน์ที่ล้ำสมัย เทคโนโลยีที่ครบครัน และความอเนกประสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล คุณจะพบว่า Countryman คันนี้คือตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาดครอสโอเวอร์พรีเมียมปี 2025

ในแง่ของการขับขี่ DNA ของ MINI ในเรื่องช่วงล่างที่แน่นหนึบและตอบสนองได้ดีนั้นยังคงอยู่ แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้น มันอาจจะไม่ได้ให้ความรู้สึก “Go-Kart” ที่สุดขีดเท่ากับ MINI Hatchback รุ่นเล็กๆ อีกต่อไป ผมเชื่อว่าหาก MINI ต้องการให้ Countryman เป็นรถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัวอย่างแท้จริง การปรับจูนช่วงล่างให้มีความนุ่มนวลและสบายกว่านี้อีกเล็กน้อย อาจจะทำให้มันกลายเป็นรถที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายในชีวิตประจำวัน ขณะที่ความเร้าใจในการขับขี่นั้น ควรยกให้เป็นหน้าที่ของ MINI John Cooper Works ที่เน้นสมรรถนะเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพรวม MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) คือรถยนต์ครอสโอเวอร์พรีเมียมที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดปี 2025 ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งในเรื่องของพื้นที่ใช้สอย เทคโนโลยีล้ำสมัย ออปชั่นจัดเต็ม และความปลอดภัยที่ครบครัน มันคือ “มินิ” ที่เติบโตขึ้น ไม่ใช่แค่ขนาดตัวถัง แต่ยังเติบโตในแง่ของบทบาทและความสามารถในการรองรับการใช้ชีวิตที่หลากหลายของผู้คน นี่คือบทใหม่ของ MINI ที่ไม่ได้ละทิ้งเสน่ห์เดิมไปเสียทั้งหมด แต่ได้ถูกผสมผสานและพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างลงตัว

สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) ที่โชว์รูม MINI ใกล้บ้านคุณวันนี้ แล้วค้นพบว่ามินิแห่งอนาคตนี้จะเข้ามาเติมเต็มทุกการเดินทางของคุณได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง การผจญภัยสุดสัปดาห์ หรือการเดินทางระยะไกลกับครอบครัว MINI Countryman ใหม่นี้พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทุกเรื่องราวของคุณ.