[ครบชุด] 2211199 ความรักที่ดี จะซัพพอร์ตให้เรามีชีวิตที่ดีตาม

MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025): เมื่อ “มินิ” ไม่ได้แปลว่าเล็กอีกต่อไป

ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคปี 2025 นี้ แบรนด์ต่างๆ ล้วนต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น MINI แบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมายาวนาน ก็เช่นกัน ภาพจำของรถยนต์ MINI ที่หลายคนคุ้นเคยคือรถคันเล็กกะทัดรัด ขับขี่สนุกสนาน และเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ แต่เมื่อก้าวเข้าสู่โมเดลใหม่ล่าสุดอย่าง MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) การนิยามคำว่า “มินิ” อาจต้องถูกเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์นี้มาโดยตลอด และยอมรับว่า Countryman เจเนอเรชันที่สามนี้ ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่ท้าทายทั้งแฟนคลับดั้งเดิมและผู้บริโภคยุคใหม่ ด้วยการปรับโฉมที่ radicial ทั้งในด้านขนาด รูปลักษณ์ และเทคโนโลยี มันไม่ใช่แค่การขยายมิติให้ใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่คือการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ MINI ให้ก้าวสู่สังเวียนของรถยนต์ครอสโอเวอร์พรีเมียมขนาดกลางอย่างเต็มตัว ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่าง พร้อมตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายยิ่งกว่าที่เคยมีมา

จากไอคอนเล็กสู่ยักษ์ใหญ่พรีเมียม: การออกแบบและปรัชญาใหม่

MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) ได้ทลายกรอบของคำว่า “มินิ” ไปอย่างสิ้นเชิง การเติบโตของขนาดตัวถังที่ชัดเจนคือสิ่งแรกที่ทุกคนสัมผัสได้ ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้น 130 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 22 มิลลิเมตร และสูงขึ้นถึง 80 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้ Countryman ใหม่มีความยาวรวม 4,433 มิลลิเมตร กว้าง 1,843 มิลลิเมตร และสูง 1,656 มิลลิเมตร ด้วยฐานล้อยาว 2,692 มิลลิเมตร มิติเหล่านี้ทำให้มันเทียบเคียงได้กับรถ SUV ขนาดกลางในตลาดปัจจุบันอย่าง BMW X3 เจเนอเรชันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพที่น่าสนใจและทำให้เกิดคำถามว่า “นี่ใช่ MINI จริงหรือ?”

ปรัชญาการออกแบบที่เปลี่ยนไปนั้นเห็นได้ชัดเจน การที่ BMW เข้ามาบริหารจัดการตั้งแต่ปี 1999 ได้วางรากฐานให้ MINI มีการปรับตัวตามทิศทางของตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ครอสโอเวอร์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด การออกแบบภายนอกของ Countryman ใหม่มีการผสมผสานกลิ่นอายของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตเข้าไว้อย่างลงตัว ด้วยเส้นสายที่ดูสะอาดตา ลดความโค้งมนแบบดั้งเดิมลง และเน้นรูปทรงกล่องที่ดูแข็งแกร่งและทันสมัยมากขึ้น ไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ทรงเหลี่ยมที่มาพร้อมไฟ DRL แบบสามเหลี่ยมหัวกลับ ให้ความรู้สึกที่ล้ำสมัยและโฉบเฉี่ยว กระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ดูดุดัน ผสานกับดีไซน์ท้ายรถที่เรียบง่ายแต่มีมิติ ด้วยไฟท้ายแนวตั้งที่สามารถปรับเปลี่ยนกราฟิกได้ตามโหมดการขับขี่ นับเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจและสะท้อนถึงนวัตกรรมยานยนต์ยุคใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของขนาดและความสวยงาม แต่ยังสะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์ของแบรนด์ที่ต้องการขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มที่ชื่นชอบรถยนต์ขนาดเล็ก ไปสู่กลุ่มที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์พรีเมียมที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองหรือการผจญภัยในวันหยุดสุดสัปดาธ์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคยุค 2025 ใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ ด้วยค่าตัวที่ 2,499,000 บาท มันได้ก้าวเข้าสู่เซกเมนต์ที่การแข่งขันสูงลิบ แต่ก็มาพร้อมกับคุณภาพและเทคโนโลยีที่สมราคา

ขุมพลังที่เติบโต: สมรรถนะที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง

หัวใจของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) คือเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร (1,998 ซีซี) พร้อมเทคโนโลยี TwinPower Turbo พ่วง Intercooler ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection และระบบ Double VANOS รวมถึง Valvetronic ที่ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด ขุมพลังนี้มอบกำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 – 6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 1,400 – 4,500 รอบ/นาที ซึ่งเป็นช่วงแรงบิดที่กว้าง ทำให้การออกตัวและเร่งแซงเป็นไปอย่างกระฉับกระเฉง

การส่งกำลังสู่ล้อดำเนินการผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะแบบคลัตช์คู่ (7DCT) ที่ได้รับการปรับจูนมาอย่างดี เพื่อมอบการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่นและรวดเร็วทันใจ ตอบสนองต่อการขับขี่ทั้งในเมืองและการเดินทางไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับรุ่น S ALL4 นี้ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (All-Wheel Drive) อันเป็นเอกลักษณ์ของ MINI ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะการยึดเกาะถนนและเสถียรภาพในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นในทุกสภาพพื้นผิว โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ หรือเส้นทางที่ท้าทาย ระบบ ALL4 จะเข้ามาช่วยกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างเหมาะสม เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี (ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลต้นฉบับที่ระบุ FWD)

จากตัวเลขสมรรถนะที่โรงงานเคลมไว้ การเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ภายใน 7.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 228 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกว่า Countryman S ALL4 Hightrim ไม่ได้มีดีแค่ความใหญ่ แต่ยังคงรักษา DNA ของความคล่องตัวและสมรรถนะสปอร์ตเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าอาจจะไม่แรงจัดจ้านเท่ากับรุ่น John Cooper Works แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเดินทางคนเดียวหรือบรรทุกคนเต็มคัน

ส่วนเรื่องอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง แม้จะเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดใหญ่ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่จากประสบการณ์จริงในการทดสอบ รวมถึงข้อมูลจากผู้ใช้งานหลายท่าน พบว่าสามารถทำได้ดีที่ประมาณ 13-14 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับการใช้งานทั่วไป ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจสำหรับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบในรถยนต์ประเภทนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิศวกรรมที่ทันสมัยและการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ

ภายในห้องโดยสาร: นวัตกรรมดิจิทัลผสานกลิ่นอาย MINI ดั้งเดิม

เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาคือ “หน้าจอกลางทรงกลม MINI Round Center Display OLED” ขนาดใหญ่ถึง 240 มิลลิเมตร (9.44 นิ้ว) ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของระบบอินโฟเทนเมนต์และเป็นเพียงองค์ประกอบเดียวที่ยังคงรักษา “ความเป็น MINI” ดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างชัดเจน หน้าจอ OLED ให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส และมีอัตราการตอบสนองที่รวดเร็ว พร้อมระบบปฏิบัติการ MINI Operation System 9 ที่ใช้งานง่าย รองรับการสั่งงานด้วยเสียง “Hey MINI” ที่เข้าใจภาษาธรรมชาติ และระบบนำทาง MINI Navigation ที่แม่นยำ

นวัตกรรมไม่ได้หยุดอยู่แค่หน้าจอ แต่ยังขยายไปสู่ “MINI Experience Modes” ซึ่งเป็นโหมดการขับขี่ที่ไม่ได้แค่ปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์เท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนแปลงบรรยากาศภายในห้องโดยสารผ่านการแสดงผลบนหน้าจอ แสง Ambient Light และแม้กระทั่งเสียงเครื่องยนต์จำลอง โหมดต่างๆ เช่น Core, Go-Kart, Green, Balance, Timeless, Vivid และ Personal Mode มอบประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งรถให้เข้ากับอารมณ์และสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่น่าประทับใจและบ่งบอกถึงความเป็นรถยนต์พรีเมียมที่เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง

ในด้านวัสดุและการตกแต่ง ภายในห้องโดยสารดูหรูหราและทันสมัย เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Vascin สีน้ำตาล Vintage Brown ที่ให้สัมผัสพรีเมียมและนั่งสบาย เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบจดจำตำแหน่งเบาะ (Memory Seats) และระบบเบาะนั่ง Active Seats สำหรับคนขับที่ช่วยเพิ่มความสบายในการเดินทางไกล หลังคากระจก Panoramic Glass-roof ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสาร และวัสดุผ้าหลังคาสีดำ Anthracite Headliners เสริมความสปอร์ตให้กับบรรยากาศภายใน

ความสะดวกสบายยังรวมถึงพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายขนาดตัวถัง พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีมากถึง 450 ลิตร และสามารถขยายได้ถึง 1,450 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังแบบ 60:40 ซึ่งถือว่ากว้างขวางมากเมื่อเทียบกับ MINI รุ่นอื่นๆ ทำให้ Countryman ใหม่เหมาะกับการเป็นรถครอบครัวหรือรถสำหรับกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องการพื้นที่บรรทุกสัมภาระจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีพนักวางแขนตรงกลางสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยม ระบบเสียง Harman Kardon ลำโพง 12 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและทรงพลัง เพิ่มอรรถรสในการเดินทางไปอีกขั้น

สัมผัสการขับขี่: DNA สปอร์ตที่ปรับตัวเข้ากับยุคสมัย

สิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ MINI ที่ไม่เคยจางหายไปคือ “ความแข็งของช่วงล่าง” ซึ่งใน Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) นี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ช่วงล่างที่แน่นหนึบเป็นสองคม ในด้านหนึ่งมันมอบการควบคุมที่แม่นยำ ตอบสนองฉับไว ให้ความรู้สึกมั่นคงในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง และให้ผู้ขับขี่รับรู้ถึงพื้นผิวถนนได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนๆ MINI ชื่นชอบมาโดยตลอด ทำให้รถมีการทรงตัวที่ดีเยี่ยม และยังคงมอบประสบการณ์ขับขี่สไตล์ Go-Kart Feeling ที่เป็นตำนานของแบรนด์

แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความแข็งของช่วงล่างอาจส่งผลต่อความนุ่มนวลในการขับขี่บนสภาพถนนที่ไม่เรียบของประเทศไทย ซึ่งอาจจะไม่ได้มอบความสะดวกสบายเท่ากับรถยนต์ครอสโอเวอร์บางรุ่นที่เน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การปรับจูนช่วงล่างสำหรับรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน MINI ได้พยายามหาสมดุลระหว่างความสนุกในการขับขี่และความสามารถในการรองรับน้ำหนักและขนาดของตัวรถ ซึ่งในความเห็นของผม ถือว่าทำได้ดีพอสมควร

แม้ตัวรถจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น แต่ระบบพวงมาลัยยังคงให้การตอบสนองที่ฉับไวและแม่นยำ ทำให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างมั่นใจ การเปลี่ยนเลนด้วยความเร็วสูงอาจสัมผัสได้ถึงอาการโคลงตัวบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถยนต์ที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงและขนาดใหญ่ แต่ก็อยู่ในระดับที่ควบคุมได้และไม่ก่อให้เกิดความกังวล ในส่วนของระบบเบรกก็ทำงานได้ดี ให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยในทุกสถานการณ์

สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์สำหรับใช้งานในเมืองเป็นหลัก ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้น อาจทำให้การขับขี่ในพื้นที่จำกัดหรือการจอดรถยากขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ถูกชดเชยด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทันสมัย เช่น กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ที่ช่วยให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ มิติตัวถังที่ใหญ่ขึ้นยังส่งผลดีต่อความเงียบในห้องโดยสาร ลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีขึ้น ทำให้การเดินทางไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ความปลอดภัยยุค 2025: ครอบคลุมทุกการเดินทาง

ในยุคที่เทคโนโลยีความปลอดภัยคือมาตรฐานสำคัญ MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน มาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ รวมถึงโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อดูดซับแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยเชิงรุกและระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครัน:
ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (DBC) ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก
ระบบช่วยเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC) เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการควบคุมรถในทางโค้ง
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (DSC) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของรถในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า (Post-Crash Collision Warning – PC iBrake) ช่วยลดความเสี่ยงจากการชน
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistant) ที่รวมฟังก์ชันต่างๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control), ระบบเตือนการออกนอกเลน (Lane Departure Warning) และระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assistant) ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการขับขี่บนท้องถนนที่คับคั่งในปัจจุบัน
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้อย่างชัดเจน ลดจุดบอดและเพิ่มความปลอดภัยในการจอดรถหรือขับขี่ในพื้นที่แคบ
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX ที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดสำหรับสมาชิกตัวน้อยในครอบครัว

ชุดระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่เหล่านี้ ทำให้ Countryman S ALL4 Hightrim ไม่ได้เป็นเพียงรถที่ขับสนุก แต่ยังเป็นรถที่มอบความอุ่นใจในการเดินทางให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน

บทสรุปและอนาคตของ MINI Countryman S ALL4 Hightrim

MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) คือรถยนต์ที่กล้าหาญในการเปลี่ยนแปลง และเป็นข้อพิสูจน์ว่า MINI ไม่ได้ยึดติดกับภาพลักษณ์เดิมๆ อีกต่อไป มันคือการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ต้องการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่ใหญ่ขึ้น และผู้บริโภคที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์พรีเมียมที่มาพร้อมเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ล้ำสมัย

สำหรับแฟนพันธุ์แท้ของ MINI ที่หลงใหลในความเล็กกะทัดรัดและดีไซน์ย้อนยุค การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจสร้างความประหลาดใจหรือแม้กระทั่งผิดหวังเล็กน้อย เพราะกลิ่นอายของ “มินิ” ที่คุ้นเคยนั้นเลือนหายไปไม่น้อย แต่สำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปิดกว้างและมองหารถยนต์ครอสโอเวอร์ที่โดดเด่น มีสไตล์ มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง พร้อมเทคโนโลยีอันชาญฉลาด และสมรรถนะการขับขี่ที่ยังคงเอกลักษณ์ของ MINI ไว้ในระดับหนึ่ง Countryman S ALL4 Hightrim คันนี้คือตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

มันอาจไม่ใช่รถที่เน้นความแรงจัดจ้านเหมือน MINI John Cooper Works และช่วงล่างก็ยังคงมีความเป็นสปอร์ตอยู่ แต่ความอเนกประสงค์ที่เพิ่มขึ้น ขนาดที่ใหญ่ขึ้น และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จัดเต็ม ทำให้มันเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการเดินทางในเมือง การท่องเที่ยวกับครอบครัว หรือการผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ ในวันหยุด ด้วยราคา 2,499,000 บาท มันได้วางตำแหน่งตัวเองในตลาดรถยนต์พรีเมียมครอสโอเวอร์ที่การแข่งขันสูง แต่ด้วยความแตกต่างและเสน่ห์ของแบรนด์ MINI ที่ยังคงมีอยู่ มันพร้อมแล้วที่จะสร้างนิยามใหม่ของคำว่า “มินิ” ให้กับทุกคน

บทส่งท้าย: ก้าวสู่ประสบการณ์จริง

ไม่มีคำกล่าวใดจะดีไปกว่าการได้สัมผัสด้วยตัวคุณเอง หากคุณกำลังมองหารถยนต์ครอสโอเวอร์พรีเมียมที่ผสมผสานดีไซน์ล้ำสมัย เทคโนโลยีครบครัน และสมรรถนะการขับขี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว MINI Countryman S ALL4 Hightrim (MY2025) คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม เราขอเชิญชวนให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างนี้ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูม MINI ทั่วประเทศ แล้วคุณจะค้นพบนิยามใหม่ของ MINI ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถคันเล็กอีกต่อไป แต่คือยนตรกรรมที่พร้อมพาคุณไปในทุกเส้นทางอย่างมีสไตล์และมั่นใจ