บทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่จะเกิดขึ้น
เปิดเงื่อนไขสำคัญ: สถานการณ์ใดบ้างที่อาจทำให้ประกันรถยนต์ถูกยกเลิก?
by admin

ภาพประกอบแสดงถึงความเสี่ยงในการถูกยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์จากพฤติกรรมหรือเงื่อนไขต่างๆ
หลายท่านอาจยังไม่ทราบว่า กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่คุณถือครองอยู่นั้น มีบางสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่การสิ้นสุดความคุ้มครอง หรือการถูกยกเลิกกรมธรรม์จากบริษัทประกันได้ อย่างไรก็ตาม การยกเลิกดังกล่าวไม่ใช่การกระทำที่บริษัทจะทำได้ตามอำเภอใจ แต่ต้องมีเหตุผลอันสมควรและเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เท่านั้น เพื่อให้ผู้ขับขี่เข้าใจและป้องกันตัวเองได้ เราได้รวบรวมปัจจัยเสี่ยงเหล่านั้นมาอธิบายอย่างละเอียด
ภาพประกอบแสดงถึงความเสี่ยงในการถูกยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์จากพฤติกรรมหรือเงื่อนไขต่างๆ
สาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทประกันอาจพิจารณายกเลิกกรมธรรม์
บริษัทประกันภัยรถยนต์มีสิทธิ์ยกเลิกกรมธรรม์ได้ หากผู้เอาประกันภัยกระทำการที่เข้าข่ายผิดเงื่อนไขหรือข้อตกลงที่ได้ทำไว้ร่วมกัน ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อยมีดังนี้
ให้ข้อมูลส่วนตัวหรือรายละเอียดรถยนต์ที่ไม่ถูกต้อง
เมื่อทำสัญญาประกันภัยรถยนต์ การให้ข้อมูลที่เป็นจริงถือเป็นหัวใจสำคัญ หากผู้เอาประกันปกปิดข้อเท็จจริงหรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับตัวบุคคล ประวัติการขับขี่ หรือรายละเอียดของรถยนต์ แล้วบริษัทประกันตรวจพบในภายหลัง ถือเป็นการผิดเงื่อนไขร้ายแรง ซึ่งอาจส่งผลให้กรมธรรม์ถูกยกเลิกทันที และผู้เอาประกันจะหมดสิทธิ์ในการเรียกร้องสินไหมทดแทนใด ๆ จากการเคลมที่เกิดขึ้น
มีประวัติการเคลมประกันบ่อยครั้งผิดปกติ
การเคลมประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเคลมสดจากอุบัติเหตุ หรือการเคลมแห้งเพื่อซ่อมแซมรอยต่างๆ หากมีจำนวนครั้งที่บ่อยเกินไปภายในระยะเวลาเอาประกัน อาจทำให้บริษัทประกันประเมินว่ามีความเสี่ยงสูง หรือมีพฤติกรรมการขับขี่ที่ประมาท ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้เบี้ยประกันภัยในปีถัดไปปรับสูงขึ้นแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะเลือกไม่ต่ออายุกรมธรรม์ หรือแม้กระทั่งยกเลิกความคุ้มครองก่อนครบกำหนด
การเคลมที่น่าสงสัย หรือเข้าข่ายทุจริต ฉ้อโกง
หนึ่งในเหตุผลร้ายแรงที่สุดที่นำไปสู่การยกเลิกประกันรถยนต์ทันทีคือ การตรวจพบพฤติกรรมการเคลมที่ผิดปกติ ไม่สมเหตุสมผล หรือมีเจตนาทุจริต ฉ้อโกงบริษัทประกัน การกระทำเหล่านี้รวมถึงการสร้างสถานการณ์เท็จ การแจ้งข้อมูลที่ไม่เป็นจริง หรือการสมคบคิดกับบุคคลอื่นเพื่อหลอกลวง การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้กรมธรรม์ถูกยกเลิก แต่ยังอาจนำไปสู่การดำเนินคดีตามกฎหมายและถูกขึ้นบัญชีดำ (Black List) ในวงการประกันภัย
ค้างชำระหรือจ่ายเบี้ยประกันล่าช้าเกินกำหนด
การไม่ชำระเบี้ยประกันภัยตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ หรือการชำระไม่ครบถ้วน ทำให้กรมธรรม์ไม่สมบูรณ์ ถือเป็นการผิดเงื่อนไขสัญญาโดยตรง แม้บริษัทประกันบางแห่งอาจมีระยะเวลาผ่อนผันให้ชำระล่าช้าได้ (เช่น 30 หรือ 60 วัน แล้วแต่เงื่อนไข) แต่หากพ้นกำหนดนี้ไปแล้ว ความคุ้มครองตามกรมธรรม์จะสิ้นสุดลงทันที และบริษัทมีสิทธิ์ยกเลิกกรมธรรม์ได้
ทำความเข้าใจ: พฤติกรรมใดบ้างที่ถือเป็นการแจ้งเคลมประกันเท็จ?
การแจ้งเคลมประกันรถยนต์ควรเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้บริษัทประกันสามารถพิจารณาและจ่ายสินไหมทดแทนได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม มีบางพฤติกรรมที่เข้าข่ายการแจ้งเคลมเท็จ ซึ่งผู้เอาประกันควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด
แจ้งสาเหตุหรือรายละเอียดการเกิดอุบัติเหตุไม่ตรงตามความเป็นจริง
การแจ้งเคลมประกันเท็จรูปแบบหนึ่งคือ การบิดเบือนรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น รถของคุณถูกชนท้ายและคุณได้รับเงินชดเชยจากคู่กรณีแล้ว แต่กลับไปแจ้งบริษัทประกันว่าคุณเป็นฝ่ายถอยชนคู่กรณี เพื่อให้บริษัทประกันของคุณรับผิดชอบค่าเสียหายแทน การกระทำเช่นนี้หากบริษัทตรวจสอบพบ ถือเป็นการแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จและอาจทำให้บริษัทปฏิเสธการจ่ายสินไหมทดแทน หรือยกเลิกกรมธรรม์ได้
การแจ้งความเท็จกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อวัตถุประสงค์ในการเคลมประกัน
พฤติกรรมที่ร้ายแรงกว่าคือการแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวน เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการเคลมประกัน ซึ่งถือเป็นความผิดทางอาญาที่ส่งผลกระทบต่อบุคคลที่สามหรือสาธารณะ ตัวอย่างชัดเจน เช่น การแจ้งว่ารถหายทั้งที่รถยังอยู่ เพื่อหวังเคลมเป็นรถยนต์สูญหาย หรือการแจ้งชื่อผู้ขับขี่ขณะเกิดเหตุไม่ตรงกับความจริง เนื่องจากผู้ขับขี่ตัวจริงอาจไม่มีใบขับขี่ หรืออยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมขับขี่ การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการฉ้อโกงประกันภัย และอาจมีโทษทางกฎหมายที่รุนแรงตามมา