เข้าใจสิทธิ์ เรียกร้อง ‘ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ’ หลังถูกชน ไม่ใช่ฝ่ายผิด รับเงินชดเชยอย่างไร
by admin

สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนหลายคนที่เคยเผชิญกับอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ย่อมทราบดีถึงความยุ่งยากและผลกระทบที่ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรถยนต์คันโปรดต้องเข้าอู่ซ่อมเป็นเวลานาน สิ่งหนึ่งที่ผู้ขับขี่หลายคนอาจยังไม่ทราบคือ สิทธิ์ในการเรียกร้อง “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ” จากบริษัทประกันของคู่กรณี เมื่อคุณเป็นฝ่ายถูกชน และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด ซึ่งค่าชดเชยส่วนนี้มีขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการที่ไม่สามารถใช้รถได้ตามปกติ ครอบคลุมทั้งค่าเดินทางสำรอง หรือความเสียหายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการขาดรถใช้ชั่วคราวในระหว่างนำรถเข้าซ่อม
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คืออะไร?
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คือ เงินชดเชยที่บริษัทประกันภัยของฝ่ายที่ก่อให้เกิดความเสียหาย (ฝ่ายผิด) ต้องจ่ายให้กับผู้เสียหาย (ฝ่ายถูก) เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการที่รถยนต์ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ในช่วงระยะเวลาที่รถกำลังได้รับการซ่อมแซมที่อู่หรือศูนย์บริการ ค่าชดเชยนี้อาจนำไปใช้เป็นค่าเดินทางทางเลือก เช่น ค่าแท็กซี่ ค่ารถสาธารณะ หรือเป็นค่าชดเชยต่อความไม่สะดวกและผลกระทบทางธุรกิจหรือส่วนตัวที่เกิดขึ้นจากการขาดรถยนต์ใช้งาน
สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้มีการกำหนดแนวทางและอัตราขั้นต่ำในการจ่ายค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยแบ่งกลุ่มรถยนต์หลักๆ ออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
อัตราการจ่ายค่าขาดประโยชน์ตามประเภทรถยนต์
เพื่อให้การเรียกร้องและจ่ายค่าสินไหมในส่วนของค่าขาดประโยชน์เป็นไปอย่างชัดเจน ข้อมูลจากสำนักงาน คปภ. ได้แนะนำอัตราขั้นต่ำในการจ่ายค่าชดเชยรายวันไว้ดังนี้:
- กลุ่มที่ 1: รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราค่าขาดประโยชน์ไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท
- กลุ่มที่ 2: รถยนต์รับจ้างสาธารณะขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง (เช่น แท็กซี่) กำหนดอัตราค่าขาดประโยชน์ไม่น้อยกว่าวันละ 700 บาท
- กลุ่มที่ 3: รถยนต์ขนาดเกินกว่า 7 ที่นั่ง (เช่น รถตู้, รถโดยสาร) กำหนดอัตราค่าขาดประโยชน์ไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท
ภาพประกอบสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ เมื่อคุณเป็นฝ่ายถูกในอุบัติเหตุและรถอยู่ในระหว่างซ่อม
อัตราเหล่านี้เป็นเพียงอัตราขั้นต่ำ ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าชดเชยที่สูงกว่าได้หากสามารถแสดงหลักฐานความเสียหายหรือผลกระทบที่ชัดเจน เช่น ใบเสร็จค่าเดินทาง หรือเอกสารยืนยันความเสียหายทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทประกันภัยคู่กรณีและข้อเท็จจริงของแต่ละเคส
เอกสารสำคัญสำหรับการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์
การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญในการยื่นเรื่องเรียกร้องค่าขาดประโยชน์เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น เอกสารที่จำเป็นมักประกอบด้วย:
- ใบเสนอรายการความเสียหายของรถยนต์: เอกสารจากอู่ซ่อมหรือศูนย์บริการที่ระบุรายการความเสียหายและประมาณการค่าซ่อม รวมถึงวันที่นำรถเข้าซ่อมที่ชัดเจน
- ใบเคลม (ใบรับรองความเสียหาย): ออกโดยเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย ณ จุดเกิดเหตุ ระบุรายละเอียดความเสียหายและยืนยันสถานะการเป็นฝ่ายถูกของคุณ
- สำเนาตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์: กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ของคุณ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
- สำเนาสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์: ระบุรายละเอียดรถยนต์และชื่อผู้ครอบครอง พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
- สำเนาใบขับขี่รถยนต์: ของผู้ขับขี่ในขณะเกิดเหตุ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
- ใบรับรถ หรือหนังสือส่งมอบรถเสร็จ: เอกสารยืนยันวันที่นำรถเข้าซ่อมและวันที่รับรถคืนหลังซ่อมเสร็จ
- หนังสือเรียกร้องค่าขาดประโยชน์: จดหมายที่เป็นทางการระบุควา