บทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่กำลังจะมาถึง
วิธีเปลี่ยนหลอดไฟด้วยตัวเอง เตรียมตัวอย่างไร 5 ชนิดหลอดไฟ มีอะไรบ้าง
อัปเดตล่าสุด 29 มิถุนายน 2568 • ใช้เวลาอ่าน 2 นาทีเจ้าของบ้าน

วิธีเปลี่ยนหลอดไฟ เป็นอีกหนึ่งเรื่องภายในบ้านที่ควรรู้ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยพบกับปัญหาของหลอดไฟเสีย หมดอายุการใช้งาน ซึ่งบางครั้งไม่สามารถตามช่างมาแก้ไขหรือติดตั้งได้ทันที มาดูวิธีเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิง หรือคุณผู้ชายก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง รวมถึงชนิดของหลอดไฟ หลอดไฟแบบไหนประหยัดพลังงาน
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
- เตรียมตัวก่อนเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
- วิธีเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
- รู้จักชนิดของหลอดไฟ
- วิธีการตรวจสอบหลอดไฟ
- ใช้หลอดไฟอย่างไรให้ประหยัด
เตรียมตัวก่อนเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
วิธีเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ เริ่มต้นคุณจะต้องเตรียมตัวก่อนจะเปลี่ยนหลอดไฟ ดังนี้
1. ทำการปิดสวิตช์ของหลอดที่เสียให้เรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันการถูกไฟช็อต หรือไฟดูด
2. เตรียมบันไดให้พร้อมใช้งาน เพื่อทำการเปลี่ยนได้อย่างสะดวก ไม่ควรใช้เก้าอี้ หรือวัสดุอื่น เพราะอาจเกิดอันตรายได้ง่าย
3. หากมีถุงมือผ้า สามารถนำมาใส่ในขณะจับหลอดไฟได้ เพื่อความปลอดภัย แต่ระวังหลอดไฟลื่นหลุดมือ หรือหากถุงมือหนาเกินไปอาจจับหลอดไฟไม่ถนัดมือ
4. หากหลอดไฟยังมีความร้อน ให้พักและรอให้เย็นก่อน จึงค่อยเปลี่ยน

วิธีเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
1. การเปลี่ยนหลอดไฟแบบขาสปริง
หลอดไฟแบบขาปริง จะมีวิธีเปลี่ยนหลอดไฟแตกต่างจากหลอดแบบขาทั่วไป โดยวิธีเปลี่ยนคือ ให้ดันไปข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงดึงลง จากนั้นก็นำหลอดไฟใหม่มาใส่ โดยใส่ทีละข้างให้ดันข้างใดข้างหนึ่งเข้าไปก่อน แล้วค่อยใส่อีกข้าง
2. การเปลี่ยนหลอดแบบขาทั่วไป
หลอดไฟแบบขาทั่วไป จะเป็นลักษณะการหมุนเกลียวลงล็อก วิธีเปลี่ยนหลอดไฟชนิดนี้คือ ให้หมุนหลอดไฟไปมาให้ขาหลุดออกจากล็อกทั้งสองข้างแล้วค่อยดึงลงมา จากนั้นนำหลอดไฟใหม่มาใส่ โดยจะใส่หลอดไฟใหม่เข้าไปทีละข้างด้วยการหมุนให้เข้าล็อกเหมือนเดิม
3. การเปลี่ยนบัลลาสต์
ก่อนอื่นให้ปิดสวิตช์ไฟก่อน จากนั้นให้ถอดฝาครอบออก ตัวบัลลาสต์จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดตั้งอยู่บนรางไฟ จากนั้นใช้ไขควงปากแบนถอดขั้วต่อสายบัลลาสต์ แล้วดึงสายออก ไขเอาบัลลาสต์ออกมา แล้วนำตัวใหม่มาใส่แทนที่ แล้วไขสกรูให้แน่นและต่อสายเข้าเหมือนเดิม ปิดฝาครอบเท่านี้ก็เรียบร้อย
4. การเปลี่ยนสตาร์ตเตอร์
ให้ถอดสตาร์ตเตอร์ของเดิมออกมาก่อน โดยให้หมุนเอาสตาร์ตเตอร์ออกจากล็อก แล้วปลดออกใส่อันใหม่กลับเข้าไป ให้หันด้านที่มีขั้วเสียบเข้าไปในช่องเดิมแล้วหมุนให้แน่นก็เรียบร้อย
ทั้งนี้ หลอดไฟปัจจุบันหลายแบบ อาทิ หลอดตะเกียบจะไม่มีสตาร์ตเตอร์และบัลลาสต์แล้ว เมื่อหลอดเสีย ก็เพียงหมุนถอดหลอดเก่า เปลี่ยนหลอดใหม่เข้าไปก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม วิธีเปลี่ยนหลอดไฟข้างต้นนั้นเป็นเพียงพื้นฐานของการเปลี่ยนหลอดไฟเท่านั้น หากมีปัญหาอื่น ๆ เกี่ยวกับระบบไฟ อย่าชะล่าใจ เรียกหาสมาชิกในบ้านที่มีความรู้ในด้านนี้ หรือช่างผู้ชำนาญการมาเปลี่ยนจะปลอดภัยกว่า เพราะเรื่องของไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องเล่น หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้

ช่างไฟฟ้า เลือกอย่างไร
ช่างไฟฟ้า เลือกอย่างไร แก้ 5 ปัญหาไฟเสียในบ้าน จบงานไว ไม่ถูกโกง
รู้จักชนิดของหลอดไฟ
รู้วิธีเปลี่ยนหลอดไฟกันไปแล้ว มาทำความรู้จักกันต่อว่าหลอดไฟมีกี่ชนิด ซึ่งหลอดไฟแต่ละชนิดมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
ชนิดของหลอดไฟ | ลักษณะ |
หลอดไส้ | ขนาดเล็ก อายุการใช้งานสั้น กินไฟมาก |
หลอดฟลูออเรสเซนต์ | ให้แสงสว่างและมีอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไส้ |
หลอดฮาโลเจน | ทนทานกว่าหลอดไส้ ให้ค่าความถูกต้องของสีถึง 100% |
หลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์ | มีรูปร่างหลากหลาย อายุการใช้งานนานกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ |
หลอดไฟ LED | ไม่มีความร้อน อายุการใช้งานนาน ให้แสงสว่างมาก ถนอมสายตา ประหยัดไฟ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม |
1. หลอดไส้ (Incandescent Lamp)
หลอดไฟที่มีการใช้งานมาอย่างยาวนาน เรียกอีกชื่อว่า “หลอดดวงเทียน” เพราะสีของแสงคล้าย ๆ กับแสงเทียน มีทั้งชนิดแบบแก้ว และฝ้า วิธีการทำงานคือ กระแสไฟฟ้าจะผ่านไส้หลอดเปลี่ยนจากพลังงานไฟฟ้าเป็นความร้อน เมื่อไส้หลอดร้อนจะเปล่งแสงออกมา ข้อดีคือ มีขนาดเล็ก ข้อเสียคือ อายุการใช้งานสั้น และกินไฟมาก ทำให้ค่าไฟฟ้าแพง
2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent tube)
หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดเรืองแสง ตัวหลอดจะมีไส้โลหะทังสเตนติดอยู่ที่ปลายทั้ง 2 ข้างของหลอด ผิวภายในฉาบด้วยสารเรืองแสง โดยมีการใส่ไอปรอทไว้เล็กน้อย หลักการทำงานคือ กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านปรอทแล้วคายพลังงานในรูปแบบรังสีอัลตราไวโอเลต เมื่อกระทบสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ในหลอดก็จะเปล่งแสงออกมา
ข้อดีคือให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไส้ถึง 5 เท่า อายุการใช้งานนานกว่าหลอดไส้ประมาณ 7-8 เท่า หรือประมาณ 6,000-20,000 ชั่วโมง
3. หลอดฮาโลเจน (Halogen)
พัฒนามาจากหลอดไส้ โดยใช้ก๊าซฮาโลเจนบรรจุภายในทำให้ทนทานกว่าหลอดไส้ปกติ จะให้ค่าความถูกต้องของสีถึง 100% เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างเป็นพิเศษ เช่น มุมอับของบ้าน ห้องทำงาน อายุการใช้งานประมาณ 1,500-3,000 ชั่วโมง
4. หลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์ (Compact fluorescent)
หลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดตะเกียบ มีการทำงานคล้ายหลอดฟลูออ