บทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่กำลังจะมาถึง
ราคาประเมินที่ดิน VS ราคาขายจริง เปรียบเทียบ 2 แบบราคา ก่อนซื้อ-ขาย
อัปเดตล่าสุด 30 มิถุนายน 2568 • ใช้เวลาอ่าน 1 นาทีซื้อบ้านหลังแรก

ราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ของกรมธนารักษ์ ซึ่งมีผลบังคับใช้ระหว่างปี 2566-2569 โดยภาพรวมทั้งประเทศราคาประเมินใหม่ปรับขึ้นเฉลี่ย 8%
ส่วนกรุงเทพฯ ปรับขึ้นประมาณ 3% สูงสุดยังเป็นพื้นที่ทำเลกลางเมืองแนวรถไฟฟ้า ทำเลที่มีราคาประเมินที่ดินแพงที่สุดเป็นถนนสีลม, เพลินจิต, วิทยุ และพระราม 1 (บริเวณหน้าสยามสแควร์ถึงถนนเพลินจิต) ราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 1,000,000 บาท/ตารางวา
แต่ราคาประเมินที่ดินของทางราชการแตกต่างจากราคาตลาดที่มีการซื้อ-ขายจริง ซึ่งแตกต่างกันอย่างไร หาคำตอบได้จากบทความนี้
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
- เปรียบเทียบราคาประเมินของทางราชการ vs ราคาตลาด
- ศักยภาพทำเลที่ตั้งของที่ดิน
- ลักษณะที่ดิน รูปร่าง ขนาดเนื้อที่ และสภาพของที่ดิน
- ข้อกฎหมาย สิทธิการถือครอง และภาระผูกพันของที่ดิน
เปรียบเทียบราคาประเมินที่ดินของทางราชการ vs ราคาตลาด
จากการสำรวจราคาซื้อขายที่ดินของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA พบว่า ราคาประเมินราชการหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมนั้นแตกต่างจากราคาซื้อขายที่ดินจริงในตลาดอย่างสิ้นเชิง
โดยราคาประเมินของทางราชการนั้นประเมินไว้สำหรับการเสียภาษี ส่วนราคาซื้อขายที่ดินในตลาดนั้นใช้เพื่อการซื้อ-ขายจริง
โดยทาง AREA ได้เปรียบเทียบราคาประเมินที่ดินและราคาซื้อขายที่ดิน ซึ่งหนึ่งในทำเลที่ราคาซื้อขายที่ดินในตลาดสูงกว่าราคาประเมินที่ดินของทางราชการ ได้แก่ เพลินจิต
ราคาที่ดินในเพลินจิต ซื้อ-ขายกันอยู่ที่ 3.85 ล้านบาท/ตารางวา ส่วนราคาประเมินที่ดินในเพลินจิต รอบปี 2566-2569 อยู่ที่ 1 ล้านบาท/ตารางวาเท่านั้น

ราคาประเมินที่ดิน กรุงเทพฯ
เช็กราคาประเมินที่ดิน กรุงเทพฯ แต่ละทำเล ตารางวาละเท่าไหร่
สำหรับใครที่มีที่ดินอยู่ในมือ ถามว่าทำไมเราจะต้องรู้ข้อมูลเกี่ยวกับราคาประเมินที่ดินและราคาซื้อขายที่ดิน ทั้งนี้ก็เพื่อการป้องกันปัญหาภายหลังหากต้องมีการเปลี่ยนมือเจ้าของที่ดิน หรือมีการซื้อขายที่ดิน ผู้ขายจะสามารถตั้งราคาขายได้อย่างถูกต้อง
โดยใช้ราคาประเมินที่ดินออนไลน์จากกรมธนารักษ์เป็นตัวกำหนดค่าธรรมเนียมและภาษีต่าง ๆ ในขณะที่ราคาซื้อขายที่ดินในตลาดจะเป็นตัวกำหนดราคาซื้อขายจริงบนที่ดินทำเลนั้น ๆ ตามข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น
แต่เพียงแค่นั้นยังไม่พอ หากใครคิดจะตั้งราคาขายที่ดินอยู่ นอกจากราคาราคาประเมินและราคาซื้อขายที่ดินในตลาดแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีก
ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นปัจจัยในการประกอบการเพิ่ม-ลดราคาที่ดิน และตั้งราคาขายที่ดินได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม บนพื้นฐานราคาที่ไม่ต่ำและสูงเกินไป ซึ่งเบื้องต้นจำเป็นต้องดูจากปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับราคาประเมินที่ดินและราคาซื้อขายที่ดินในตลาด ซึ่งประกอบไปด้วย
ศักยภาพทำเลที่ตั้งของที่ดิน
นอกจากราคาประเมินที่ดินจากกรมธนารักษ์และราคาซื้อขายที่ดินในตลาด ศักยภาพทำเลโดยรอบของที่ดินถือเป็นส่วนสำคัญที่มีส่วนในการเพิ่ม-ลดราคาที่ดิน ยิ่งเป็นที่ดินที่สามารถปล่อยเช่าทำธุรกิจระยะยาว หรือสามารถทำเงินมหาศาลได้ แน่นอนจะต้องมีเรื่องของอัตรารายได้ระยะยาวและค่าเสียผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง
ลักษณะที่ดิน รูปร่าง ขนาดเนื้อที่ และสภาพของที่ดิน
รูปร่างของที่ดินและขนาดก็มีส่วนในการเพิ่มมูลค่าที่ดิน โดยสามารถจำลองให้เห็นภาพง่าย ๆ ด้วยการยกตัวอย่างแปลงที่ดิน 2 แปลงที่มีขนาดเนื้อที่เท่ากัน แต่มีแปลงหนึ่งที่เป็นที่ดินเชิงลึกเข้าไปกับอีกแปลงที่เป็นที่ดินหน้ากว้างที่มีความยาว โดยทั้งสองแปลงติดถนนเหมือนกัน แปลงที่มีหน้ากว้างจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าและสามารถตั้งราคาซื้อขายที่ดินให้สูงกว่าได้
รูปร่างที่ดิน | การใช้ประโยชน์ |
ที่ดินสี่เหลี่ยมจัตุรัส | สามารถใช้สอยพื้นที่ได้มากที่สุด ล้อมรั้วได้ง่าย เหมาะกับการอยู่อาศัย หรือทำธุรกิจทุกรูปแบบ และข้อจำกัดในการก่อสร้างบ้านมีน้อย |
ที่ดินสี่เหลี่ยมผืนผ้า | เป็นรูปร่างที่ดินที่ดี หากเป็นที่ดินหน้ากว้างและติดถนนใหญ่ จะเหมาะกับการสร้างอาคารพาณิชย์ หากเป็นที่ดินหน้าแคบแต่ลึกเหมาะกับการปลูกสร้างบ้านที่ต้องการความเป็นส่วนตัว |
ที่ดินวงกลม | ก่อสร้างถือว่าทำได้ง่าย มีพื้นที่ใช้สอยมาก |
ที่ดินสามเหลี่ยม | เสียพื้นที่ใช้สอยตรงมุมแหลมไป ทำให้ใช้งานไม่ได้เต็มที่ และขายต่อได้ยาก |
ข้อกฎหมาย สิทธิการถือครอง และภาระผูกพันของที่ดิน
สิ่งที่มีผลต่อการตั้งราคาซื้อขายที่ดินอีกประการ ได้แก่ ข้อกฎหมายต่าง ๆ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของผังเมืองด้วย ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.ผังเมือง, พ.ร.บ.ควบคุมความสูงของอาคาร, ประกาศต่าง ๆ ของกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับผังเมืองและอสังหาริมทรัพย์