บทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่กำลังจะมาถึง
6 ขั้นตอนในการเลือกซื้อคอนโดให้คุ้มค่า ในปี 2568
อัปเดตล่าสุด 05 เมษายน 2568 • ใช้เวลาอ่าน 2 นาทีซื้อบ้านหลังแรก

ช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาดี ๆ ของการซื้อคอนโดสำหรับผู้ที่มีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นซื้อคอนโดใหม่ หรือซื้อคอนโดมือสอง เนื่องจากระดับราคาของคอนโดในปัจจุบันยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก และดีเวลลอปเปอร์หลายรายต่างแข่งกันลดราคา พร้อมโปรโมชันอีกมากมายด้วย
แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อคอนโด ผู้ซื้อควรที่จะมีแนวทางในการเลือกโครงการต่าง ๆ ลองมาดู 6 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการเลือกคอนโดที่คุ้มค่าและใช่สำหรับคุณได้ที่นี่
1. เลือกทำเลที่สนใจ
ก่อนจะตัดสินใจ ส่วนใหญ่ผู้ซื้อจะมีคำตอบอยู่ในใจเบื้องต้นแล้วว่าจะเลือกโครงการบนทำเลไหน ก็เลือกให้เหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตทั้งการอยู่อาศัย และการทำงาน แต่หลายคน ก็ยังไม่มีทำเลในใจ มีเพียงโจทย์กว้าง ๆ ในการเลือกทำเล เช่น เน้นใกล้รถไฟฟ้าเส้นทางไหนก็ได้ ซึ่งก่อนตัดสินใจให้เลือกทำเลที่สนใจก่อน ถ้าให้โจทย์กว้างมากไปจะเลือกและตัดสินใจยากขึ้น
กรณีที่หลายคน มีทำเลที่สนใจมากกว่า 1 ทำเล ให้ไปนำข้อมูลโครงการของแต่ละทำเลที่สนใจมากประเมิน แล้วเลือกจากโครงการเหล่านั้น เปรียบเทียบราคา แล้วค่อยตัดสินใจเลือกว่า ควรจะเลือกทำเลไหน ที่คุ้มค่าทั้งราคา และเดินทางสะดวก
2. หาข้อมูลโครงการต่าง ๆ ในทำเลนั้น
ก่อนลงพื้นที่จริง เราสามารถหาข้อมูลโครงการต่าง ๆ หรือเลือกบ้านได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องไปถึงโครงการ ช่องทางที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือหาบ้าน-คอนโดผ่านสื่อออนไลน์ได้ โดยหาข้อมูลเป็นแนวทางว่า ในทำเลที่เราสนใจ มีโครงการใดที่อยู่ระหว่างเสนอขายบ้าง
ลองพิมพ์คีย์เวิร์ดที่สนใจใน Search Engine ต่าง ๆ เช่น คอนโด + ชื่อทำเลที่สนใจ ข้อมูลจำนวนมหาศาลก็จะปรากฏให้เลือกตามต้องการ ฯลฯ แล้วก็เก็บข้อมูลไว้ เพื่อนำมาเป็นตัวเลือกต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ถือเป็นโอกาสของผู้ซื้อที่จะได้ตรวจเช็กว่าโครงการที่คุณหมายตานั้นมีความคงทนแข็งแรง หรือมีมาตรฐานการก่อสร้างดีหรือไม่ดีอย่างไร
อีกหนึ่งตัวเลือกในการค้นหาโครงการคือ ผ่านเว็บไซต์สื่อกลางทางด้านอสังหาริมทรัพย์อย่าง DDproperty หากเป็นโครงการใหม่สามารถเข้าไปได้ที่หน้า โครงการใหม่
โดยสามารถเข้าไปอ่านรีวิวของแต่ละโครงการที่น่าสนใจ เพื่อประกอบการตัดสินใจ โดยเข้าไปค้นหาได้ที่หน้า รีวิวโครงการใหม่
เลือกรูปแบบโครงการและทำเลที่สนใจก็จะรู้ได้ทันทีว่าในทำเลนั้นมีโครงการที่น่าสนใจกี่โครงการ
หากสนใจเป็นโครงการคอนโดมือสอง สามารถเข้าไปค้นหาได้ที่หน้า ขายคอนโด
อย่างไรก็ตาม เรายังควรหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยด้วยว่า ในบริเวณนั้น ๆ คาดว่าจะมีโครงการใหม่เกิดขึ้นอีกหรือไม่ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งจะรอหรือไม่รอโครงการใหม่นั้น ขึ้นอยู่กับภาพรวมของโครงการที่มีอยู่ ถ้ายังไม่ถูกใจจริง ๆ จะรอก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าเจอที่ถูกใจแล้ว จะตัดสินใจเลยก็ไม่ผิดเช่นกัน
โดยผู้ซื้ออาจจะให้คะแนนความถูกใจในโครงการนั้น ๆ จากเต็ม 10 คะแนน ถูกใจเท่าไร ถ้าถูกใจในภาพรวมเกิน 7 คะแนน ก็ตัดสินใจได้เลย แต่ถ้าถูกใจแค่ 5-6 คะแนน อาจจะรออีกสักนิดก็ได้ เพราะการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย อาจหมายถึงการใช้เงินเก็บทั้งชีวิต อย่ารีบจนพลาด
3. คัดกรองโครงการที่สนใจ
หลังจากที่ได้โครงการที่สนใจมาได้แล้ว ก็นำมาเปรียบเทียบคร่าว ๆ ภาพรวมโครงการจากภาพในสื่อออนไลน์ ทำเลที่ตั้ง ราคา แล้วก็คัดกรองโครงการที่สนใจจริง ๆ สัก 2-3 โครงการ หรือไม่ควรเกิน 4 โครงการ เพื่อความสะดวกในการคัดกรอง โดยอาจจะให้คะแนนความน่าสนใจตามระดับ 1-10 ให้แต่ละโครงการเท่าไร แล้วก็คัดเลือกตามเกณฑ์ที่เหมาะกับความต้องการของเรา
ถ้าถูกใจในภาพรวมเกิน 7 คะแนน ก็ตัดสินใจได้เลย แต่ถ้าถูกใจแค่ 5-6 คะแนน อาจจะรออีกสักนิดก็ได้ เพราะการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย อาจหมายถึงการใช้เงินเก็บทั้งชีวิต อย่ารีบจนพลาด
4. ทำลิสต์สิ่งที่ควรดูก่อนลงพื้นที่จริง
ผู้ซื้อควรมีสมุดโน้ตไว้จด เขียนข้อมูลที่ควรสำรวจไว้ล่วงหน้า แล้วอาจจะให้คะแนนในแต่ละหัวข้อของแต่ละโครงการ เช่น
ระดับคะแนนตามความพึงพอใจ 1-10
หัวข้อ
โครงการ A
โครงการ B
โครงการ C
1. ทำเลที่ตั้ง
2. สภาพแวดล้อมรอบนอกโครงการ เช่น มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อหรือไม่ หรือเปลี่ยนหรือไม่
3. สภาพภายในโครงการ เช่น สิ่งอำนวยความสะดวภายในโครงการ
4. รูปแบบห้องชุด หรือผังห้องชุด
5. ราคา ความคุ้มค่า
6. โปรโมชั่น
การใส่คะแนนให้กับหัวข้อต่าง ๆ ไม่มีถูกผิด เพราะทุกอย่างใส่ตามระดับความพึงพอใจของตนเอง แต่ละทำเลไม่ได้เหมาะกับทุกคน บางคนชอบทำเลแบบนี้ เพราะเหตุผลนี้ บางคนชอบอีกทำเล เพราะอีกเหตุผลหนึ่ง ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามความพึงพอใจที่เหมาะกับการใช้ชีวิตของตัวเองหรือของครอบครัว
5. ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่จริงของแต่ละโครงการ
ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ต้องลงพื้นที่สำรวจโครงการจริง ก่อนตัดสินใจ เพื่อดูว่า ทำเลจริงเป็นอย่างไร เดินทางสะดวกหรือไม่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดบ้าง เปลี่ยวหรือไม่ แล้วถ้าใครที่ทำลิสต์สิ่งที่ควรดูก่อนลงพื้นที่จริงมาแล้ว ก็สามารถใส่คะแนนความพึงพอใจได้ทันทีเมื่อเห็นทำเลและข้อมูลโครงการจริง โดยหากโครงการที่คัดกรองมาอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ควรวางแผนเส้นทางให้ดี เพื่อประหยัดเวลาในการสำรวจ

6. เปรียบเทียบรอบด้าน
เมื่อลงพื้นที่แต่ละทำเลของโครงการแล้ว ก็จะเห็นภาพว่าทำเลของโครงการไหนเป็นอย่างไร และผู้ซื้อมีความพึงพอใจมากน้อยเพียงใด ขั้นตอนต่อไปก็คือนำข้อมูลที่ได้รับมาเปรียบเทียบรอบด้าน สิ่งที่ต้องดูหลัก ๆ คือ ทำเลแต่ละโครงการเป็นอย่างไร แบรนด์และประวัติการพัฒนาโครงการที่ผ่านมา ผังห้องชุด ราคาขาย โปรโมชั่น และการดูแลหลังการขาย
ขอยกตัวอย่างการเปรียบเทียบ เช่น
โครงการ A: ทำเลดีกว่าทุกโครงการ อยู่ต้นซอย ราคาระดับกลาง แถมเฟอร์นิเจอร์และโปรโมชั่นต่าง ๆ มากกว่าโครงการ C แต่ใกล้เคียงโครงการ B เป็นแบรนด์ระดับกลาง ประวัติการพัฒนาที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์กลาง ๆ ส่วนการดูแลหลังการขายไม่โดดเด่น
โครงการ B: ทำเลใกล้เคียงโครงการ A มาก แต่แพงกว่า 10% แถมเฟอร์นิเจอร์และโปรโมชั่นต่าง ๆ มากกว่าโครงการ C แต่ใกล้เคียงโครงการ A เป็นแบรนด์ระดับกลาง ประวัติการพัฒนาที่ผ่านมายังไม่มาก ส่วนการดูแลหลังการขายไม่โดดเด่น
โครงการ C: ทำเลด้อยกว่าโครงการ A และ B ราคาสูงกว่าโครงการ A และ B แต่เป็นโครงการของแบรนด์ดัง ประวัติการพัฒนายาวนาน และมีชื่อเสียงด้านดูแลหลังการขายมาก

Developer Profile
รู้จักดีเวลลอปเปอร์แต่ละรายให้มากขึ้นผ่าน Developer Profile
จาก 3 ตัวอย่าง ผู้ซื้อสามารถเปรียบเทียบตามความพึงพอใจของตัวเอง บางคนเลือกที่ทำเล + ราคา + ข้อเสนอที่ให้ ก็สามารถเลือก A กับ B ได้ แต่ถ้าคนที่เน้นเรื่องแบรนด์ และให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลหลังการขาย อาจจะยอมจ่ายแพงหน่อยแล้วเลือกโครงการ C ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ซื้อว่า ชอบแบบไหน และมีเงื่อนไขในการใช้ชีวิตอย่างไร
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ไม่ได้นำมาพูดถึงในตัวอย่างของ 3 โครงการ คือ ผังห้องชุด ก็ถือว่ามีส่วนสำคัญมาก เพราะผู้ซื้อหลายราย อาจจะชอบเกือบทุกอย่างใน 1 โครงการ