บทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่กำลังจะมาถึง
อาชีพมีผล เช็ก 4 กลุ่มอาชีพขอสินเชื่อบ้าน ธนาคารไหนดีกับอาชีพคุณ
อัปเดตล่าสุด 24 มกราคม 2568 • ใช้เวลาอ่าน 3 นาทีซื้อบ้านหลังแรก

เมื่อต้องการจะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะกำลังมองหาคอนโด หรือตัดสินใจซื้อบ้านสักหลัง ล้วนต้องใช้เงินก้อนใหญ่ทั้งนั้น น้อยคนที่จะมีเงินสดพร้อมจ่ายค่าบ้านที่สูงปรี๊ดหลักหลายล้านบาท ส่วนใหญ่แล้วต้องยื่นขอกู้สินเชื่อบ้านจากธนาคาร ซึ่งการยื่นกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคาร คุณจะถูกตรวจสอบคุรภาพหลายประการว่ามีความสามารถในการผ่อนชำระหรือไม่
แน่นอนว่าคุณสมบัติส่วนใหญ่ย่อมเป็นการตรวจสอบรายได้, รายจ่าย, หนี้สิน และโอกาสในการสร้างหนี้สินในอนาคต (บัตรเครดิต) เพื่อวัดความสามารถในการชำระค่าผ่อนบ้าน ต่อมาคือการตรวจเครดิตบูโรย้อนหลัง 3 ปีว่าเคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ เพื่อความมั่นใจว่าผู้ขอกู้มีวินัยทางการเงิน
แต่สิ่งสำคัญอีกส่วนในการพิจารณาของธนาคาร คือเรื่อง “อาชีพของผู้กู้” เพราะอาชีพจะบ่งบอกความมั่นคงสม่ำเสมอของแหล่งรายได้ ถ้าหากมีความมั่นคงต่ำ ความเสี่ยงสูง ธนาคารอาจพิจารณาว่า แม้วันนี้มีรายได้ที่ดี แต่อนาคตที่ไม่แน่นอนอาจทำให้การผ่อนบ้านที่ต้องผ่อนเนิ่นนานนับ 10-30 ปีเกิดปัญหาได้
โอกาสของ 4 กลุ่มอาชีพในการกู้สินเชื่อบ้าน
1. ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ยินดีด้วย คุณคือคนที่ธนาคารต้องการ เนื่องจากหน่วยงานราชการเป็นต้นสังกัดที่มีความมั่นคงสูง และโอกาสที่จะถูกปลดจากการเป็นข้าราชการมีค่อนข้างน้อย ซึ่งจะทำให้การผ่อนชำระมั่นคงเช่นกัน โอกาสกู้ผ่านจึงมีสูง
นอกจากนี้ กลุ่มข้าราชการมักจะได้รับแพ็คเกจสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยพิเศษที่ถูกกว่าอาชีพอื่นจากธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดังนี้
1) โครงการบ้าน ธอส.-กบข. เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ ครั้งที่ 16 กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท สำหรับข้าราชการที่ยังรับราชการอยู่และเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
สำหรับผู้ที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม ซื้อที่ดินเปล่าที่เป็นทรัพย์ NPA ของธนาคาร ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ชำระหนี้พร้อมรีไฟแนนซ์ และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย
อัตราดอกเบี้ย
- ปีแรก 0% ต่อปี
- ปีที่ 2 เท่ากับ 3.25% ต่อปี
- ปีที่ 3 เท่ากับ 4.55% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก เท่ากับ 2.60%)
- ปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี
- ปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-1.25% ต่อปี ยกเว้นกรณีกู้ชำระหนี้/ซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันเท่ากับ 6.545% ต่อปี)
กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเงินงวดเริ่มต้นเพียงเดือนละ 4,400 บาท
2) โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2568 กรอบวงเงิน 40,000 ล้านบาท สำหรับข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงาน/เจ้าหน้าที่ของรัฐ และลูกจ้างประจำที่เป็นผู้มีสิทธิขอกู้เงินตามคำนิยามในข้อตกลงโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยประเภทไม่มีเงินฝากของธนาคาร
สำหรับผู้ที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง รีไฟแนนซ์ ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ชำระหนี้พร้อมรีไฟแนนซ์ และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย
อัตราดอกเบี้ย
- ปีที่ 1 เท่ากับ 2.50% ต่อปี
- ปีที่ 2 เท่ากับ 3.25% ต่อปี
- ปีที่ 3 เท่ากับ 3.75% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเท่ากับ 3.17% ต่อปี)
- ปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-2.25% ต่อปี
- ปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี ยกเว้นกรณีกู้ชำระหนี้/ซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR
กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเงินงวดเริ่มต้นเพียง เดือนละ 3,300 บาท
ดังนั้น ข้าราชการไม่ควรลืมที่จะศึกษาแพ็คเกจจากธนาคารรัฐอย่าง ธอส. ซึ่งมีส่วนสนับสนุนให้ข้าราชการมีบ้านได้ง่ายขึ้น

สินเชื่อบ้านธนาคารรัฐ
รวมสินเชื่อบ้านธนาคารออมสิน-ธอส. ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนสบาย
2. พนักงานบริษัทเอกชนมีรายได้ประจำ
พนักงานบริษัทเอกชนมีรายได้ประจำเป็นอีกกลุ่มที่ธนาคารมองว่ามีความเสี่ยงต่ำในการปล่อยกู้สินเชื่อบ้าน เพราะแม้มีโอกาสบ้างที่พนักงานเอกชนจะถูกลดเงินเดือน ถูกให้ออก หรือบริษัทปิดตัวลง แต่พนักงานมักจะไม่มีหนี้สินจากการทำธุรกิจ ทำให้ความเสี่ยงต่ำและโอกาสได้รับอนุมัติเงินกู้มีสูงเช่นกัน
โดยพนักงานบริษัทเอกชนสามารถมองหาแพ็กเกจสินเชื่อได้จากทุกธนาคารและทดลองเปรียบเทียบความคุ้มค่า
ทั้งนี้ ในบางองค์กรเอกชนยังมีสัญญาเป็นลูกค้ากลุ่มสวัสดิการกับธนาคารรัฐและธนาคารพาณิชย์ ทำให้พนักงานได้รับดอกเบี้ยที่ดีกว่าลูกค้าทั่วไป และองค์กรต้นสังกัดเหล่านั้นยังช่วยจ่ายดอกเบี้ยบางส่วนให้กับพนักงานอีกด้วย
ดังนั้น โปรดตรวจสอบองค์กรที่ท่านสังกัดก่อนว่ามีสิทธิสวัสดิการพนักงานในการกู้ซื้อบ้านหรือไม่
ยกตัวอย่างสินเชื่อบ้านสำหรับพนักงานบริษัทเอกชน ดังนี้
1) โครงการบ้าน ธอส. เพื่อคุณ ปี 2568 กรอบวงเงิน 60,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าทั่วไปที่มีรายได้ (Gross) ไม่เกิน 35,000 บาทต่อเดือน และไม่มีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับ ธอส.
สำหรับผู้ที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง รีไฟแนนซ์ ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม และชำระหนี้พร้อมรีไฟแนนซ์ วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อรายต่อหลักประกัน
อัตราดอกเบี้ย
- ปีที่ 1 เท่ากับ 3.50% ต่อปี
- ปีที่ 2 เท่ากับ 4.25% ต่อปี
- ปีที่ 3 เท่ากับ 4.55% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก เท่ากับ 4.10%)
- ปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี
- ปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญา ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี, ลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี, ชำระหนี้ เท่ากับ MRR
กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเงินงวดเริ่มต้นเพียงเดือนละ 4,700 บาท
3. อาชีพอิสระ (ฟรีแลนซ์)
ไม่ว่าจะเป็นค้าขายขนาดเล็ก เช่น ขายก๋วยเตี๋ยว, แผงขายของตลาดนัด, ขายของออนไลน์ ไปจนถึงอาชีพรับจ้าง/ฟรีแลนซ์ ล้วนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดที่จะไม่ได้รับอนุมัติกู้ซื้อบ้าน เพราะแหล่งรายได้มีความเสี่ยงที่จะถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจได้ง่าย แม้ว่าเอสเอ็มอีหลายรายจะมีรายได้ต่อเดือนสูงยิ่งกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วไป แต่ก็ถูกประเมินว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง
รวมถึงปัญหาอันเกิดจากอาชีพอิสระมักมีหลักฐานทางการเงินน้อย บางครั้งรับเงินเป็นเงินสดและไม่ได้นำฝากบัญชีธนาคารอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีการจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายที่ชัดเจน ซึ่งทำให้เกิดความยากลำบากในการตรวจสอบจากทางธนาคาร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นกลุ่มเสี่ยงแต่ใช่ว่าธนาคารจะปฏิเสธรับคำขอสินเชื่อบ้านแต่ต้น โดยผู้กู้ที่ต้องการกู้บ้านสามารถติดต่อสอบถามทางธนาคารที่สนใจได้เพื่อรับคำแนะนำในการเตรียมตัว แต่โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารจะขอให้ยื่นหลักฐานที่รับรองรายได้ของเรา เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ 50 ทวิ
สำหรับชาวฟรีแลนซ์ที่รับเงินเป็นงวด ๆ จากผู้จ้างงาน ซึ่งควรจะมีแสดง 6 เดือนย้อนหลัง หรือหลักฐานการเสียภาษีประจำปี รวมไปถึงหลักฐานการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนว่ามีการนำเงินเข้าบัญชีเป็นประจำ
แล้วอาชีพอิสระซื้อบ้านธนาคารไหนดี ทั้งนี้ มีบางธนาคารที่มีการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระเหล่านี้ ซึ่งอาจจะไม่ได้เตรียมตัวเรื่องหลักฐานมาก่อนกู้ซื้อบ้าน เช่น ธ.ออมสิน จะมีเจ้าหน้าที่ประจำสาขาที่ให้คำแนะนำวิธีการเดินบัญชีเพื่อวัดสภาพคล่องเป็นเวลา 6 เดือน และการจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการยื่นกู้
ดังนั้น หากมีอาชีพอิสระควรตรวจสอบเกณฑ์แต่ละธนาคารว่าต้องการหลักฐานใดบ้าง และอาจต้องเตรียมตัวเก็บเอกสารทางการเงินให้พร้อมมากกว่าอาชีพอื่น ๆ สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ
ยกตัวอย่างสินเชื่อบ้านสำหรับผู้มีอาชีพอิสระ ดังนี้
1) โครงการบ้านโครงการสินเชื่อบ้าน S-em (Self employee) ปี 2568 กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือผู้ประกอบการรายย่อย อาทิ ค้าขาย ขับแท็กซี่ หรือรับจ้าง โดยไม่มีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับ ธอส.
สำหรับผู้ที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง รีไฟแนนซ์ และชำระหนี้พร้อมรีไฟแนนซ์ วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อรายต่อหลักประกัน
อัตราดอกเบี้ย
- คงที่ ปีที่ 1-5 เท่ากับ 3.75% ต่อปี
- ปีที่ 6-10 เท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี
- ปีที่ 11-15 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี
- ปีที่ 16 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี
กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเงินงวดเริ่มต้นเพียงเดือนละ 4,400 บาท พิเศษ! ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน 1,900-2,800 บาท

ขอสินเชื่อให้ผ่านสำหรับฟรีแลนซ์
รวม 5 ทิปส์ ขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุย สำหรับฟรีแลนซ์ เช็กได้ที่นี่
4. อาชีพพิเศษ (กลุ่มวิชาชีพเฉพาะ)
สิทธิพิเศษสำหรับอาชีพเหล่านี้ที่มีความมั่นคงสูงและรายได้ค่อนข้างดีจนถึงดีมาก ธนาคารหลายแห่งมีแพ็กเกจสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เพื่อจูงใจกลุ่มคนอาชี