บทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่กำลังจะมาถึง
- คำนวณดอกเบี้ยของงวดนั้น ๆ โดยนำ “เงินต้นคงเหลือ ณ สิ้นงวดก่อนหน้า” มาคูณกับ “อัตราดอกเบี้ยต่อปี” แล้วหารด้วย 365 (หรือ 366 ในปีอธิกสุรทิน) คูณด้วย “จำนวนวันในงวดนั้น ๆ” (ซึ่งส่วนใ หญ่ คือ 30-31 วัน)
- เมื่อนำ “ค่างวดที่จ่าย” ลบด้วย “ดอกเบี้ยที่คำนวณได้” ส่วนที่เหลือจะเป็น “เงินต้นที่ถูกตัด”
- จากนั้นนำ “เงินต้นคงเหลือ ณ สิ้นงวดก่อนหน้า” ลบด้วย “เงินต้นที่ถูกตัด” เพื่อให้ได้เงินต้นคงเหลือสำหรับคำนวณดอกเบี้ยในงวดถัดไป
- ประหยัดดอกเบี้ยโดยรวม: นี่คือข้อดีที่โดดเด่นที่สุด เนื่องจากดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากเงินต้นคงเหลือที่ลดลงเรื่อย ๆ หากคุณจ่ายเงินต้นได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายค่างวดที่สูงกว่าขั้นต่ำ หรือการโปะหนี้ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดถัดไปก็จะลดลง ทำให้จำนวนดอกเบี้ยที่คุณจ่ายตลอดอายุสัญญาลดลงอย่างมาก
- หนี้หมดเร็วขึ้น: เพราะเมื่อดอกเบี้ยที่ถูกคำนวณในแต่ละงวดลดลง สัดส่วนของเงินที่คุณจ่ายในแต่ละค่างวดจะถูกนำไปตัดเงินต้นได้มากขึ้น ส่งผลให้เงินต้นลดลงเร็วขึ้น และทำให้คุณสามารถชำระคืนหนี้ได้หมดก่อนกำหนดเวลาเดิมที่วางไว้
- มีความยืดหยุ่นในการชำระ: เนื่องจากระบบลดต้นลดดอกส่งเสริมให้คุณสามารถวางแผนการชำระหนี้ได้อย่างยืดหยุ่น เช่น หากมีรายได้พิเศษหรือโบนัส คุณสามารถนำเงินมาโปะหนี้ได้โดยตรงเพื่อลดเงินต้น ซึ่งจะส่งผลให้ดอกเบี้ยลดลงทันที และสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้มากกว่าการนำเงินไปออมในรูปแบบอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
- ในช่วงเริ่มต้นของการผ่อนชำระ: เงินส่วนใหญ่ของค่างวดจะถูกนำไปจ่ายดอกเบี้ย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เงินต้นลดลง สัดส่วนของดอกเบี้ยจะลดลง ในขณะที่สัดส่วนของเงินที่นำไปตัดเงินต้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้กู้รู้สึกว่าหนี้ลดลงอย่างแท้จริง
- การคำนวณที่ซับซ้อนกว่าดอกเบี้ยแบบคงที่: เนื่องจากต้องมีการคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวันหรือแต่ละงวด ทำให้ผู้กู้อาจเข้าใจได้ยากว่าในแต่ละค่างวด เงินถูกนำไปตัดดอกเบี้ยและเงินต้นในสัดส่วนเท่าใด หากไม่มีเครื่องมือช่วยคำนวณ
- ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย: สำหรับดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate) ซึ่งจะปรับเปลี่ยนไปตามอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของตลาด เช่น MRR, MLR, MOR หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มสูงขึ้น ภาระดอกเบี้ยต่อเดือนของผู้กู้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แม้จะยังคงเป็นระบบลดต้นลดดอกก็ตาม
- ต้องมีวินัยในการบริหารจัดการ: เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลดต้นลดดอก ผู้กู้ควรมีความเข้าใจและมีวินัยในการจ่ายชำระ เช่น การโปะหนี้เมื่อมีเงินก้อน หรือการจ่ายค่างวดที่สูงกว่าขั้นต่ำ หากไม่มีการจัดการที่ดี หรือจ่ายเพียงแค่ขั้นต่ำตามสัญญา ผลประโยชน์ในการประหยัดดอกเบี้ยก็จะลดลงไปนั่นเอง
- คำนวณดอกเบี้ยรวมตลอดสัญญา
ดอกเบี้ยรวม = เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนปีที่ผ่อน
ดอกเบี้ยรวม = 800,000 บาท x 3% x 5 ปี ดอกเบี้ยรวม = 800,000 บาท x 0.03 x 5 = 120,000 บาท - คำนวณยอดรวมที่ต้องชำระ
ยอดรวมที่ต้องชำระ = เงินต้น + ดอกเบี้ยรวม
ยอดรวมที่ต้องชำระ = 800,000 บาท + 120,000 บาท = 920,000 บาท - คำนวณค่างวดต่อเดือน
ค่างวดต่อเดือน = ยอดรวมที่ต้องชำระ / จำนวนงวดทั้งหมด
ค่างวดต่อเดือน = 920,000 บาท / 60 เดือน = 15,333.33 บาท - โครงการบ้านทั้งหมด
- โครงการทาวน์โฮม
- โครงการคอนโด
- โปรโมชั่น
- บทความ
- แบรนด์บ้าน
- – เดอะ แกรนด์
- – เดอะ รอยัล เรสซิเด้นซ์
- – เพรสทีจ
- – แกรนดิโอ
- – แกรมเมอร์
- – โกลเด้น นีโอ
- – โกลเด้น วิลเลจ
- – กราวิเต้
- – นีโอ โฮม
- – อัลพีน่า
- แบรนด์ทาวน์โฮม
- – โกลเด้น ซิตี้
- – โกลเด้น ทาวน์
- – โกลดีน่า
- แบรนด์คอนโด
- – โคลส
- ข่าวและกิจกรรม
- บทความ