- ความสะดวกสบายและสบาย (Convenience & Comfort) ในการควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านสมาร์ทโฟนหรือคำสั่งเสียง ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดไฟ, ปรับอุณหภูมิแอร์, เปิดเพลง หรือแม้กระทั่งเปิดม่าน โดยไม่ต้องลุกจากที่นอนหรืออยู่ภายในบ้าน นอกจากนี้ระบบยังสามารถตั้งเวลาหรือสร้าง Scenario (สถานการณ์) ที่ซับซ้อน เช่น “ตื่นนอน” ไฟจะค่อย ๆ สว่างขึ้น ม่านเปิดออก และกาแฟเริ่มชงเอง ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก
- ระบบรักษาความปลอดภัยของ Smart Home ช่วยให้คุณอุ่นใจได้มากขึ้น เช่น กล้องวงจรปิดที่ดูได้เรียลไทม์, เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว, เซ็นเซอร์ประตูหน้าต่างที่แจ้งเตือนทันทีเมื่อมีการบุกรุก และระบบล็อคประตูอัจฉริยะที่สั่งการจากระยะไกลได้ ทำให้คุณสามารถเฝ้าระวังบ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- อุปกรณ์ Smart Home หลากหลายประเภทเป็นตัวช่วยชั้นดีในการจัดการการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟอัจฉริยะที่สามารถปรับความสว่างได้ดั่งใจ, เครื่องปรับอากาศที่ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติตามสภาพอากาศหรือเมื่อตรวจไม่พบคน, ไปจนถึงปลั๊กไฟอัจฉริยะที่สั่งตัดไฟได้เมื่ออุปกรณ์ไม่ได้ใช้งาน ทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของคุณในระยะยาวได้อย่างชัดเจน
- การควบคุมระบบ Smart Home มักทำได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, หรืออุปกรณ์ Smart Speaker (ลำโพงอัจฉริยะ) ที่รองรับคำสั่งเสียง ทำให้การสั่งการง่ายดาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม
- Smart Home สามารถช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้สูงอายุหรือผู้พิการได้มาก ด้วยการควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้จากระยะไกล ทำให้ลดความจำเป็นในการเคลื่อนไหวได้
- การที่คุณสามารถตรวจสอบสถานะบ้านของคุณได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย หรือสถานะของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปิดทิ้งไว้ จะช่วยให้คุณลดความกังวลลงได้อย่างมากเมื่ออยู่นอกบ้าน
- Smart Device
คืออุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในบ้านที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ และมีฟังก์ชันการทำงานที่ชาญฉลาด สามารถรับคำสั่งและทำงานได้โดยอัตโนมัติ หรือกึ่งอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น หลอดไฟอัจฉริยะ, เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ, กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ, ลำโพงอัจฉริยะ, ปลั๊กไฟอัจฉริยะ, เซ็นเซอร์ต่าง ๆ (ตรวจจับการเคลื่อนไหวหรือเปิด-ปิดประตู) หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอย่างตู้เย็นอัจฉริยะ - Intelligent Control System
เปรียบเสมือนสมองของ Smart Home ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหรือ Hub ในการเชื่อมต่อ ประสานงาน และควบคุมอุปกรณ์ Smart Device ต่าง ๆ ภายในบ้านให้ทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ ระบบนี้อาจอยู่ในรูปของ Smart Home Hub โดยเฉพาะ หรือ Smart Speaker (ลำโพงอัจฉริยะที่มี AI) หรือแม้แต่แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่ทำหน้าที่เป็นแผงควบคุมหลัก
ซึ่งระบบนี้จะรับคำสั่งจากผู้ใช้งาน (เช่น ผ่านแอปพลิเคชันหรือเสียง) และส่งต่อไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ทำงานตามที่ต้องการ รวมถึงยังสามารถเพิ่มการตั้งค่า Scenario หรือ Automation ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ - Smart Home Network
คือโครงข่ายการสื่อสารที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้ Smart Device และ Intelligent Control System สามารถเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ เปรียบเสมือนเส้นประสาทของบ้านอัจฉริยะ โดยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่นิยมใช้ใน Smart Home ได้แก่ Wi-Fi, Bluetooth, Zigbee, Z-Wave หรือ Thread ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีก็มีข้อดีข้อเสียและระยะการทำงานที่แตกต่างกันไป โดยเครือข่ายเหล่านี้จะรับสัญญาณคำสั่งจาก Controller และส่งต่อไปยังอุปกรณ์อัจฉริยะ เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านั้นตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ใช้งาน - คนรุ่นใหม่และคนวัยทำงาน ที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุดในการใช้ชีวิตประจำวัน ที่สามารถควบคุมบ้านได้จากทุกที่ทุกเวลา และมีความชื่นชอบในเรื่องของเทคโนโลยี
- ครอบครัวที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ เพราะบ้านอัจฉริยะจะมีระบบความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด, เซ็นเซอร์ประตู, ระบบล็อคอัจฉริยะ ช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการดูแลสมาชิกในบ้าน อีกทั้งยังมีการควบคุมด้วยเสียงหรือแอปฯ ช่วยให้ผู้สูงอายุใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเคลื่อนไหวมาก
- ผู้ที่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย ต้องการระบบเฝ้าระวังที่ทำงานตลอดเวลา สามารถแจ้งเตือนและตรวจสอบบ้านได้จากระยะไกลเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ
- ผู้ที่ต้องการประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากระบบอัจฉริยะจะช่วยให้คุณจัดการกับการใช้ไฟฟ้าและพลังงานอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เจ้าของธุรกิจหรือผู้ที่ต้องเดินทางบ่อย ระบบนี้จะช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบสถานะบ้านและควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้จากระยะไกล ทำให้หมดกังวลเรื่องบ้านเมื่อต้องออกไปทำงานหรือเดินทาง
- ผู้ที่ชื่นชอบการนำเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวัน และต้องการบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบ Smart Living
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและสัญญาณเสถียรครอบคลุมทั่วทั้งบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณวางแผนจะมีอุปกรณ์ Smart Device จำนวนมาก
- ใช้ Router ที่มีประสิทธิภาพสูง รองรับมาตรฐาน Wi-Fi ล่าสุด (เช่น Wi-Fi 6 หรือ Wi-Fi 7) และมี Bandwidth เพียงพอสำหรับอุปกรณ์ทั้งหมด
- หากบ้านมีขนาดใหญ่หรือมีจุดอับสัญญาณ ควรพิจารณาติดตั้งระบบ Mesh Wi-Fi เพื่อขยายสัญญาณให้ครอบคลุมทั่วถึงและเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้อย่างราบรื่น
- สำหรับอุปกรณ์ที่ต้องการความเสถียรสูง เช่น Smart TV หรือ Home Security Hub ควรพิจารณาการเชื่อมต่อผ่านสาย LAN หากเป็นไปได้
- Smart Devices (อุปกรณ์อัจฉริยะ) เริ่มต้นจากการเลือกซื้ออุปกรณ์อัจฉริยะที่คุณต้องการใช้งาน ตัวอย่างเช่น
- หลอดไฟอัจฉริยะที่ควบคุมผ่านแอปฯ หรือเสียง ที่สามารถปรับสีและความสว่างได้
- เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ หรือ Smart Thermostat ที่ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติหรือควบคุมจากระยะไกลได้
- กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ, เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือเซ็นเซอร์ประตู/หน้าต่าง, ระบบล็อคประตูอัจฉริยะ
- เปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดาให้เป็นอัจฉริยะด้วยการควบคุมการเปิด-ปิดไฟผ่านแอปฯ
- ลำโพงอัจฉริยะ (Smart Speaker) เช่น Google Nest, Amazon Echo สำหรับการสั่งการด้วยเสียงและเป็นศูนย์กลางการควบคุม
- เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ เข่น ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่สามารถเชื่อมต่อและควบคุมผ่านแอปฯ
- Smart Home Hub/Controller (ศูนย์กลางควบคุม) อุปกรณ์เหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อและประสานงานระหว่าง Smart Devices ต่าง ๆ ซึ่งอาจใช้มาตรฐานการสื่อสารที่หลากหลาย (เช่น Zigbee, Z-Wave, Thread) เพื่อให้สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างยี่ห้อกันได้ หรือใช้ Smart Speaker ที่มี Hub ในตัว
- กลับบ้าน – ประตูปลดล็อค ไฟหน้าบ้านเปิด แอร์เริ่มทำงาน
- เข้านอน – ไฟหรี่ลง ประตูทั้งหมดล็อค และระบบรักษาความปลอดภัยเปิด
- การทำงานอัตโนมัติที่เชื่อมโยงกับเซ็นเซอร์ เช่น เมื่อตรวจจับการเคลื่อนไหว ไฟก็จะเปิดโดยอัตโนมัติ เป็นต้น
- จะเห็นได้ว่าการเริ่มต้นทำบ้านอัจฉริยะนั้นไม่ยากเลย โดยสามารถเริ่มต้นจากค่อย ๆ เพิ่มอุปกรณ์ทีละอย่าง หรือจะลงทุนในระบบที่ครบวงจรเลยก็ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณนั่นเอง
- หลอดไฟอัจฉริยะ
หลอดไฟอัจฉริยะ (Smart Light Bulbs) ที่สามารถควบคุมการเปิด-ปิด, หรี่ไฟ, และเปลี่ยนสีได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนหรือคำสั่งเสียง สำหรับในบางรุ่นก็อาจสามารถตั้งเวลาหรือปรับแสงตามอารมณ์ได้ ช่วยประหยัดพลังงานและสร้างบรรยากาศได้ตามที่ต้องการ - สวิตช์ไฟอัจฉริยะ
สวิตช์ไฟอัจฉริยะ (Smart Light Switches) ช่วยให้คุณควบคุมหลอดไฟธรรมดาให้กลายเป็นหลอดไฟอัจฉริยะได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนหลอดไฟ สามารถสั่งงานผ่านแอปฯ และตั้งเวลาการเปิด-ปิดได้สะดวกยิ่งขึ้น - ปลั๊กไฟอัจฉริยะ
ปลั๊กไฟอัจฉริยะ (Smart Plugs) เป็นอุปกรณ์ที่เสียบเข้ากับเต้ารับปกติ และแปลงปลั๊กไฟธรรมดาให้กลายเป็นปลั๊กอัจฉริยะ ทำให้คุณสามารถควบคุมการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียบอยู่ได้จากระยะไกล รวมทั้งสามารถตั้งเวลาการทำงานได้ - ลำโพงอัจฉริยะ
ลำโพงอัจฉริยะ (Smart Speakers) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมบ้านอัจฉริยะผ่านคำสั่งเสียง (เช่น Google Assistant, Amazon Alexa) สามารถเล่นเพลง, ตั้งเตือน, ตอบคำถาม, และสั่งงานอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่น ๆ ได้ - สมาร์ตทีวี
สมาร์ตทีวี (Smart TV) เป็นโทรทัศน์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ทำให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันสตรีมมิงต่าง ๆ (Netflix, YouTube) ได้ และบางรุ่นยังเป็นศูนย์กลางในการควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่น ๆ ได้ด้วย - กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ
กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ (Smart Security Cameras) สามารถเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ช่วยให้คุณดูวิดีโอแบบเรียลไทม์บนสมาร์ทโฟนได้ทันที มาพร้อมฟังก์ชันตรวจจับความเคลื่อนไหว และในบางรุ่นยังมีไมโครโฟนกับลำโพงสำหรับการสื่อสารสองทาง เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับการรักษาความปลอดภัย - ประตูล็อกดิจิทัล
ประตูล็อกดิจิทัล (Smart Locks) มอบความสะดวกสบายในการล็อกและเปิดประตูโดยไม่ต้องพึ่งกุญแจ สามารถสั่งงานได้หลากหลายวิธี ทั้งผ่านแอปพลิเคชันมือถือ, รหัสผ่าน, ลายนิ้วมือ หรือแม้แต่เชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทโฮมและควบคุมจากระยะไกล - เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ
เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ (Smart Air Conditioners) ช่วยให้สามารถควบคุมอุณหภูมิ, ตั้งเวลาเปิด-ปิด, และโหมดการทำงานได้จากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชัน จึงมอบบ้านเย็นสบายก่อนที่คุณจะกลับถึงบ้าน และยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย - เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ
เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ (Smart Air Purifiers) สามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศในบ้านและปรับการทำงานอัตโนมัติ รวมถึงสั่งงานผ่านแอปฯ หรือตั้งเวลาการฟอกอากาศได้ เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย - ตู้เย็นอัจฉริยะ
ตู้เย็นอัจฉริยะ (Smart Refrigerators) จะมีหน้าจอสัมผัสที่สามารถดูได้ว่ามีอะไรอยู่ในตู้เย็นบ้างผ่านกล้องภายใน เพื่อช่วยในการจัดการอาหารได้ดีและประหยัดพลังงาน ลดการปิด-เปิดตู้เย็นจำนวนบ่อยครั้งได้ - เครื่องซักผ้าอัจฉริยะ
เครื่องซักผ้าอัจฉริยะ (Smart Washing Machines) สามารถสั่งงานผ่านแอปฯ เพื่อเริ่มการซัก, ตั้งเวลา, หรือเลือกโปรแกรมการซักที่เหมาะสม รวมถึงแจ้งเตือนเมื่อซักเสร็จ ช่วยให้คุณจัดการงานบ้านได้สะดวกขึ้น - หุ่นยนต์ดูดฝุ่น
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น (Robot Vacuums) มอบความสะดวกสบายด้วยการทำความสะอาดพื้นบ้านให้คุณโดยอัตโนมัติ โดยบางรุ่นมีความสามารถพิเศษในการเรียนรู้แผนที่บ้าน, กลับแท่นชาร์จเองได้ และยังสามารถ สั่งงานผ่านแอปพลิเคชันหรือคำสั่งเสียง เพื่อการควบคุมที่ง่ายดายยิ่งขึ้น - เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ
เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ (Smart Pet Feeders) ช่วยให้คุณสามารถตั้งเวลาและปริมาณการให้อาหารสัตว์เลี้ยงได้จากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชัน อีกทั้งในบางรุ่นก็มีกล้องและไมโครโฟนในตัวเพื่อโต้ตอบกับสัตว์เลี้ยงได้อีกด้วย - ระบบรดน้ำอัตโนมัติ
ระบบรดน้ำอัตโนมัติ (Smart Sprinkler Systems) สามารถเชื่อมต่อกับสภาพอากาศเพื่อปรับการรดน้ำต้นไม้ให้เหมาะสม ช่วยประหยัดน้ำและดูแลสวนของคุณให้เขียวขจีโดยไม่ต้องเฝ้าเอง - ม่านอัจฉริยะ
ม่านอัจฉริยะ (Smart Blinds/Curtains) สามารถเปิด-ปิดได้อัตโนมัติหรือสั่งงานผ่านแอปฯ/คำสั่งเสียง อีกทั้งยังสามารถตั้งเวลาเพื่อควบคุมแสงธรรมชาติที่เข้ามาในบ้านได้อีกด้วย จึงช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น - กระจกอัจฉริยะ
กระจกอัจฉริยะ (Smart Mirrors) เป็นกระจกที่มีหน้าจอแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศ, ข่าวสาร, ปฏิทิน, หรือควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่น ๆ ได้ในขณะที่คุณใช้งานกระจก - มอบความสะดวกสบายและควบคุมง่าย
- มีระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ ช่วยให้คุณเฝ้าระวังบ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรับการแจ้งเตือนทันทีหากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ
- อุปกรณ์อัจฉริยะบางชนิดสามารถช่วย Optimize การใช้พลังงานให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นได้ เช่น หลอดไฟที่หรี่ได้เอง, เครื่องปรับอากาศที่ปรับอุณหภูมิตามการใช้งาน, หรือปลั๊กไฟที่ตัดไฟเมื่อไม่ใช้งาน ทำให้คุณประหยัดค่าไฟฟ้าในระยะยาว
- เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการบ้าน ด้วยระบบอัตโนมัติช่วยลดภาระงานบ้านประจำวัน เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น, เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ, หรือระบบรดน้ำต้นไม้ ช่วยประหยัดเวลาในการทำงานบ้านของคุณได้
- บ้านอัจฉริยะสามารถปรับให้เข้ากับการใช้งานของผู้สูงอายุหรือผู้พิการได้ง่ายขึ้น ด้วยการควบคุมด้วยเสียงหรือผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้ชีวิตประจำวันมีความสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
- การติดตั้งระบบบ้านอัจฉริยะเต็มรูปแบบ อาจมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูง
- อุปกรณ์บางอย่างหรือระบบที่ซับซ้อนอาจต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคในการตั้งค่าและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ทำให้ผู้ใช้บางรายอาจรู้สึกไม่คุ้นเคย
- อุปกรณ์อัจฉริยะส่วนใหญ่ต้องอาศัยการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรืออินเทอร์เน็ต หากสัญญาณไม่เสถียรหรืออินเทอร์เน็ตล่ม อุปกรณ์เหล่านั้นก็อาจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
- เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและเก็บข้อมูลการใช้งาน อาจมีความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวหรือการถูกแฮกข้อมูลได้ หากไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นพอ
- อุปกรณ์จากผู้ผลิตที่แตกต่างกันอาจใช้โปรโตคอลการสื่อสารที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ยากต่อการเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันในระบบเดียวกัน
- อุปกรณ์บางชนิดต้องมีการเปลี่ยนหรือชาร์จแบตเตอรี่เป็นประจำ ซึ่งอาจเป็นภาระเพิ่มเติมให้กับคุณได้
- เทคโนโลยี Smart Home มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้อุปกรณ์บางอย่างอาจล้าสมัยได้ในระยะเวลาอันสั้น
- หลอดไฟอัจฉริยะ ที่สามารถหรี่แสง, ตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติ, หรือปิดได้จากระยะไกลเมื่อไม่มีใครอยู่
- ปลั๊กไฟอัจฉริยะ ที่สามารถตั้งเวลาปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น หรือสั่งปิดได้จากภายนอกบ้าน เพื่อป้องกันการใช้พลังงานโดยเปล่าประโยชน์
- เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ/เทอร์โมสตัทอัจฉริยะ จะสามารถเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของคุณ พร้อมปรับอุณหภูมิอัตโนมัติเมื่อตรวจไม่พบคน รวมทั้งยังสามารถควบคุมการเปิด-ปิดได้ตามตารางเวลา ช่วยหลีกเลี่ยงการเปิดแอร์ทิ้งไว้โดยไม่จำเป็น
- อย่างไรก็ตาม การประหยัดพลังงานจะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อผู้ใช้งานตั้งค่าและใช้งานอุปกรณ์เหล่านั้นอย่างเหมาะสม
- ระดับเริ่มต้น (Basic Smart Home) หากคุณต้องการเริ่มต้นด้วยอุปกรณ์ไม่กี่ชิ้น เช่น หลอดไฟอัจฉริยะ, ปลั๊กไฟอัจฉริยะ, หรือลำโพงอัจฉริยะ ราคาเริ่มต้นอาจอยู่ที่หลักพันบาทไปจนถึงหมื่นต้น ๆ ซึ่งทั้งนี้คุณสามารถค่อย ๆ ซื้อเพิ่มทีละชิ้นได้
- ระดับกลาง (Mid-range Smart Home) สำหรับการติดตั้งระบบที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น กล้องวงจรปิด, ประตูล็อกดิจิทัล, หรือเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ อาจมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท
- ระดับสูงหรือเต็มรูปแบบ (Advanced/Full Smart Home) ในกรณีที่ต้องการติดตั้งระบบอัตโนมัติที่เชื่อมโยงกันทั้งบ้าน รวมถึงระบบควบคุมแสงสว่าง, ระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจร, ระบบเอนเตอร์เทนเมนต์, และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะหลายชนิด ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ที่หลักแสนบาทขึ้นไป (ตั้งแต่ 100,000 บาท ไปจนถึงหลายแสนบาท)
- โครงการบ้านทั้งหมด
- โครงการทาวน์โฮม
- โครงการคอนโด
- โปรโมชั่น
- บทความ
- แบรนด์บ้าน
- – เดอะ แกรนด์
- – เดอะ รอยัล เรสซิเด้นซ์
- – เพรสทีจ
- – แกรนดิโอ
- – แกรมเมอร์
- – โกลเด้น นีโอ
- – โกลเด้น วิลเลจ
- – กราวิเต้
- – นีโอ โฮม
- – อัลพีน่า
- แบรนด์ทาวน์โฮม
- – โกลเด้น ซิตี้
- – โกลเด้น ทาวน์
- – โกลดีน่า
- แบรนด์คอนโด