เคลมประกันรถยนต์เมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด ขั้นตอนและความคุ้มครองที่ควรรู้
by admin

อุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง และอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้เราจะขับขี่ด้วยความระมัดระวังสูงสุด แต่บางครั้งสถานการณ์ก็ทำให้เราตกเป็น “ฝ่ายผิด” ในอุบัติเหตุ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ การมีประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมจะช่วยลดความยุ่งยากและความกังวลลงได้อย่างมาก การทำความเข้าใจกระบวนการเคลมประกันและขอบเขตความคุ้มครองจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง บทความนี้จะสรุปสาระสำคัญที่คุณควรรู้ เพื่อให้การจัดการหลังอุบัติเหตุเป็นไปอย่างราบรื่น
ความคุ้มครองจากประกันรถยนต์เมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด
เมื่อคุณคือฝ่ายที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ คำถามแรกที่มักเกิดขึ้นคือ ประกันรถยนต์ที่คุณทำไว้จะให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง? โดยทั่วไป ความคุ้มครองจะแบ่งออกเป็นหลายส่วน ขึ้นอยู่กับประเภทประกันภัยรถยนต์ที่คุณเลือกทำ (เช่น ประกันชั้น 1, 2+, 3+, 2, 3) แม้คุณจะเป็นฝ่ายผิด ประกันส่วนใหญ่ก็ยังคงให้ความช่วยเหลือในด้านที่สำคัญดังนี้:
1. คุ้มครองคู่กรณีและบุคคลภายนอก
นี่คือหัวใจสำคัญของประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นพื้นฐานของประกันรถยนต์ทุกประเภท ไม่ว่าคุณจะทำประกันชั้นใด บริษัทประกันจะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณีและบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึง:
- ค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมทดแทนกรณีบาดเจ็บหรือเสียชีวิต: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล หรือค่าปลงศพและค่าสินไหมทดแทนสำหรับผู้เสียชีวิต ทั้งที่เป็นคู่กรณีหรือคนเดินถนน วงเงินความคุ้มครองจะเป็นไปตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถเบิกจาก พ.ร.บ. รถยนต์ ได้อีกด้วย
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินของคู่กรณี: เช่น ค่าซ่อมรถยนต์คู่กรณี หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุที่คุณเป็นฝ่ายผิด ประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ตามวงเงินที่ระบุในกรมธรรม์ การเคลมประกันในส่วนนี้ทำให้คุณไม่ต้องรับภาระค่าซ่อมรถคู่กรณีทั้งหมดด้วยตัวเอง
2. คุ้มครองความเสียหายของรถคุณ
ในส่วนนี้ ความคุ้มครองจะแตกต่างกันอย่างมากตามประเภทประกันภัย:
- ประกันชั้น 1: ให้ความคุ้มครองครอบคลุมที่สุดสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของคุณ ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม (เช่น ชนเสาไฟฟ้า, ชนฟุตบาท) หากรถของคุณเสียหายในขณะที่คุณเป็นฝ่ายผิด ประกันชั้น 1 จะรับผิดชอบค่าซ่อมรถของคุณ
- ประกันชั้น 2+ และ 3+: ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถของคุณเฉพาะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนกับยานพาหนะทางบกด้วยกันเท่านั้น (รถชนรถ) หากคุณเป็นฝ่ายผิดในการชนกับรถคันอื่น ประกันประเภทนี้จะช่วยออกค่าซ่อมรถให้คุณตามทุนประกัน แต่จะไม่คุ้มครองหากชนวัตถุอื่น ๆ หรือชนแล้วหนี
- ประกันชั้น 2 และ 3: โดยทั่วไปจะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของคุณเอง เมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด หรือในทุกกรณี ยกเว้นบางแผนอาจมีข้อยกเว้นพิเศษ
3. คุ้มครองตัวคุณและผู้โดยสารในรถ
แม้คุณจะเป็นฝ่ายผิด ประกันรถยนต์ยังให้ความคุ้มครองสำหรับคุณและผู้โดยสารในรถของคุณในส่วนของ:
- ค่ารักษาพยาบาลและประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล: หากคุณหรือผู้โดยสารในรถได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ทุกประเภทประกันจะให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามวงเงินที่กำหนด คุณยังสามารถใช้สิทธิ์จาก พ.ร.บ. รถยนต์ ได้เช่นกัน
- การประกันตัวผู้ขับขี่: ในกรณีที่อุบัติเหตุนำไปสู่คดีอาญา (เช่น มีผู้บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต) บริษัทประกันภัยจะให้วงเงินประกันตัวคุณ เพื่อให้คุณสามารถออกมาต่อสู้คดีได้
การรับมือเมื่อเกิดอุบัติเหตุและคุณเป็นฝ่ายผิด
สิ่งสำคัญอันดับแรกเมื่อเกิดอุบัติเหตุคือ “การตั้งสติ” หายใจลึก ๆ และประเมินสถานการณ์ จากนั้นดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้:
- ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น: หากมีผู้บาดเจ็บ ให้รีบช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด อย่าตกลงค่าเสียหายกับผู้บาดเจ็บโดยตรงโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ประกัน
- ติดต่อบริษัทประกันทันที: โทรแจ้งบริษัทประกันของคุณโดยเร็วที่สุด แจ้งรายละเอียด สถานที่เกิดเหตุ และอาการบาดเจ็บ (ถ้ามี) เจ้าหน้าที่ประกันจะให้คำแนะนำเบื้องต้นและจัดส่งพนักงานเคลมมายังที่เกิดเหตุ
- ถ่ายรูปและรวบรวมข้อมูล: ถ่ายภาพความเสียหายของรถทั้งสองฝ่าย ตำแหน่งของรถก่อนเคลื่อนย้าย (หากจำเป็น) และข้อมูลของคู่กรณี รวมถึงพยานแวดล้อม (ถ้ามี)
- รอเจ้าหน้าที่ประกันและเจ้าหน้าที่ตำรวจ: อย่าเพิ่งตกลงรับผิดหรือเซ็นเอกสารใด ๆ กับคู่กรณี จนกว่าเจ้าหน้าที่ประกันจะมาถึงที่เกิดเหตุ ให้เจ้าหน้าที่ประกันเป็นผู้ดำเนินการพูดคุยและประเมินความเสียหาย หากมีข้อโต้แย้งหรือความเสียหายร้ายแรง ควรรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวัน
- เคลื่อนย้ายรถ (ถ้าปลอดภัย): หากอุบัติเหตุไม่รุนแรงและกีดขวางการจราจร หลังจากถ่ายรูปหลักฐานแล้ว ให้เคลื่อนย้ายรถไปไว้ในที่ปลอดภัยข้างทาง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
เจ้าหน้าที่ประกันภัยกำลังอำนวยความสะดวก ณ จุดเกิดอุบัติเหตุรถชน เพื่อช่วยเหลือการเคลมประกันรถยนต์เมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด
เมื่อเจ้าหน้าที่ประกันมาถึง พวกเขาจะตรวจสอบที่เกิดเหตุ ประเมินความเสียหาย และออกใบเคลมให้กับทั้งสองฝ่าย กระบวนการหลังจากนั้น บริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบการประสานงานและการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ทั้งในส่วนของคู่กรณีและส่วนของรถคุณ (หากกรมธรรม์คุ้มครอง) ในกรณีที่คู่กรณีไม่มีประกัน บริษัทประกันของคุณ (หากรถคุณมีประกันชั้น 1, 2+, หรือ 3+) จะซ่อมรถของคุณให้ก่อน จากนั้นจะดำเนินการเรียกเก็บค่าเสียหายจากคู่กรณีที่ไม่มีประกันเอง
ความสำคัญของการเลือกประกันที่เหมาะสม
การทำประกันรถยนต์ ไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามกฎหมาย แต่คือการลงทุนเพื่อความอุ่นใจในวันที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน การเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง ช่วยให้คุณทราบว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ อุบัติเหตุรถยนต์ และคุณเป็นฝ่ายผิด คุณจะได้รับการดูแลในด้านใดบ้าง การเปรียบเทียบประกันรถยนต์และเลือกแผนที่ให้ความคุ้มครองค่าสินไหมทดแทน ค่าซ่อมรถ และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและงบประมาณของคุณจึงเป็นเรื่องสำคัญ
หากคุณกำลังมองหาความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ หรือต้องการ ซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมในราคาที่เข้าถึงได้ ควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบแผนประกันจากบริษัทต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้รับความคุ้มครองสูงสุดเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันบนท้องถนน