Toyota Yaris Ativ HEV Premium VS Yaris Ativ Premium (เบนซิน) ตัวไหนดีสุดสำหรับคุณ
12 ต.ค. 68 (09:19 น.) พิมพ์
.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
แชร์เรื่องนี้
Toyota Yaris Ativ เป็นรถอีกรุ่นที่เรียกว่าขวัญใจคนไทยมายาวนาน เพราะทั้งเป็นรถที่ทรงสวยขับใช้ได้และค่าดูแลถูก แต่ถ้าจะเทียบกับคนอื่นก็ทำไปเยอะแล้ววันนี้ Sanook Auto จะทำเทียบระหว่าง Ativ Premium ราคา 6.69 แสนบาท และ Ativ Premium HEV ตัวเริ่มกับราคา 7.19 แสนบาท (จนถึงสิ้นปี 2568) ตัวเลือกไหนที่ใช่สุดวันนี้มาดูกัน
Toyota Yaris Ativ HEV VS Yaris Ativ Premium

“ราคา”ที่ต่างกัน
แน่นอนว่าปัจจัยแรกที่ต้องพิจารณาคือราคาค่าตัว ซึ่งเป็นจุดตัดสินใจแรกของใครหลายคนรู้ในข้อแรกคือ ราคา
- Toyota Yaris Ativ 1.2 Premium: ราคาประมาณ 669,000 บาท
- Toyota Yaris Ativ HEV Premium: ราคาประมาณ 719,000 บาท
“ขุมพลังและสมรรถนะ”
แม้จะใช้ตัวถังเดียวกัน แต่อารมณ์การขับขี่และพละกำลังนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
Yaris Ativ Premium (เครื่องเบนซิน)

- เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร (3NR-FKE) Dual VVT-iE
- พละกำลัง: 94 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
- แรงบิด: 110 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที
- ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i
- ฟีลลิ่ง: เป็นขุมพลังที่คุ้นเคย เน้นความนุ่มนวล ราบรื่น อัตราเร่งมาแบบเรื่อยๆ เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองและขับขี่ทางไกลแบบไม่รีบร้อน มีความทนทานและดูแลรักษาง่ายตามสไตล์เครื่องยนต์เบนซินของโตโยต้า
Yaris Ativ HEV Premium (ไฮบริด)
- เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร (M15A-FXE) + มอเตอร์ไฟฟ้า
- พละกำลัง (รวมทั้งระบบ): 111 แรงม้า
- แรงบิด (มอเตอร์ไฟฟ้า): 141 นิวตันเมตร
- ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ E-CVT
- ฟีลลิ่ง: จุดเด่นคือ อัตราเร่งช่วงออกตัวและช่วงความเร็วต่ำที่ดีกว่าชัดเจน จากแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่มาทันที ไม่ต้องรอรอบ ทำให้การขับขี่ในเมืองคล่องตัวสูงมาก ในช่วงความเร็วต่ำสามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้า (EV Mode) ได้ ซึ่งเงียบและนุ่มนวลสุดๆ การตอบสนองโดยรวมทันใจกว่าอย่างรู้สึกได้

“อัตราสิ้นเปลือง” ใครประหยัดกว่ากัน?
ใครที่มองเรื่องอัตคราสิ้นเปลืองต้องบอกว่าอันนีั้จะมีความต่างกันแล้ว
- Yaris Ativ Premium (เครื่องเบนซิน) อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: ประมาณ 23.3 กม./ลิตร (ตาม Eco Sticker)
- Yaris Ativ HEV Premium (ไฮบริด) อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: ประมาณ 29.4 กม./ลิตร (ตาม Eco Sticker)
จากที่เห็น รุ่น HEV ประหยัดกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองที่รถติดๆ หยุดๆ บ่อยครั้ง ระบบไฮบริดจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากคุณเป็นคนที่ขับรถเยอะ วิ่งในเมืองเป็นประจำ ส่วนต่างค่าน้ำมันในระยะยาวจะช่วยให้คุณคืนทุนค่าตัวรถที่แพงกว่าได้อย่างแน่นอน ส่วนถ้าวิ่งทางไกลแล้ว ถ้าเป็นคนขับเรื่อยๆ ไฮบริตจะประหยัดกว่าเล็กน้อยแต่ทั้งหมดก็ขึ้นกับสภาพการขับขคี่ี

ออปชั่นและฟังก์ชัน เหมือนหรือต่าง?
ในฐานะที่เป็นรุ่น “Premium” ทั้งคู่ ออปชั่นหลักๆ จึงให้มาใกล้เคียงกันมาก ไม่ว่าจะเป็น
- หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แต่ถ้า HEV จะได้จอ 10 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto
- ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense (TSS) ที่ HEV จะมีระบบประคองในเลนส์
- กล้องมองภาพรอบคัน (Panoramic View Monitor)
- เบาะหนังสังเคราะห์
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) พร้อม Auto Brake Hold
จุดที่ Yaris Ativ HEV Premium อาจมีเพิ่มเข้ามาเล็กน้อย คือ
- หน้าจอเรือนไมล์แบบ Digital ที่แสดงผลการทำงานของระบบไฮบริดโดยเฉพาะ
- ปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ (EV Mode / Drive Mode)
โดยรามให้เห็นภาพชัดๆ
| คุณสมบัติ | Yaris Ativ 1.2 Premium | Yaris Ativ HEV Premium |
| เครื่องยนต์ | 1.2L เบนซิน Dual VVT-iE | 1.5L เบนซิน + มอเตอร์ไฟฟ้า |
| กำลังสูงสุด | 94 แรงม้า | 111 แรงม้า (ทั้งระบบ) |
| แรงบิดสูงสุด | 110 นิวตันเมตร | 141 นิวตันเมตร (มอเตอร์) |
| อัตราสิ้นเปลือง | 23.3 กม./ลิตร | 29.4 กม./ลิตร |
| เบรกมือไฟฟ้า | มี | มี |
| Toyota Safety Sense | มี | มี + ประคองรถในเลนส์ |
| ราคา (โดยประมาณ) | 669,000 บาท | 719,000 บาท (ปกติ 729,000 บาท) |
เลือกคันไหนให้เหมาะกับคุณ?
การตัดสินใจเลือกระหว่างสองรุ่นนี้ ขึ้นอยู่กับ “ไลฟ์สไตล์การขับขี่และงบประมาณ” ของคุณเป็นหลัก โดยเราขอสรุปดังนี้
เลือก Toyota Yaris Ativ 1.2 Premium ถ้า… คุณต้องการรถที่คุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า ส่วนต่างเกือบสองแสนสามารถนำไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ ใช้งานในเมืองเป็นหลัก วิ่งระยะทางต่อวันไม่ไกลมาก หรือไม่ได้ขับรถทุกวัน ต้องการรถที่ดูแลรักษาง่าย ไม่ซับซ้อนตามมาตรฐานเครื่องยนต์เบนซิน และ คุณได้ออปชั่นความปลอดภัยและความสะดวกสบายครบครันในราคาที่ย่อมเยากว่า เพราะจ่ายไม่ข้าม 7 แสนก็ได้แล้ว
เลือก Toyota Yaris Ativ HEV Premium ถ้า… “วิ่งเยอะ”: ขับรถทุกวัน เดินทางไกลบ่อย หรือใช้รถเป็นระยะทางหลายหมื่นกิโลเมตรต่อปี ความประหยัดน้ำมันจะช่วยคุณประหยัดเงินในระยะยาวได้จริง หรือขับในเมืองต้องผจญกับสภาพรถติดเป็นประจำ ระบบไฮบริดจะแสดงศักยภาพความประหยัดได้สูงสุด ต้องการอัตราเร่งที่ทันใจ ขับสนุก คล่องตัว และชอบความเงียบของโหมดไฟฟ้า และพร้อมจ่ายเพิ่มเพื่อเทคโนโลยีที่ดีกว่า ความประหยัดในอนาคต และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า
เรียกว่าทั้ง 2 ตัวก็คุ้มไปคนละแบบยังไงก็ลองทดลองขับก่อนที่จะจ่ายเงินซื้อจะดีกว่านะ
แชร์เรื่องนี้
![[ครบชุด] 1010350 รัก](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-758.png)
![[ครบชุด] 1010351 คนเก่ง ครึ่งนึงมาจากการอบรมสั่งสอนที่ดีของพ่อแม่](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-759.png)