ทำไมคุณต้องซื้อกรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่มีค่าเสียหายส่วนแรก?
ทิปส์ประกันรถยนต์ | 14 ต.ค. 2563


ตลาดประกันรถยนต์ของไทยมีลักษณะเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ ทั้งในเอเชียและทั่วโลก ลักษณะเฉพาะที่ว่านั้นก็คือ กรมธรรม์ประกันรถยนต์ส่วนใหญ่ในประเทศไทยไม่ระบุค่าเสียหายส่วนแรก
จากความเชี่ยวชาญของ Roojai.com นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากกรมธรรม์ที่ไม่ระบุค่าเสียหายส่วนแรก ไม่ใช่ลูกค้า ผู้เอาประกัน หรือสังคมแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์โดยแท้จริงก็คือ ตัวแทนหรือนายหน้า ที่ได้รับค่า Commission จากเบี้ยประกันรถยนต์ที่สูงเกินจริง
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า ค่าเสียหายส่วนแรก คืออะไร?
ค่าเสียหายส่วนแรก คือ ค่าใช้จ่ายที่ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบตามจำนวนที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วตนเป็นฝ่ายผิดหรือไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ กล่าวง่าย ๆ คือ ค่าความเสี่ยงของผู้ขับขี่ที่ต้องรับผิดชอบเบื้องต้น ก่อนที่บริษัทประกันภัยรถยนต์จะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนที่เหลือของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม หากผู้ขับขี่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุครั้งนั้น ๆ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลกับค่าเสียหายส่วนแรกที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เพราะบริษัทประกันภัยรถยนต์จะเรียกคืนค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากบุคคลที่เป็นฝ่ายผิด และค่าเสียหายส่วนแรกจะไม่ถูกนำมาบังคับใช้กับผู้เอาประกัน
ตัวอย่าง
หากผู้ขับขี่ขับรถชนเสาในที่จอดรถ แล้วเลือกรับค่าเสียหายส่วนแรกไว้ในกรมธรรม์ 5,000 บาท และมีค่าซ่อมรถ 12,000 บาท นั่นหมายความว่าบริษัทประกันภัยรถยนต์จะจ่าย 7,000 บาท และผู้ขับขี่จะจ่าย 5,000 บาท โดยหากค่าซ่อมรถเพียง 3,000 บาท ผู้เอาประกันสามารถเลือกจ่ายเองได้ เพื่อไม่ให้เสียประวัติเคลม ด้วยวิธีนี้จะไม่ส่งผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์และส่วนลดประกันภัยรถยนต์ ประวัติดี
แล้วกรรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่ไม่ระบุค่าเสียหายส่วนแรกนั้นไม่ดียังไง?
ผู้เอาประกันโดยทั่วไป มักเชื่อว่ากรมธรรม์ที่ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรกนั้นดี ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล บริษัทประกันภัยรถยนต์จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ฟังผิวเผินอาจจะดูดีมาก หากแต่คุณได้มองลึกลงไปอีกนิดว่าเบี้ยประกันรถยนต์นั้นคำนวณอย่างไร
เมื่อไม่มีค่าเสียหายส่วนแรกแล้ว ความเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะมีการเคลมประกันกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์มีรอยบุบเล็กน้อย เมื่อมีการแจ้งเคลมประกันก็จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท บริษัทประกันภัยรถยนต์จะต้องเดินเรื่องเอกสารและจัดส่งเจ้าหน้าที่ผู้สำรวจภัยมาตรวจสอบความเสียหาย จากนั้นประสานงานกับทางอู่เพื่ออนุมัติการซ่อม หลังจากนั้นจะได้รับใบเสนอราคาจากอู่ซ่อมรถ ตรวจสอบใบเสนอราคา รับใบแจ้งหนี้ และชำระใบแจ้งหนี้ มีผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากที่ต้องจัดการเอกสารเพื่อเคลมประกัน 3,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายในการจัดการเคลมประกันที่ยังไม่รวมค่าซ่อมนั้นโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท คุณอาจจะคิดว่าคุณไม่ได้ชำระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ แต่ในความเป็นจริง การคำนวณเบี้ยประกันรถยนต์ได้รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดเหล่านี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
จากตัวเลขทางสถิติ ครึ่งหนึ่งของอุบัติเหตุนบท้องถนนที่เกิดขึ้นจะมีการเคลมประกันที่ต่ำกว่า 5,000 บาท การเคลมประกันเหล่านี้ก่อให้เกิดต้นทุนที่สูงมากสำหรับบริษัทประกันภัยรถยนต์ ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทประกันภัยรถยนต์ต่าง ๆ ได้รวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไว้ในเบี้ยประกันรถยนต์ที่คุณต้องจ่ายเรียบร้อยแล้ว
แล้วทำไมประเทศไทยถึงยังมีประกันรถยนต์ที่ไม่ระบุค่าเสียหายส่วนแรกอยู่เป็นจำนวนมาก?
ถ้าทั้งผู้เอาประกันและบริษัทประกันภัยรถยนต์ต่างฝ่ายต่างเสีย ทำไมประกันรถยนต์ที่ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรกถึงถูกมองเป็นเรื่องที่ธรรมดา คำตอบง่าย ๆ คือ เพราะผู้ที่มีส่วนได้เสียสูงสุดในการทำธุรกรรมนี้ก็คือ ตัวแทนหรือนายหน้า ซึ่งค่าตอบแทนของพวกเขาเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จะอยู่ที่ 18% ของเบี้ยประกันรถยนต์ที่ขายได้ ดังนั้นยิ่งเบี้ยสูงเท่าไรก็ยิ่งเป็นเรื่องดี ด้วยเหตุนี้กรมธรรม์ส่วนใหญ่จึงไม่ระบุค่าเสียหายส่วนแรก จึงมักโฆษณาว่า “จะดีแค่ไหนถ้าคุณไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ บริษัทประกันภัยรถยนต์จะเป็นผู้จ่ายให้คุณทั้งหมด” คุณอาจจะมองดูเป็นเรื่องที่ดี แต่ในความเป็นจริงคุณเองต่างหาก ที่ได้ชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าแล้ว
ขอยกอีกหนึ่งตัวอย่าง เพื่อให้คุณได้เห็นภาพชัดขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว ค่าซ่อมรถเฉลี่ย อยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทต่อปี บริษัทประกันภัยรถยนต์จะต้องจัดการเรื่องเคลมประกันทั้งหมด รวมถึงการเคลมเล็กน้