รถมีรอยแผลเก่าก่อนทำประกัน เคลมได้ไหม? ไขข้อข้องใจเรื่องประกันรถยนต์กับรอยแผลเดิม

June 17, 2025

รูปภาพรถยนต์สีขาวที่มีรอยขีดข่วนด้านข้าง ประกอบบทความเรื่องการทำประกันรถยนต์เมื่อรถมีรอยแผลเดิม

การทำประกันภัยรถยนต์ โดยเฉพาะประกันชั้น 1 ซึ่งให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม มักมาพร้อมคำถามคาใจว่า หากรถยนต์มีรอยขีดข่วนหรือความเสียหายเดิมอยู่ก่อนแล้ว จะยังสามารถทำประกันหรือต่ออายุได้หรือไม่ และที่สำคัญกว่านั้นคือ หากเกิดอุบัติเหตุซ้ำกับรอยเดิม จะสามารถแจ้งเคลมได้หรือไม่ และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ นี่คือข้อควรรู้เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง

รถเป็นรอยเดิม สามารถทำประกันหรือต่อประกันได้หรือไม่?

สำหรับผู้ที่ต้องการทำหรือต่อประกันภัยรถยนต์ โดยเฉพาะประกันชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด แต่รถยนต์มีรอยแผลเดิม เช่น รอยขูด รอยบุบ คำตอบคือ สามารถทำได้ แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกันภัยแต่ละแห่ง ซึ่งอาจพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ลักษณะและความรุนแรงของความเสียหาย หรือจำนวนรอยแผลที่มีอยู่

สิ่งสำคัญคือ การสื่อสารที่ตรงไปตรงมา ควรแจ้งสภาพรถยนต์ที่มีรอยแผลเดิมให้บริษัทประกันทราบล่วงหน้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด และประเมินเงื่อนไขการรับประกัน โดยส่วนใหญ่ยังคงสามารถทำประกันได้ แต่อาจมีข้อจำกัดบางประการเกี่ยวกับรอยแผลเดิมนั้นๆ การพูดคุยเจรจาเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดร่วมกันระหว่างผู้ทำประกันและบริษัทประกันภัยเป็นสิ่งจำเป็น

เมื่อรถมีรอยแผลเดิมก่อนทำประกัน สามารถเคลมได้หรือไม่ ใครรับผิดชอบ?

นี่คือประเด็นที่หลายคนกังวลใจ หากรถยนต์มีรอยแผลเก่าอยู่แล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุใหม่ขึ้น จะสามารถแจ้งเคลมความเสียหายกับบริษัทประกันภัยได้หรือไม่

รอยแผลที่เกิดขึ้นก่อนเริ่มกรมธรรม์ประกันภัย

ก่อนการอนุมัติกรมธรรม์ บริษัทประกันภัยมักจะส่งเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจสอบสภาพรถ ถ่ายรูปเก็บรายละเอียดโดยรอบ หากพบรอยแผลหรือความเสียหายเดิมที่ปรากฏชัดเจนก่อนวันที่ประกันภัยเริ่มมีผลคุ้มครอง โดยทั่วไปจะไม่สามารถแจ้งเคลมสำหรับความเสียหายจากรอยแผลเก่าดังกล่าวได้ ไม่ว่าจะเกิดกรณีใดๆ ขึ้นกับรอยนั้นในภายหลังก็ตาม

อย่างไรก็ตาม หากเป็นเพียงรอยขีดข่วนขนาดเล็ก ความลึกไม่มาก หรือเป็นเพียงสีถลอกเล็กน้อย อาจอยู่ในข่ายที่สามารถเจรจาต่อรองกับบริษัทประกันภัยได้ แต่อาจมีการแบ่งความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม หรือขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัทประกันภัยแต่ละแห่ง

รถมีรอยเดิมที่ได้แจ้งเคลมไว้กับประกันฉบับเก่าแต่ยังไม่ได้ซ่อม

ในกรณีที่คุณได้แจ้งเคลมความเสียหายกับบริษัทประกันภัยเดิมไปแล้ว แต่ยังไม่ได้นำรถเข้าซ่อมแซม และกรมธรรม์ฉบับเก่าได้หมดอายุลง ใบเคลมที่บริษัทประกันภัยออกให้จะมีอายุความคุ้มครองอยู่ ซึ่งโดยทั่วไปมีอายุประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท) คุณยังคงสามารถนำใบเคลมดังกล่าวไปใช้เคลมค่าซ่อมแซมกับบริษัทประกันภัยเดิมได้ แม้กรมธรรม์จะหมดอายุแล้วก็ตาม

ในการต่อสัญญาประกันภัยฉบับใหม่ คุณควรแจ้งเจ้าหน้าที่บริษัทใหม่ให้รับทราบว่ารถยนต์ของคุณมีรอยความเสียหายที่ได้แจ้งเคลมไว้กับบริษัทเก่าแล้วแต่ยังไม่ได้ทำการซ่อมแซม เพื่อให้มีการบันทึกข้อมูลไว้

หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นภายใต้กรมธรรม์ฉบับใหม่ และความเสียหายที่เกิดขึ้น ซ้ำเติมหรือเกิดร่วมกับรอยแผลเดิม ที่เคยแจ้งเคลมไว้กับบริษัทเก่า บริษัทประกันภัยฉบับใหม่อาจเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหาย (ใหม่) ที่เกิดขึ้น หรืออาจมีการประสานงานเพื่อร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายกับบริษัทประกันภัยเก่าที่คุณเคยแจ้งเคลมไว้ก่อนหน้านี้

สิ่งสำคัญคือ การพูดคุยชี้แจงและเจรจาเงื่อนไขกับบริษัทประกันภัยใหม่ให้ชัดเจนแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันและหาแนวทางที่ดีที่สุดในการบริหารจัดการเรื่องรอยแผลเดิมและการเคลมที่อาจเกิดขึ้น

มีรอยเดิม ควรต่อประกันที่เดิมหรือที่ใหม่ดีกว่า?

ผู้ขับขี่หลายคนอาจลังเลว่าหากรถมีรอยแผลอยู่แล้ว ควรต่อประกันกับบริษัทเดิมที่คุ้นเคย หรือลองหาบริษัทใหม่ที่มีเงื่อนไขดีกว่ากัน การตัดสินใจนี้ควรพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ควรด่วนสรุปไปเองว่าการต่อที่เดิมจะยุ่งยากน้อยกว่าเสมอไป ลองพิจารณา 2 กรณีหลักนี้

กรณีรถเป็นรอยขูดขีดหรือเสียหายที่ตัวผู้เอาประกันเป็นผู้ก่อขึ้นเอง

หากตลอดช่วงปีที่ผ่านมาคุณไม่มีประวัติการแจ้งเคลมที่เป็นฝ่ายผิด และรอยแผลที่เกิดขึ้นไม่ได้มีความเสียหายรุนแรงถึงขั้นส่งผลต่อการทำงานของตัวรถยนต์ อาจพิจารณาชะลอการแจ้งเคลมออกไปก่อน

เหตุผลสำคัญคือ บริษัทประกันภัยส่วนใหญ่มี “ส่วนลดประวัติดี” (No Claim Discount – NCD) มอบให้กับผู้ขับขี่ที่มีประวัติการขับขี่ดี ไม่มีเคลม หรือไม่มีเคลมที่เป็นฝ่ายผิด ส่วนลดนี้ช่วยลดภาระค่าเบี้ยประกันในปีถัดไปได้อย่างมาก หากค่าซ่อมแซมรอยแผลเล็กน้อยนั้นมีค่าน้อยกว่าส่วนลดประวัติดีที่คุณจะได้รับ การแจ้งเคลมอาจทำให้คุณเสียส่วนลดประวัติดีไป ทำให้ค่าเบี้ยประกันในปีถัดไปสูงขึ้น ซึ่งอาจไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับค่าซ่อมแซมเล็กๆ น้อยๆ

ส่วนลดประวัติดีมีดังนี้:

ลด 20% เมื่อไม่มีการเคลม (ฝ่ายผิด) ในปีแรก
ลด 30% เมื่อไม่มีการเคลม (ฝ่ายผิด) 2 ปีติดต่อกัน
ลด 40% เมื่อไม่มีการเคลม (ฝ่ายผิด) 3 ปีติดต่อกัน
ลด 50% เมื่อไม่มีการเคลม (ฝ่ายผิด) 4 ปีขึ้นไป

หากคุณแจ้งเคลมโดยที่คุณเป็นฝ่ายผิด แม้เพียงครั้งเดียว ส่วนลดประวัติดีที่คุณสะสมมาจะถูกลดลง 1 ขั้นในปีถัดไป ดังนั้น การประเมินว่าควรแจ้งเคลมหรือไม่ ควรคำนึงถึงผลกระทบต่อส่วนลดประวัติดีด้วย

กรณีรถเป็นรอยแผลที่เกิดจากผู้อื่น (คุณไม่ใช่ฝ่ายผิด)

หากความเสียหายหรือรอยแผลบนรถยนต์เกิดขึ้นจากความประมาทของบุคคลอื่น และคุณไม่ใช่ฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบ แนะนำให้ แจ้งเคลมเพื่อดำเนินการซ่อมแซมรอยแผลให้เรียบร้อย เนื่องจากในกรณีที่คุณไม่ใช่ฝ่ายผิด การแจ้งเคลมจะไม่ส่งผลกระทบต่อส่วนลดประวัติดีที่คุณมีอยู่ หลังจากซ่อมแซมเสร็จแล้ว คุณสามารถเลือกต่อประกันกับบริษัทเดิมหรือบริษัทใหม่ก็ได้ โดยพิจารณาจากเงื่อนไขและข้อเสนอของกรมธรรม์ว่าที่ไหนตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีที่สุด

โดยสรุป การเลือกว่าจะต่อประกันที่เดิมหรือที่ใหม่เมื่อรถมีรอยแผลเดิมนั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยทั้งสองข้างต้น เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดและไม่เสียโอกาสในการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเบี้ยประกันโดยไม่จำเป็น

ภาพประกอบแสดงแนวคิดการเคลมประกันรถยนต์อย่างชาญฉลาดสำหรับรอยขีดข่วนหรือความเสียหายเดิมบนตัวรถ

รู้ทันการเคลมประกันรถยนต์เรื่องรอยเดิม ไม่เสียผลประโยชน์

เมื่อรถยนต์มีรอยขีดข่วนหรือความเสียหาย ไม่ว่าเกิดจากสาเหตุใด หลายคนอาจกังวลใจว่าจะต้องรับผิดชอบเอง หรือแจ้งเคลมแล้วจะเสียประวัติ ลองทำความเข้าใจข้อควรรู้เกี่ยวกับการเคลมรอยเดิมให้มากขึ้น

รถเป็นรอยขูดลึก “ไม่มีคู่กรณี” แจ้งเคลมได้ไหม?

รอยขีดข่วนบนตัวรถที่เกิดจากการกระทำของผู้อื่น เช่น ถูกขูดขณะจอด หรือเกิดอุบัติเหตุแล้วคู่กรณีหนีไป มักอยู่ในกลุ่ม “ไม่มีคู่กรณี” คุณสามารถแจ้งเคลมความเสียหายนี้เพื่อนำรถไปทำสีใหม่ได้ แต่ความคุ้มครองนี้ส่วนใหญ่มีให้สำหรับประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 เท่านั้น ประกันประเภทอื่นอาจไม่ครอบคลุมความเสียหายที่ไม่มีคู่กรณี

การเคลมแบบ “เคลมสด” vs. “เคลมแห้ง” ต่างกันอย่างไร?

หากต้องการจัดการรอยขีดข่วน มีทางเลือกการแจ้งเคลม 2 แบบหลักๆ คือ เคลมสด และ เคลมแห้ง

การเคลมสด: คือการแจ้งบริษัทประกันทันที ณ จุดเกิดเหตุ มักใช้กับอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและประเมินความเสียหายได้ทันที
การเคลมแห้ง: คือการแจ้งเคลมในภายหลัง ไม่ได้แจ้งทันทีที่เกิดเหตุ มักใช้กับความเสียหายที่ไม่มีคู่กรณี เช่น ถูกขูดโดยไม่ทราบว่าใครทำ รอยขีดข่วนเล็กน้อยที่ต้องการรวบรวมหลายรอยแล้วค่อยแจ้งเคลมทีเดียว

ข้อควรระวังของการเคลมแห้ง โดยเฉพาะกรณีที่ไม่มีคู่กรณี หรือความเสียหายไม่ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร คุณอาจต้องรับผิดชอบ “ค่าเสียหายส่วนแรก” (Excess/Deductible) ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเองก่อนที่บริษัทประกันจะรับผิดชอบส่วนที่เหลือ

ค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) คืออะไร และต้องจ่ายเท่าไหร่?

ค่าเสียหายส่วนแรก คือจำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายเองเมื่อแจ้งเคลมประกัน โดยเฉพาะในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด ไม่มีคู่กรณี หรือเป็นการเคลมแบบไม่มีหลักฐานชัดเจน (เช่น เคลมแห้งสำหรับรอยขีดข่วนที่ไม่ทราบสาเหตุ) ค่าเสียหายส่วนแรกนี้ระบุไว้ในกรมธรรม์ และมักอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 3,000 บาท ต่อเหตุการณ์ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่คุณทำไว้

การจัดการเรื่องประกันรถยนต์ที่มีรอยแผลเดิมอาจดูซับซ้อน แต่ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงื่อนไขกรมธรรม์ ส่วนลดประวัติดี และค่าเสียหายส่วนแรก รวมถึงการสื่อสารและเจรจากับบริษัทประกันภัยอย่างตรงไปตรงมา จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจและดำเนินการได้อย่างถูกต้อง ไม่เสียสิทธิ์และประโยชน์ที่พึงได้รับ

หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำประกันรถยนต์เมื่อรถมีรอยแผลเดิม หรือต้องการคำแนะนำในการเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับสภาพรถของคุณ อย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย หรือลองเปรียบเทียบเบี้ยประกันจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) หรือผู้ให้บริการประกันภัยชั้นนำ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณและรถยนต์คู่ใจ

Previous Post