ZEEKR 7X: พลิกนิยาม SUV ไฟฟ้าออฟโรด ในปี 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานับทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย จากยุคแรกเริ่มที่ยังคงมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน สู่ปัจจุบันปี 2025 ที่เทคโนโลยี 800V กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ และความต้องการ “รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม” ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้นกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ท่ามกลางสมรภูมิ EV SUV ที่ดุเดือด มีผู้เล่นรายใหม่ที่กำลังสร้างปรากฏการณ์ และท้าทายทุกข้อจำกัด นั่นคือ ZEEKR 7X รถยนต์ SUV ไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่ไม่เพียงมาพร้อมสมรรถนะอันทรงพลังและความหรูหราเหนือระดับ แต่ยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการ “ลุย” ที่รถยนต์ไฟฟ้าคู่แข่งยากจะเทียบเคียง นี่ไม่ใช่แค่รถ EV อีกหนึ่งรุ่น แต่คือการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น
ZEEKR 7X: ยกระดับมาตรฐาน SUV ไฟฟ้าแห่งอนาคต
การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ ZEEKR 7X ในปี 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในตลาด “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 2025” ในประเทศไทย ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความหรูหรา ความแข็งแกร่ง และกลิ่นอายแห่งอนาคตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตั้งแต่แรกเห็น ZEEKR 7X ก็สามารถสะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายที่คมชัด ไฟหน้า Stargate Front Light Panel อันเป็นเอกลักษณ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนกราฟิกได้หลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่เพียงการออกแบบที่สวยงาม แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวล้ำของ ZEEKR ในการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสุนทรียะและฟังก์ชันการใช้งาน ความประณีตในทุกรายละเอียด ตั้งแต่กระจังหน้าจรดท้ายรถ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการนำเสนอรถยนต์ที่เหนือกว่าแค่พาหนะ แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งรสนิยมและความเป็นผู้นำ
ด้วยมิติที่ลงตัว ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป แต่ยังคงให้พื้นที่ภายในที่กว้างขวาง ด้วยความยาว 4,787 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร สูง 1,650 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,900 มิลลิเมตร ทำให้ ZEEKR 7X มีสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง ระยะต่ำสุดถึงพื้น (ground clearance) 173 มิลลิเมตร ถือว่าเพียงพอสำหรับเส้นทางที่ไม่ราบเรียบนัก ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 539 ลิตร และสามารถขยายได้มากถึง 1,978 ลิตรเมื่อพับเบาะหลัง มอบความยืดหยุ่นสูงสุดสำหรับการบรรทุกสัมภาระ ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล และที่น่าประทับใจคือ Frunk หรือที่เก็บสัมภาระด้านหน้า ขนาด 66 ลิตร ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เพิ่มความสะดวกสบายในการจัดเก็บของใช้ส่วนตัวได้อย่างเป็นระเบียบ
ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: สมรรถนะที่เร้าใจและเทคโนโลยี 800V
หัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X ก้าวข้ามขีดจำกัดของ EV SUV ทั่วไป คือขุมพลังไฟฟ้าที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน พร้อม “เทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V” ที่เป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้านการขับขี่และการชาร์จไฟ ZEEKR 7X มีให้เลือก 2 รุ่นหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน:
รุ่น Long Range RWD: ขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้พละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 km/h และสามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 700 km. (มาตรฐาน NEDC) ด้วยตัวเลขเหล่านี้ ZEEKR 7X Long Range RWD จึงเป็น “รถไฟฟ้าวิ่งไกล” ที่พร้อมพาคุณไปได้ทุกที่ด้วยความมั่นใจ พร้อมมอบ “ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ” ในทุกเส้นทาง
รุ่น Performance AWD: ขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh เช่นเดียวกัน อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 3.8 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่เรียกได้ว่าจัดจ้านในกลุ่ม “รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง” ทำความเร็วสูงสุดได้ 210 km/h และวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 600 km. (มาตรฐาน NEDC) รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพละกำลังที่เหนือกว่า การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม และความรู้สึกสปอร์ตที่เร้าใจในทุกขณะที่เหยียบคันเร่ง
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบอิสระ Multi-Link ผสานกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/50 R19 (ในรุ่น Long Range) หรือล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/40 R21 และ “คาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม Orange” (ในรุ่น Performance) ที่ทำงานร่วมกับดิสก์เบรก 4pot มอบการควบคุมที่เฉียบคมและมั่นคงในทุกย่านความเร็ว ทั้งยังให้ความรู้สึกนุ่มนวลและสปอร์ตไปพร้อมกัน
เทคโนโลยีการชาร์จ: รวดเร็ว ปลอดภัย ไร้กังวล
ในโลกของ “EV 2025” ความเร็วในการชาร์จคือปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ ZEEKR 7X โดดเด่นด้วย “เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว” ที่ล้ำสมัย รองรับหัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo ทั้งกระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW และกระแสตรง DC Fast Charging สูงสุดถึง 420 kW การชาร์จ DC ที่ 360 kW สามารถเพิ่มพลังงานจาก 10% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาที ซึ่งหมายความว่าการหยุดพักเพื่อชาร์จไฟจะใช้เวลาเทียบเท่ากับการจิบกาแฟสั้นๆ เท่านั้น ลดความกังวลเรื่องระยะทางได้อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังมาพร้อม “V2L ฟังก์ชัน” (Vehicle-to-Load) ที่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอกได้สูงสุด 3.3 kW (3,300 watts) เปลี่ยนรถให้เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์ การทำงานนอกสถานที่ หรือแม้แต่เป็นแหล่งพลังงานสำรองยามฉุกเฉิน นี่คืออีกหนึ่งนวัตกรรมที่ทำให้ ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่พร้อมสนับสนุนทุกกิจกรรมของคุณ
ทดสอบความแกร่ง: “EV SUV ลุยได้” ที่เหนือความคาดหมาย
หนึ่งในจุดขายที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างและน่าสนใจอย่างยิ่งในตลาด “SUV ไฟฟ้า” คือความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด ที่ถูกออกแบบมาให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่ไม่ได้จำกัดแค่การวิ่งบนทางเรียบ ทีมงาน ZEEKR ได้จัดให้มีการทดสอบที่เขาใหญ่ ซึ่งผมเองได้เข้าร่วมและสัมผัสประสบการณ์ตรง และต้องยอมรับว่ามันเหนือความคาดหมายอย่างมาก ก่อนหน้านี้ภาพจำของรถยนต์ไฟฟ้ากับการลุยทางฝุ่นยังเป็นเรื่องที่ผมเองก็ตั้งข้อสงสัย แต่ ZEEKR 7X ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามันทำได้จริง และทำได้ดีเกินกว่าที่คิด
ในการทดสอบ เราปรับโหมดการขับขี่เป็น “ออฟโรด” ทันทีที่เข้าสู่สนาม ช่วงล่างถุงลม หรือ “ระบบช่วงล่างถุงลมปรับได้” (Active Air Suspension with CCD) ก็ทำงานทันที ยกรถขึ้นอัตโนมัติ 230 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มระยะห่างจากพื้น ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการผ่านอุปสรรค สถานีแรกคือ “เนินสลับ” ที่ท้าทายการทำงานของช่วงล่างและระบบส่งกำลัง เมื่อล้อลอยออกจากพื้น ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะจะถ่ายเทกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะกับพื้น ทำให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่น่าทึ่งคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก แสดงให้เห็นถึงวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม
เมื่อเข้าสู่ “เนินชัน” พละกำลังอันมหาศาลของ ZEEKR 7X ไม่เป็นปัญหา สามารถไต่ขึ้นได้อย่างง่ายดาย และที่น่าประทับใจคือในจังหวะที่หยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบจัดการพลังงานทำได้อย่างนุ่มนวล ไม่รุนแรงจนล้อฟรีทิ้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่มักพบในรถยนต์ไฟฟ้ากำลังสูงบางรุ่น และเมื่อถึงจังหวะ “ลงเนินสูง” ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ทำงานได้อย่างราบรื่นเหมือนรถยุโรปพรีเมียมชั้นนำ ทำให้การลงเนินเป็นไปอย่างสบายใจและปลอดภัย
การวิ่งผ่าน “เส้นทางขรุขระ” คือบทพิสูจน์ถึงความนุ่มนวลของช่วงล่างถุงลม แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือพวงมาลัยที่นิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือตีมือแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในรถยนต์ที่เน้นสมรรถนะสูงบนทางเรียบแต่ยังสามารถลุยได้ดีเช่นนี้ กล่าวได้ว่า ZEEKR 7X สอบผ่านการทดสอบออฟโรดอย่างเหนือความคาดหมาย และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ “ประสบการณ์ขับขี่ออฟโรด” ในโลกของยานยนต์ไฟฟ้า
บน “ทางเรียบ” สมรรถนะของ ZEEKR 7X ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แรงดึงมหาศาลตามที่ระบุในคู่มือสัมผัสได้ทันที รุ่น Performance มอบความรู้สึกนุ่มนวลแต่ทรงพลัง ขณะที่รุ่น Long Range ก็ไม่ได้น้อยหน้า แรงดึงเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ช่วงล่างให้ความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ แม้รุ่น Long Range อาจจะออกแนวแข็งกว่า Performance เล็กน้อย แต่ก็ยังคงความสบายในการเดินทางไกล
ภายในห้องโดยสาร: สุนทรียภาพแห่งความหรูหราและ “นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า”
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะพบกับพื้นที่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความผ่อนคลายและ “ภายในห้องโดยสารสุดหรู” ในทุกการเดินทาง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather ที่มีชื่อเสียงด้านความนุ่มนวลและความประณีต ไม่เพียงแต่ให้ความสบายสูงสุด แต่ยังบ่งบอกถึงรสนิยมระดับสูงของผู้ครอบครอง ระบบนวดและเป่าลมในเบาะคู่หน้าจะช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการขับขี่ระยะไกล ทำให้ทุกการเดินทางกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูพลังงาน เบาะหลังที่ปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าช่วยให้ผู้โดยสารสามารถปรับอิริยาบถได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน ทำงาน หรือเพลิดเพลินกับความบันเทิง ประตูทั้ง 4 บาน และม่านบังแดดประตูคู่หลัง ยังมาพร้อมระบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายและความหรูหราอย่างแท้จริง
หัวใจของระบบสารสนเทศและบันเทิงคือหน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K ที่ให้ภาพคมชัดสมจริงทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง รับชมสื่อบันเทิง หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ และเหนือกว่านั้นคือหน้าจอ AR HUD ขนาด 36.21 นิ้ว ที่ฉายข้อมูลสำคัญขึ้นบนกระจกหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบข้อมูลโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่ม “ระบบความปลอดภัยล้ำสมัย” และความสะดวกสบายในการขับขี่อย่างมาก เสริมด้วยหน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ได้อย่างครบถ้วนและสวยงาม การทำงานทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm Process Technology ที่ให้การประมวลผลที่รวดเร็วและราบรื่น ตอบสนองทุกคำสั่งได้อย่างฉับไวไร้รอยต่อ
ประสบการณ์ด้านเสียงได้รับการยกระดับด้วย “ระบบเสียง ZEEKR Sound Pro” ที่มาพร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอจำนวน 21 จุดรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ มอบความสุนทรียภาพในการฟังเพลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถยนต์กลุ่มนี้
ความปลอดภัย: “แพลตฟอร์ม SEA” และมาตรฐานระดับโลก
ZEEKR 7X ถูกสร้างขึ้นบน “แพลตฟอร์ม SEA” (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นรากฐานที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยของ ZEEKR ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว โดยได้คะแนนสูงถึง 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก สะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง
“ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS” ของ ZEEKR 7X ทำงานร่วมกับ Dual Mobileye Chips เพิ่มความแม่นยำและเสถียรภาพในการตรวจจับสิ่งแวดล้อมรอบตัวรถ และโครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped พร้อมโครงสร้างตัวถังหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ไม่เพียงแต่เพิ่มความปลอดภัยในการชนปะทะ แต่ยังช่วยลดน้ำหนักตัวรถ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น และยังเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวถัง นี่คือการลงทุนใน “ความปลอดภัย EV” ที่ ZEEKR ให้ความสำคัญสูงสุด
ความมั่นใจในการเป็นเจ้าของ: การรับประกันและบริการ
ZEEKR ประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการเป็นเจ้าของ “รถยนต์ไฟฟ้า ZEEKR 7X” จึงมาพร้อมกับแพ็กเกจการรับประกันคุณภาพที่น่าประทับใจ:
รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty) นาน 5 ปี หรือ 150,000 km.
รับประกันแบตเตอรี่ และ มอเตอร์ นาน 8 ปี หรือ 180,000 km.
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 8 ปี หรือ 180,000 km.
ด้วยการรับประกันที่ครอบคลุมเช่นนี้ ผู้ครอบครอง ZEEKR 7X จะได้รับการดูแลตลอดเส้นทาง มั่นใจได้ในคุณภาพและบริการหลังการขาย
สรุป: ZEEKR 7X ผู้นำเทรนด์ EV SUV ในปี 2025
ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่รถยนต์ SUV ไฟฟ้าอีกคันในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2025 แต่เป็นการนำเสนอแนวคิดใหม่ที่ผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะอันทรงพลัง และ “ประสบการณ์ขับขี่ออฟโรด” เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวในแพ็คเกจเดียว ด้วยราคาคาดการณ์ที่น่าสนใจในรุ่น Long Range RWD ช่วงราคา 1,700,000 บาท และรุ่น Performance AWD ที่ช่วงราคาไม่เกิน 1,900,000 บาท (รอประกาศอย่างเป็นทางการในไทย 15 สิงหาคม 2025) ทำให้ ZEEKR 7X เป็นตัวเลือกที่น่าจับตาสำหรับผู้ที่กำลังมองหา “EV SUV” ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง การเดินทางไกล หรือการผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ นอกเส้นทาง ZEEKR 7X คือคำตอบ
สำหรับผู้ที่ไม่ได้เน้นการลุยมากนัก แต่ต้องการ “รถไฟฟ้าวิ่งไกล” ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเต็มพิกัด รุ่น Long Range RWD ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งช่วงล่างที่นุ่มนวลและออปชั่นต่างๆ ที่จัดเต็มไม่แพ้กัน ZEEKR 7X เป็นบทพิสูจน์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าสามารถมอบได้มากกว่าแค่การเดินทาง แต่เป็นประสบการณ์ที่เหนือระดับ และพร้อมสร้างนิยามใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสอนาคตของการเดินทาง ที่ซึ่งสมรรถนะ ความหรูหรา และความสามารถในการผจญภัยมาบรรจบกันอย่างลงตัว ผมขอเชิญชวนให้คุณมาสัมผัส ZEEKR 7X ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม ZEEKR 7X จึงเป็นมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป อย่ารอช้า! เยี่ยมชมโชว์รูม ZEEKR ประเทศไทย หรือลงทะเบียนเพื่อทดลองขับ แล้วคุณจะพบกับประสบการณ์การขับขี่ที่คุณไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
![[ครบชุด] XU11212 คนเราก็แปลก เชื่อคำพูดคนอื่น มากกว่าพ่อแม่ของตัวเอง](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-212.png)
![[ครบชุด] XU11213 อย่าดูถูกครอบครัวตัวเอง](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-213.png)