HAVAL JOLION 2025: เจาะลึก SUV ไฮบริดสุดคุ้มค่า ออปชั่นเหนือระดับในยุคแห่งอนาคต
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาดรถยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่เทคโนโลยีก้าวล้ำอย่างก้าวกระโดด และผู้บริโภคก็มีความต้องการที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) และระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด ในปี 2025 นี้ ตลาดรถยนต์ยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือด ไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่ยังรวมถึงนวัตกรรม คุณภาพ และออปชั่นที่ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัว และหนึ่งในแบรนด์ที่เข้ามาสร้างปรากฏการณ์และบุกเบิกตลาดนี้ได้อย่างน่าสนใจคือ Great Wall Motor (GWM) จากประเทศจีน
GWM ได้สร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในประเทศไทยจากการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่าง ORA Good Cat และรถยนต์ไฮบริดที่หลากหลายภายใต้แบรนด์ HAVAL และ TANK โดยเฉพาะ HAVAL Jolion ที่เป็นโมเดลสำคัญในเซกเมนต์คอมแพคเอสยูวี (Compact SUV) ที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในตลาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีอัจฉริยะ ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และความคุ้มค่าที่เหนือกว่าในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งในปี 2025 นี้ HAVAL Jolion ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและน่าจับตามองอย่างยิ่งในตลาดเอสยูวีไฮบริด (Hybrid SUV) ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจเป็นพิเศษ
บทความนี้ ผมจะพาทุกท่านเจาะลึก HAVAL Jolion รุ่น Ultra ซึ่งเป็นรุ่นท็อป ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ GWM ในการนำเสนอรถยนต์แห่งอนาคตในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย แม้ว่าในอดีตการจะได้ครอบครองรถยนต์ที่มีฟังก์ชันล้ำสมัยอาจต้องใช้งบประมาณสูงลิบ แต่ในปัจจุบัน GWM ได้เข้ามาพลิกโฉมสมการนี้ ทำให้เทคโนโลยีกลายเป็นเรื่องใกล้ตัว และในปี 2025 HAVAL Jolion ก็ยังคงตอกย้ำจุดยืนนี้อย่างแข็งแกร่ง
ราคา HAVAL JOLION 2025: ความคุ้มค่าที่ไม่เคยลดลง
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ HAVAL Jolion ยังคงเป็นที่นิยมคือโครงสร้างราคาที่น่าดึงดูดใจ และโปรโมชั่นที่แข่งขันได้ในตลาด โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าเป็นอันดับต้นๆ
HAVAL JOLION รุ่น Sport ราคา 799,000 บาท
HAVAL JOLION รุ่น Ultra ราคา 999,000 บาท
สำหรับรุ่น Ultra ที่เราจะเน้นในบทความนี้ แม้จะเข้าใกล้หลักล้าน แต่เมื่อพิจารณาจากออปชั่นและเทคโนโลยีที่ได้รับ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น GWM ยังคงมีแคมเปญส่งเสริมการขายที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง เช่น ส่วนลดพิเศษ หรืออัตราดอกเบี้ย 0% ซึ่งทำให้ HAVAL Jolion ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในกลุ่มรถยนต์เอสยูวีไฮบริดราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่ให้ความคุ้มค่าเกินราคาอย่างแท้จริง การตัดสินใจซื้อรถเอสยูวีไฮบริดในปี 2025 นี้ Jolion จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ควรพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ
มิติตัวถัง: สมดุลแห่งพื้นที่และการขับขี่
HAVAL Jolion รุ่น Ultra มาพร้อมมิติตัวถังที่ออกแบบมาเพื่อมอบความสมดุลทั้งในด้านความคล่องตัวในการขับขี่ในเมือง และพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางสำหรับผู้โดยสารและสัมภาระ:
ยาว 4,472 มม.
กว้าง 1,841 มม.
สูง 1,626 มม.
ระยะฐานล้อ 2,700 มม.
ความสูงใต้ท้องรถ 168 มม.
ระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,700 มม. นี้ ถือเป็นจุดเด่นที่ช่วยให้รถมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางอย่างน่าประทับใจ ซึ่งจะกล่าวถึงในรายละเอียดต่อไป ความสูงใต้ท้องรถที่ 168 มม. ก็เพียงพอสำหรับการขับขี่บนถนนในประเทศไทยที่อาจพบเจอกับสภาพพื้นผิวที่ไม่เรียบหรือน้ำท่วมขังเป็นครั้งคราว
ดีไซน์ภายนอก Haval Jolion รุ่น Ultra: ความหรูหราที่มาพร้อมความสปอร์ต
จากประสบการณ์ในวงการ ผมสามารถบอกได้ว่าการออกแบบภายนอกของ HAVAL Jolion รุ่น Ultra ยังคงสร้างความประทับใจและดูทันสมัยแม้ในปี 2025 การผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสปอร์ตเป็นสิ่งที่ Jolion ทำได้ดีเยี่ยม
กระจังหน้า Star Matrix และโลโก้ HAVAL: เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง กระจังหน้าทรงรังผึ้งขนาดใหญ่พร้อมลวดลายคล้ายดวงดาวที่เรียงตัวกัน ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งแต่ก็แฝงไว้ด้วยความละเอียดอ่อนและหรูหรา โลโก้ HAVAL ที่วางอยู่ตรงกลางอย่างลงตัวยิ่งเสริมให้รถดูมีระดับมากขึ้น
ไฟหน้า Intelligent LED: ระบบไฟหน้าที่ไม่ใช่แค่สวยงามแต่ยังฉลาดล้ำ โดยมาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED อัจฉริยะ (Intelligent LED) ที่มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ภายในโคมไฟแต่ละข้างประกอบด้วยหลอดไฟถึง 3 ดวง ทำหน้าที่ทั้งไฟต่ำและไฟสูง ให้ความสว่างคมชัด ปลอดภัยในทุกสภาพการขับขี่ นอกจากนี้ยังมี Daytime Running Light (DRL) ที่ออกแบบมาอย่างลงตัว พร้อมด้วยระบบ Welcome Light ที่ส่องสว่างเมื่อปลดล็อครถ และระบบ Follow Me Home ที่ให้แสงสว่างนำทางหลังดับเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่สร้างความสะดวกสบายและความปลอดภัยยามค่ำคืนได้อย่างดีเยี่ยม สะท้อนถึงเทคโนโลยีไฟส่องสว่างในรถยนต์ยุคใหม่
เซนเซอร์และกล้องรอบคัน: ที่บริเวณกึ่งกลางกระจังหน้าเป็นที่ติดตั้งกล้องหน้า และมีเซนเซอร์ด้านหน้าถึง 6 จุด ช่วยในการตรวจจับสิ่งกีดขวาง นอกจากนี้ ที่ด้านบนของกระจกบังลมหน้า ยังมีกล้องที่ทำหน้าที่สำคัญในการตรวจจับเส้นเลน แสงไฟ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ เพื่อสนับสนุนการทำงานของระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) ต่างๆ ของรถคันนี้
กระจกมองข้าง: ออกแบบมาให้ปรับและพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว และยังติดตั้งไฟเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitoring) รวมถึงกล้องที่ทำงานร่วมกับระบบกล้อง 360 องศาอีกด้วย
หลังคาซันรูฟพาโนรามิคขนาดใหญ่: หนึ่งในฟังก์ชันที่เพิ่มความหรูหราและความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสารได้อย่างมหาศาล สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า หรือจะสั่งการด้วยเสียงผ่านคำสั่ง “สวัสดีฮาวาล เปิดซันรูฟ” ก็ได้ ซึ่งเป็นความสะดวกสบายที่ยกระดับประสบการณ์การเดินทางไปอีกขั้น
ล้ออัลลอย: รุ่น Ultra ได้รับการอัปเกรดเป็นล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว ซึ่งแตกต่างจากรุ่น Sport ที่เป็นสีดำทั้งวง ลายล้อที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันนี้ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่สปอร์ตและพรีเมียมของตัวรถให้โดดเด่นยิ่งขึ้น จับคู่กับยางขนาด 225/55 R18 พร้อมระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ มั่นใจในทุกการควบคุม
ช่วงล่าง: ด้านหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Vertical Arm Torsion Beam) ซึ่งเป็นเซ็ตอัพที่ให้ความสมดุลระหว่างความนุ่มนวลในการขับขี่ในเมืองและความมั่นคงเมื่อใช้ความเร็ว
ไฟท้าย LED เต็มระบบ: ด้านหลังของ Jolion ยังคงเน้นความทันสมัยด้วยไฟท้าย LED เต็มระบบ พร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED และชุดดิฟฟิวเซอร์ดีไซน์สปอร์ตที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตได้อย่างลงตัว กล้องหลังติดตั้งอยู่เหนือป้ายทะเบียนพร้อมเซนเซอร์ด้านหลังอีก 6 จุด เพิ่มความมั่นใจในการถอยจอด
ดีไซน์ภายใน Haval Jolion รุ่น Ultra: สู่ยุคแห่ง “Futuristic” และความสะดวกสบาย
ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ HAVAL Jolion รุ่น Ultra ผมสัมผัสได้ถึงการออกแบบภายใต้แนวคิด “Futuristic” ที่เน้นความกว้างขวาง สะดวกสบาย และการใช้งานที่ลื่นไหล การตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ-เทา ให้ความรู้สึกหรูหราและผ่อนคลายไปพร้อมกัน
เบาะนั่ง: เบาะนั่งฝั่งคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 6 ทิศทาง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถหามุมที่เหมาะสมที่สุดได้อย่างง่ายดาย สำหรับฝั่งคนนั่งข้างปรับด้วยระบบแมนนวล 4 ทิศทาง วัสดุหุ้มเบาะให้สัมผัสที่นุ่มสบายรองรับสรีระได้ดีเยี่ยม
พวงมาลัยไฟฟ้า: พวงมาลัยไฟฟ้ามัลติฟังก์ชันหุ้มหนังสามารถปรับน้ำหนักได้ถึง 3 ระดับ (เบา, มาตรฐาน, สปอร์ต) ตามความต้องการและสไตล์การขับขี่ของผู้ใช้งาน มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ และปุ่มตั้งค่าระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) ที่ใช้งานง่ายและจัดวางได้อย่างเป็นระเบียบ
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 7 นิ้ว: เป็นศูนย์รวมข้อมูลสำคัญของตัวรถ แสดงผลได้อย่างชัดเจนและครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว รอบเครื่องยนต์ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง หรือข้อมูลระบบไฮบริด
จอ Head Up Display (HUD): ฟังก์ชันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ โดยจะฉายข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ เช่น ความเร็ว เส้นทางนำทาง หรือข้อมูลระบบ ADAS ขึ้นบนกระจกบังลมหน้า ทำให้ผู้ขับขี่สามารถรับทราบข้อมูลโดยไม่จำเป็นต้องละสายตาจากถนน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยต่างชื่นชม หากใครไม่คุ้นเคยก็สามารถตั้งค่าปิดใช้งานได้
หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว: จอขนาดใหญ่นี้เป็นหัวใจของระบบความบันเทิงและข้อมูลในรถ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ทั้งแบบไร้สายและมีสาย, Bluetooth, MP3, และ Joox รวมถึงระบบนำทาง Navigator ที่สามารถระบุตำแหน่ง Point of Interest (POI) ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน หรือห้างสรรพสินค้าได้อย่างแม่นยำ การทำงานของหน้าจอมีความรวดเร็วและลื่นไหล อินเตอร์เฟซผู้ใช้ (UI) ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย แม้จะต้องควบคุมฟังก์ชันหลายอย่างผ่านจอ แต่เมื่อใช้งานไปสักพักก็จะคุ้นเคย
กล้อง 360 องศา: เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง หน้าจอจะแสดงภาพจากกล้องหลังพร้อมมุมมอง 360 องศาที่มีความคมชัดสูง โดยจะแสดงภาพรถจำลองของเราและภาพจริงของสภาพแวดล้อมภายนอกรอบคัน ผู้ขับขี่สามารถเลือกดูกล้องแต่ละมุมได้ เพิ่มความมั่นใจในการจอดรถในพื้นที่แคบได้อย่างมาก ถือเป็นฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับรถ SUV ในปี 2025
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา: มอบความสบายสูงสุดให้กับผู้โดยสารทุกคน อย่างไรก็ตาม การปรับอุณหภูมิและระดับความแรงลมจะต้องควบคุมผ่านหน้าจอเครื่องเล่นตรงกลาง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อยสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสเป็นหลัก
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charging): เพิ่มความสะดวกสบายในยุคที่สมาร์ทโฟนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพียงแค่วางโทรศัพท์บนแท่นชาร์จก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ทันที
เบาะหลัง: นุ่มสบายรองรับการเดินทางไกลได้อย่างดีเยี่ยม พนักพิงสามารถพับได้แบบ 60:40 เมื่อพับเบาะลงจะเรียบสนิท ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้สูงสุดถึง 1,069 ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับคอมแพคเอสยูวี นอกจากนี้ยังมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มความเย็นสบายตลอดการเดินทาง จากการทดลองนั่ง ผู้โดยสารสามารถนั่งได้สบาย ไม่อึดอัด พื้นที่วางขาเหลือเฟือ
ภาพรวมของภายในห้องโดยสารจะพบว่า HAVAL Jolion มีการลดจำนวนปุ่มควบคุมทางกายภาพลงอย่างเห็นได้ชัด โดยรวบรวมฟังก์ชันส่วนใหญ่ไปไว้บนหน้าจอสัมผัสกลาง รวมถึงโหมดการขับขี่ต่างๆ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และทำความคุ้นเคยกับตำแหน่งเมนูต่างๆ ในช่วงแรก แต่เมื่อใช้งานไปสักระยะก็จะเริ่มชินและพบว่าการควบคุมผ่านหน้าจอสามารถทำได้อย่างลื่นไหลและทันสมัย
เครื่องยนต์ Haval Jolion: พลังขับเคลื่อนไฮบริดที่เหนือความคาดหมาย
หัวใจสำคัญที่ทำให้ HAVAL Jolion แตกต่างจากคู่แข่งคือระบบขับเคลื่อนไฮบริดอันทรงพลังและชาญฉลาด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยให้กำลังรวมสูงสุดถึง 190 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังเป็นแบบ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับการทำงานที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด ช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
จากประสบการณ์ด้านเทคนิค ผมสามารถยืนยันได้ว่าการเลือกใช้ระบบ DHT ใน HAVAL Jolion นั้นเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ทำให้รถสามารถปรับโหมดการทำงานได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ในความเร็วต่ำ, การใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่, การทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่ออัตราเร่งสูงสุด หรือแม้แต่การชาร์จแบตเตอรี่กลับคืนสู่ระบบผ่านการเบรกหรือการยกคันเร่ง สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ Haval Jolion มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมและอัตราการประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ
ทดสอบขับขี่ Haval Jolion รุ่น Ultra: ประสบการณ์ที่เหนือกว่าในทุกมิติ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ได้ทดลองขับขี่รถยนต์หลากหลายรุ่น ผมสามารถกล่าวได้ว่า HAVAL Jolion รุ่น Ultra มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เกินความคาดหมายสำหรับรถในเซกเมนต์นี้
อัตราเร่ง: แม้จะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แต่ด้วยการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ได้กำลังรวมสูงสุดถึง 190 แรงม้า และแรงบิด 375 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับรถคอมแพคเอสยูวีไฮบริด ในโหมดสปอร์ต การเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาประมาณ 9 วินาที ซึ่งถือว่าจัดจ้านและเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งแซงบนทางหลวง หรือการออกตัวจากสี่แยก ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่จะเข้ามาช่วยเสริมกำลังได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือแบตเตอรี่จะต้องมีประจุไฟเหลือเพียงพอ หากแบตเตอรี่เหลือน้อย กำลังที่ได้ก็จะลดลงบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของระบบไฮบริด
เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal / One Pedal): นี่คือหนึ่งในฟังก์ชันที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษใน HAVAL Jolion ระบบ One Pedal ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้ด้วยคันเร่งเพียงอย่างเดียว เมื่อยกเท้าออกจากคันเร่ง รถจะหน่วงความเร็วลงคล้ายกับการแตะเบรกเบาๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการใช้เบรกแล้ว มอเตอร์ไฟฟ้ายังสามารถปั่นไฟกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ฟังก์ชันนี้มีประโยชน์อย่างมากในการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัด ช่วยให้การขับขี่ราบรื่นและประหยัดพลังงานมากขึ้น
โหมดการขับขี่ 4 โหมด: Jolion มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 4 โหมด ซึ่งแต่ละโหมดมีการปรับแต่งการตอบสนองของคันเร่งและการทำงานของระบบส่งกำลังให้แตกต่างกันอย่างชัดเจน:
โหมดประหยัด (ECO): คันเร่งจะตอบสนองช้าลงเล็กน้อย เน้นการขับขี่ที่นุ่มนวลและประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด เหมาะสำหรับการเดินทางในเมือง หรือเมื่อไม่ต้องการอัตราเร่งที่ฉับไว
โหมดมาตรฐาน (Normal): เป็นโหมดที่เหมาะสำหรับการขับขี่ทั่วไป คันเร่งตอบสนองตามน้ำหนักเท้าอย่างเป็นธรรมชาติ ให้ความสมดุลระหว่างสมรรถนะและการประหยัด
โหมดสปอร์ต (Sport): โหมดนี้จะปลุกเร้าพละกำลังสูงสุดของรถ คันเร่งจะไวขึ้น รอบเครื่องยนต์จะสูงขึ้น ทำให้รถพุ่งทะยานได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับการเร่งแซงหรือเมื่อต้องการความสนุกสนานในการขับขี่
โหมดพื้นหิมะ (Snow): แม้จะไม่ได้ใช้งานบ่อยในประเทศไทย แต่เป็นฟังก์ชันที่แสดงถึงความใส่ใจในทุกสภาพการใช้งาน ระบบจะใช้เกียร์สูงเพื่อลดการฟรีของล้อ ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนเมื่อขับขี่บนพื้นผิวลื่น
นอกจากนี้ ยังมี โหมดสำหรับการขับลุยน้ำ โดยในโหมดนี้เครื่องยนต์จะทำงาน 100% และจะตัดการทำงานของระบบไฮบริดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทนทานและความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
ช่วงล่าง: ช่วงล่างของ HAVAL Jolion มีการเซ็ตอัพที่ให้ความรู้สึก “เฟิร์ม” แต่ไม่ถึงกับกระด้าง ซึ่งแตกต่างจาก Haval H6 ที่จะออกไปทางนุ่มนวลกว่าเล็กน้อย การเซ็ตอัพแบบนี้ช่วยให้รถมีความมั่นคงและยึดเกาะถนนได้ดีเมื่อใช้ความเร็วสูง หรือเข้าโค้งด้วยความเร็วปานกลาง โดยเฉพาะเมื่อต้องสาดโค้งแรงๆ ก็ยังให้ความรู้สึกมั่นใจ ในความเร็วต่ำ การซับแรงกระแทกจากหลุมบ่อหรือพื้นผิวที่ไม่เรียบทำได้ดี ความเร็วสูงตัวรถนิ่งและควบคุมได้ง่าย ไม่มีอาการดีดเมื่อขึ้นหรือลงคอสะพานด้วยความเร็ว ทำให้การเดินทางราบรื่นและปลอดภัย
การเก็บเสียง (NVH): ในส่วนของการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารนั้น อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้สำหรับรถในเซกเมนต์นี้ เสียงรบกวนจากภายนอกจะเริ่มเล็ดลอดเข้ามาบ้างที่ความเร็วประมาณ 110 กม./ชม. ขึ้นไป โดยเฉพาะเสียงลม ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพคเอสยูวีที่เน้นความคุ้มค่า ผู้ผลิตได้พยายามลดเสียงรบกวนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยีที่มี
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control – ACC): HAVAL Jolion รุ่น Ultra มาพร้อมกับระบบ ACC ที่ทำงานร่วมกับกล้องติดรถยนต์ ADAS และชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของ Mobileye ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูง ระบบนี้สามารถควบคุมรถให้อยู่ในช่วงความเร็วที่กำหนด และจะปรับลดความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า รวมถึงความสามารถในการหยุดนิ่งและออกตัวใหม่ (Stop & Go) ตามรถคันหน้าได้อย่างนุ่มนวล จากการทดสอบ ระบบทำงานได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติ ไม่มีอาการกระชากหรือเบรกหัวทิ่มเมื่อรถคันหน้าชะลอความเร็ว ทำให้การขับขี่ทางไกลหรือในสภาพการจราจรติดขัดเป็นไปอย่างผ่อนคลายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ถือเป็นฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับรถยุค 2025
ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (Intelligent Parking Assist – IIP): นี่คือหนึ่งในจุดเด่นที่สร้างความประทับใจให้กับผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ระบบนี้ใช้เซนเซอร์และกล้องรอบคันในการตรวจสอบและตรวจจับช่องจอดหรือจุดจอดรถ ไม่ว่าจะเป็นการจอดแบบแนวตรง แนวเฉียง หรือการจอดเทียบข้าง จากนั้นระบบจะเข้าควบคุมพวงมาลัยและคันเร่งเพื่อนำรถเข้าจอดโดยอัตโนมัติ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ประสบปัญหาในการจอดรถในพื้นที่แคบ แม้ว่าระบบอาจจะใช้เวลาในการประมวลผลและเข้าจอดบ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือการจอดที่ตรงเป๊ะและแม่นยำ อย่างไรก็ตาม ระบบจะทำงานได้ดีที่สุดภายใต้เงื่อนไขที่เส้นแบ่งช่องจอดมีความชัดเจน หรือมีรถคันอื่นจอดอยู่ก่อนหน้าเพื่อให้ระบบใช้เป็นจุดอ้างอิง
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง: ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น จากการทดสอบของผม หากขับขี่โดยเน้นการประหยัดและใช้ประโยชน์จากระบบไฮบริดและ One Pedal Driving ได้อย่างเต็มที่ อัตราสิ้นเปลืองสามารถทำได้ดีถึงประมาณ 17-19 กม./ล. ซึ่งถือว่าน่าประทับใจมากสำหรับเอสยูวีขนาดนี้ แต่หากเป็นการขับขี่ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ที่มีการเร่งแซงบ้างและไม่ได้เน้นประหยัดเป็นพิเศษ อัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ประมาณ 14 กม./ล. ซึ่งก็ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ และเทียบเท่ากับรถเอสยูวีทั่วไปที่มีขนาดใกล้เคียงกัน
สรุป: HAVAL JOLION 2025 ทางเลือกที่เหนือกว่าสำหรับคนยุคใหม่
หลังจากได้เจาะลึกและสัมผัสประสบการณ์กับ HAVAL Jolion รุ่น Ultra ในบริบทของตลาดปี 2025 ผมสามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่ารถคันนี้ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและคุ้มค่าอย่างยิ่งในตลาดคอมแพคเอสยูวีไฮบริด ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ แต่กลับอัดแน่นไปด้วยออปชั่นและเทคโนโลยีระดับสูงที่โดยปกติจะพบในรถยนต์ที่มีราคาสูงกว่ามาก
HAVAL Jolion ผสมผสานดีไซน์ที่ทันสมัย ห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบาย สมรรถนะการขับขี่ที่จัดจ้านจากระบบไฮบริดอัจฉริยะ และที่สำคัญที่สุดคือระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS ที่ครบครัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว หรือการเดินทางไกลที่ต้องการความสะดวกสบายและความมั่นใจ HAVAL Jolion ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว
ในยุคที่เทคโนโลยีกำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง GWM ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำและคุ้มค่าได้อย่างแท้จริง และ HAVAL Jolion ก็เป็นตัวแทนที่ยอดเยี่ยมของปรัชญานี้ หากคุณกำลังมองหารถยนต์เอสยูวีไฮบริดที่มาพร้อมกับนวัตกรรม ดีไซน์ที่ดึงดูดใจ ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และความคุ้มค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ในปี 2025 นี้ HAVAL Jolion คือหนึ่งในตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด
สีที่มีให้เลือกสำหรับ HAVAL JOLION:
สีดำ (Sun Black)
สีเทา (Ayers Gray)
สีขาว (Hamilton White)
สีแดง (Burgundy Red)
มาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยตัวคุณเอง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามวงการยานยนต์มาอย่างยาวนาน ผมกล้าพูดได้เลยว่า HAVAL Jolion 2025 คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตามองที่สุดในตลาดปัจจุบัน หากคุณกำลังมองหา SUV ไฮบริดที่ครบครันทั้งดีไซน์ สมรรถนะ เทคโนโลยี และความคุ้มค่าเกินราคา ผมขอแนะนำให้คุณสัมผัสประสบการณ์การขับขี่จริงด้วยตัวคุณเองที่ผู้จำหน่าย GWM ใกล้บ้าน เพื่อพิสูจน์ทุกคำกล่าวและค้นพบว่าทำไม HAVAL Jolion จึงเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมรถคันนี้ถึงได้รับคำชมอย่างกว้างขวางและยังคงเป็นผู้นำเทรนด์ในเซกเมนต์นี้ต่อไปในปี 2025 นี้
![[ครบชุด] XU11297 ลูกเก็บมาเลี้ยงดีกว่าลูกในไส้](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-296.png)
![[ครบชุด] XU11298 ลูกคือภาระ คุณก็ภาระ หลง รักแฟนเพจ](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/11/image-297.png)