[ครบชุด] 1211176 เลขาเฉพาะกิจ ยังไม่ชินนิดหน่อย

ZEEKR 7X: นิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้าหรู สมรรถนะเหนือชั้นพร้อมลุยทุกเส้นทางแห่งปี 2025

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของรถยนต์พลังงานสะอาด จากยุคเริ่มต้นที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานขั้นพื้นฐาน สู่ยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ก้าวข้ามขีดจำกัดอย่างไม่เคยมีมาก่อน และในปี 2025 นี้เอง เรากำลังจะได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่พร้อมจะพลิกโฉมตลาด SUV ไฟฟ้าอย่างแท้จริง นั่นคือ ZEEKR 7X ยานยนต์ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่คือผลลัพธ์ของการผสานรวมความหรูหรา สมรรถนะที่เร้าใจ และขีดความสามารถในการบุกตะลุยได้อย่างเหนือความคาดหมาย

หลายคนอาจมองว่า SUV ไฟฟ้า ในตลาดปัจจุบันเน้นการขับขี่บนทางเรียบเป็นหลัก แต่ ZEEKR 7X ฉีกกรอบความคิดเดิมๆ ด้วยการนำเสนอแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว ความสะดวกสบายในการขับขี่ระยะไกล หรือแม้แต่การออกผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ นอกเส้นทางออฟโรดเบาๆ รถคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ขับขี่แห่งอนาคตอย่างแท้จริง

จากข้อมูลและประสบการณ์ที่ผมได้คลุกคลีกับเทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้า มาอย่างต่อเนื่อง ZEEKR 7X ได้รับการจับตาเป็นพิเศษด้วยแนวคิดการออกแบบที่ล้ำสมัย ผสานกับขุมพลังไฟฟ้า 800V ที่เป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ยุคใหม่ และการปรับจูนช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม จนกล้าประกาศตัวว่าเป็น SUV ไฟฟ้าที่สามารถลุยได้ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่หาได้ยากยิ่งในตลาดปัจจุบัน บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ ZEEKR 7X ตั้งแต่สเปกทางเทคนิค ฟังก์ชันการใช้งาน นวัตกรรมความปลอดภัย ไปจนถึงประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่าง เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไม ZEEKR 7X จึงเป็นหนึ่งใน รถ EV รุ่นใหม่ 2025 ที่น่าจับตามองมากที่สุด

การออกแบบที่สะท้อนถึงอนาคต: หรูหราและเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์

ZEEKR 7X ดึงดูดทุกสายตาด้วยการออกแบบภายนอกที่ผสมผสานความแข็งแกร่งของ SUV เข้ากับเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและทันสมัย กระจังหน้าแบบปิดอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้า ผสานเข้ากับระบบไฟหน้า Stargate Front Light Panel ที่สามารถปรับเปลี่ยนกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ ไม่เพียงแต่เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ แต่ยังสร้างลูกเล่นและบ่งบอกตัวตนของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าหรู

มิติตัวถังที่ยาว 4,787 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร และสูง 1,650 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อที่กว้างถึง 2,900 มิลลิเมตร ทำให้ ZEEKR 7X มีสัดส่วนที่ลงตัว มอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและดูโอ่อ่า นอกจากนี้ ระยะต่ำสุดถึงพื้นที่ 173 มิลลิเมตร ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่บ่งบอกถึงศักยภาพในการบุกตะลุยได้เหนือกว่า SUV ไฟฟ้าทั่วไป ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 539 ลิตร และสามารถเพิ่มได้มากถึง 1,978 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง รวมถึงช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) ขนาด 66 ลิตร ยังตอกย้ำถึงความอเนกประสงค์ของ รถครอบครัวไฟฟ้า คันนี้ ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการเดินทาง

ในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อย เช่น ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว (และตัวเลือก 21 นิ้วแบบ Forged สำหรับรุ่น Performance) พร้อมคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม 4 pot ที่โดดเด่น ยังช่วยเสริมให้ ZEEKR 7X ดูสปอร์ตและดุดันยิ่งขึ้น ประตูทั้งสี่บานที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึงม่านบังแดดประตูคู่หลังแบบไฟฟ้า ล้วนเป็นฟังก์ชันที่สะท้อนถึงความหรูหราและความใส่ใจในรายละเอียดที่หาได้ยากในรถยนต์ระดับเดียวกัน

หัวใจแห่งสมรรถนะ: ขุมพลังไฟฟ้า 800V ที่เร้าใจและประหยัดพลังงาน

ZEEKR 7X มาพร้อมทางเลือกขุมพลังสองรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ขับขี่ โดยทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh บนสถาปัตยกรรม 800V อันล้ำสมัย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่โดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพการชาร์จที่รวดเร็วและจัดการพลังงานได้ดีเยี่ยม ทำให้ แบตเตอรี่รถไฟฟ้า ทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ

รุ่น Long Range RWD: ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้พละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ถ่ายทอดลงสู่ล้อคู่หลัง ทำให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.0 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. จุดเด่นของรุ่นนี้คือระยะทางวิ่งที่ทำได้มากกว่า 700 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน รถยนต์ไฟฟ้าระยะไกล ที่น่าประทับใจที่สุดในตลาด ทำให้การเดินทางข้ามจังหวัดเป็นเรื่องง่ายดายไร้กังวล

รุ่น Performance AWD: สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุด รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ให้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาล 710 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ผ่าน ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ไฟฟ้า อัจฉริยะ ทำให้การออกตัวเป็นไปอย่างดุดัน เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเพียง 3.8 วินาที ซึ่งทัดเทียมกับซูเปอร์คาร์หลายรุ่น ด้วยความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. แม้จะมีพละกำลังที่สูงกว่า แต่รุ่น Performance AWD ยังคงมอบระยะทางวิ่งที่น่าประทับใจกว่า 600 กม. (NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่าเทคโนโลยี 800V ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่สวยงาม แต่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X สามารถรองรับ การชาร์จเร็ว DC สูงสุดถึง 420 kW ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราการชาร์จที่เร็วที่สุดในปัจจุบัน ทำให้การชาร์จจาก 10-80% ใช้เวลาเพียง 13-16 นาที เมื่อใช้หัวชาร์จ DC 360 kW ที่สำคัญ ZEEKR 7X ยังมาพร้อมระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก V2L (Vehicle-to-Load) สูงสุด 3.3 kW (3,300 วัตต์) ที่ช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์หรือใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าฉุกเฉิน ยิ่งตอกย้ำถึงความคุ้มค่าและครบครันของ รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นนี้

ปลดล็อกขีดจำกัดแห่งการผจญภัย: สมรรถนะออฟโรดอันเหนือชั้น

จุดขายที่โดดเด่นและแตกต่างที่สุดของ ZEEKR 7X คือความสามารถในการขับขี่แบบ ออฟโรดไฟฟ้า ได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในตลาด SUV ไฟฟ้า โดยเฉพาะรถที่เน้นความหรูหราเป็นหลัก ในการทดสอบภาคสนามที่ผมมีโอกาสได้สัมผัส ZEEKR 7X ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะที่เกินความคาดหมายอย่างแท้จริง

หัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X แตกต่างคือ ช่วงล่างถุงลม (Active Air Suspension with CCD) ที่สามารถปรับระดับความสูงอัตโนมัติได้ เมื่อเข้าสู่โหมดออฟโรด ช่วงล่างจะยกตัวขึ้นเพิ่มระยะ Ground Clearance เป็น 230 มม. ซึ่งช่วยให้การผ่านอุปสรรคต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นและง่ายดาย ในสถานีทดสอบเนินสลับ หรือ “ตัวหนอน” ช่วงล่างแสดงประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม การให้ตัวของระบบกันสะเทือนนั้นนุ่มนวลอย่างเหลือเชื่อ ทำให้ล้อที่เหลือสามารถยึดเกาะกับพื้นผิวได้อย่างมั่นคง และส่งกำลังไปยังล้อเหล่านั้นอย่างแม่นยำ ทำให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างไม่ติดขัด ตัวรถมีการโคลงตัวน้อยมากเมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน

เมื่อเจอเนินชัน ZEEKR 7X ก็แสดงให้เห็นถึงพละกำลังและแรงบิดมหาศาลของมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถไต่ขึ้นได้อย่างง่ายดาย และที่น่าประทับใจคือระบบจัดการพลังงานที่ชาญฉลาด เมื่อหยุดรถกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบจะส่งกำลังได้อย่างนุ่มนวล ไม่กระโชกโฮกฮาก ทำให้ล้อไม่เกิดอาการฟรีทิ้ง ขณะลงเนินชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ทำงานได้อย่างราบรื่นและมั่นคง ให้ความรู้สึกคล้ายกับการขับขี่รถยุโรประดับพรีเมียม ช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การขับขี่บนเส้นทางขรุขระก็เป็นอีกบทพิสูจน์ที่สำคัญ ด้วยช่วงล่างถุงลมที่มอบความนุ่มนวลขั้นสุด แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือพวงมาลัยที่ยังคงนิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือตีมือแม้แต่น้อย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการออกแบบระบบบังคับเลี้ยวและช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม การทดสอบ ซีคาร์ 7X ออฟโรด ครั้งนี้ ทำให้ผมได้ข้อสรุปว่า ZEEKR 7X ไม่ได้เป็นเพียง SUV ไฟฟ้าที่หรูหรา แต่ยังเป็นรถที่พร้อมจะพาคุณออกไปสัมผัสกับโลกกว้างได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ ZEEKR 7X มีความโดดเด่นและเป็นตัวเลือกที่แตกต่างอย่างแท้จริงในตลาด SUV ไฟฟ้า 2025

ห้องโดยสารพรีเมียม: นวัตกรรมและสัมผัสแห่งความหรูหรา

ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คุณจะพบกับพื้นที่ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับในทุกรายละเอียด เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa คุณภาพสูง ซึ่งเป็นที่ยอมรับในเรื่องความนุ่มนวลและสัมผัสที่หรูหรา ไม่เพียงแต่ให้ความสบายสูงสุด แต่ยังสะท้อนถึงรสนิยมอันโดดเด่นของเจ้าของรถ

เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการขับขี่ระยะไกลหรือหลังจากการทำงานอันหนักหน่วง เปลี่ยนทุกการเดินทางให้เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนและฟื้นฟูพลังงาน เบาะหลังสามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าได้เช่นกัน ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารสามารถปรับองศาการนั่งให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การพักผ่อน หรือการรับชมความบันเทิง ทำให้ห้องโดยสารด้านหลังกลายเป็นเสมือนห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบภายในที่คำนึงถึงสรีระและอิริยาบถของผู้โดยสารทุกท่าน

ระบบสาระบันเทิงและเทคโนโลยีภายในห้องโดยสารคือจุดเด่นที่ไม่ควรมองข้าม ZEEKR 7X มาพร้อมหน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K ที่ให้ภาพคมชัดและสีสันสดใส มองเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง การดูภาพยนตร์ หรือการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ

เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ หน้าจอ AR HUD (Augmented Reality Head-Up Display) ขนาดใหญ่ถึง 36.21 นิ้ว จะฉายข้อมูลสำคัญขึ้นบนกระจกหน้ารถโดยตรง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบข้อมูลการเดินทาง ความเร็ว หรือการนำทาง โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน และสำหรับข้อมูลการขับขี่หลัก จะแสดงผลผ่านหน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว ที่ออกแบบมาให้สวยงามและเข้าใจง่าย

การทำงานของระบบหน้าจอทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 5nm ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับเรือธงที่ให้ประสิทธิภาพการประมวลผลที่รวดเร็วและราบรื่น ทำให้การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอเป็นไปอย่างคล่องตัว ไร้รอยต่อ และตอบสนองทุกคำสั่งได้อย่างฉับไว

เติมเต็มประสบการณ์ความบันเทิงด้วยระบบเสียง ZEEKR Sound Pro ที่มาพร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอถึง 21 ตำแหน่งรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความดื่มด่ำในสุนทรียภาพของเสียงดนตรีได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งาน รถยนต์ไฟฟ้าหรู ในปี 2025 คาดหวัง

ความปลอดภัยระดับโลก: อุ่นใจในทุกเส้นทาง

ZEEKR 7X ไม่เพียงแต่มอบความสะดวกสบายและสมรรถนะ แต่ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคน ตัวรถสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง และให้ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม

ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานระดับโลก โดย ZEEKR 7X ได้รับการจัดอันดับ Euro NCAP 5 ดาว ด้วยคะแนนการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ที่ 91% และการปกป้องผู้โดยสารเด็กที่ 90% ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของสมาชิกทุกคนในครอบครัว

ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ ZEEKR AD ทำงานร่วมกับชิป Dual Mobileye อันทรงพลัง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในด้านความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดภาระของผู้ขับขี่ในการเดินทาง ระบบนี้ครอบคลุมฟังก์ชันต่างๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ต้องมีใน รถ EV รุ่นใหม่ 2025

นอกจากนี้ โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบ Single Piece Die-Cast ชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและความปลอดภัยของห้องโดยสารได้อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดน้ำหนักตัวรถ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านวิศวกรรมที่ผู้เชี่ยวชาญอย่างผมให้ความชื่นชม

ตำแหน่งในตลาดและความคุ้มค่า: ZEEKR 7X ในปี 2025

เมื่อมองภาพรวมของตลาด SUV ไฟฟ้า ในปี 2025 ZEEKR 7X ถือเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและน่าจับตามองอย่างยิ่ง แม้ว่า ZEEKR ประเทศไทย จะยังไม่ได้ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ แต่จากราคาคาดการณ์ (นำเข้า CBU จากจีน) ที่ 1,700,000 บาท สำหรับรุ่น Long Range RWD และไม่เกิน 1,900,000 บาท สำหรับรุ่น Performance AWD ถือเป็นราคาที่น่าสนใจอย่างมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี สมรรถนะ ความหรูหรา และเหนือสิ่งอื่นใดคือความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดเบาๆ ที่หาตัวจับยาก

การรับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนาน 8 ปี หรือ 180,000 กม. ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเป็นเจ้าของ รถยนต์ไฟฟ้า แบรนด์ใหม่ในตลาดประเทศไทย

ZEEKR 7X ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพียงแค่คู่แข่งในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง แต่มาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ ด้วยการผสานรวมเอาสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบความแรง ความหรูหรา หรือการผจญภัย ZEEKR 7X ก็พร้อมที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างเหนือความคาดหมาย

สรุปและบทเชิญชวน

จากการวิเคราะห์อย่างละเอียดในฐานะผู้มีประสบการณ์ในวงการยานยนต์ไฟฟ้ากว่าสิบปี ผมสามารถยืนยันได้ว่า ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ SUV ไฟฟ้าธรรมดา แต่เป็นวิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่จับต้องได้ มันคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะอันเร้าใจ ความหรูหราเหนือระดับ และขีดความสามารถในการบุกตะลุยที่หาได้ยากในตลาด รถ EV รุ่นใหม่ 2025

ถ้าคุณกำลังมองหา SUV ไฟฟ้า ที่ไม่เพียงแต่มอบการเดินทางที่ราบรื่นและสะดวกสบาย แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมทางที่พร้อมจะพาคุณไปผจญภัยในโลกกว้างได้อย่างมั่นใจ ZEEKR 7X คือคำตอบที่คุณตามหา ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Long Range RWD ที่เน้นระยะทางวิ่งไกล หรือรุ่น Performance AWD ที่มอบพละกำลังอันเหลือเฟือ ทั้งสองรุ่นต่างมาพร้อมแพ็คเกจที่ครบครัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ZEEKR ในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับขี่

อย่าพลาดโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการยานยนต์ครั้งสำคัญนี้ ผมขอเชิญชวนให้คุณสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตกับ ZEEKR 7X ด้วยตัวคุณเอง เตรียมพบกับราคาอย่างเป็นทางการและรายละเอียดเพิ่มเติมในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 นี้ ที่โชว์รูม ZEEKR ประเทศไทย ใกล้บ้านคุณ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไม ZEEKR 7X ถึงเป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่มันคือนิยามใหม่ของอิสรภาพแห่งการเดินทางในยุคไฟฟ้าอย่างแท้จริง