[ครบชุด] 1211180 พบเนื้อคู่ในห้องน้ำ

ZEEKR 7X: พลิกโฉม SUV ไฟฟ้าพร้อมลุยในตลาดไทยปี 2025 – บทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ 10 ปี

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานับทศวรรษ ผมกล้าพูดได้เลยว่าปี 2025 เป็นหมุดหมายสำคัญที่ตลาด EV ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย กำลังก้าวสู่ยุคใหม่แห่งการแข่งขันที่เข้มข้น และมีการนำเสนอนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่หยุดยั้ง ท่ามกลางกระแสการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า SUV หลากหลายรุ่น มีหนึ่งชื่อที่โดดเด่นและกำลังสร้างความฮือฮา นั่นคือ ZEEKR 7X ยนตรกรรมที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ รถ SUV ไฟฟ้า ทั่วไป แต่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความหรูหรา สมรรถนะอันทรงพลัง และที่สำคัญคือ “ความสามารถในการลุย” ที่หาได้ยากในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ณ ปัจจุบัน

ในโลกที่ผู้บริโภคไม่ได้มองหาแค่พาหนะ แต่ต้องการประสบการณ์ที่เหนือกว่า ZEEKR 7X ตอบโจทย์ได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการนำเสนอคุณสมบัติที่มักจะพบในรถยนต์ ICE ประเภทออฟโรด มาใส่ในแพลตฟอร์ม EV ที่ทันสมัย นี่คือการแหวกแนวที่อาจจะกำหนดทิศทางใหม่ให้กับตลาด SUV ไฟฟ้า ในอนาคต วันนี้ผมจะพาไปเจาะลึกทุกแง่มุมของ ZEEKR 7X พร้อมมุมมองจากประสบการณ์ตรง ว่าทำไม ZEEKR 7X ถึงเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับปี 2025 นี้

ZEEKR 7X ในมุมมองของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปี 2025: เหนือกว่าแค่การเดินทาง

การมาของ ZEEKR 7X ในประเทศไทย ไม่ใช่แค่การเพิ่มทางเลือก แต่คือการเติมเต็มช่องว่างในตลาด EV ที่ยังไม่มีใครกล้าบุกเบิกอย่างจริงจัง เมื่อพูดถึง รถยนต์ไฟฟ้า เรามักจะนึกถึงความเงียบสงบ การขับขี่ที่นุ่มนวล และสมรรถนะที่เร่งแซงได้อย่างทันใจ แต่ภาพลักษณ์ของ รถยนต์ไฟฟ้า ที่สามารถพาคุณออกไปผจญภัยในเส้นทางที่ท้าทายเล็กน้อยกลับเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ ZEEKR 7X เข้ามาพร้อมกับคำสัญญาว่าคุณไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างความหรูหราสะดวกสบายในเมืองหลวง กับความแข็งแกร่งสำหรับการเดินทางออกนอกเส้นทางปกติ นี่คือ รถครอบครัวไฟฟ้า ที่พร้อมจะพาคุณไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือการผจญภัยในช่วงวันหยุด

การออกแบบของ ZEEKR 7X สะท้อนถึงปรัชญาการผสานความหรูหราและความสมบุกสมบันได้อย่างลงตัว ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูภูมิฐาน แต่แฝงไว้ซึ่งความพร้อมสำหรับการบุกตะลุย ไฟหน้าแบบ Stargate Front Light Panel ที่สามารถเปลี่ยนกราฟฟิกได้หลายรูปแบบ ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังสะท้อนถึง เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ที่ล้ำสมัย การเลือกใช้วัสดุพรีเมียมและการประกอบที่พิถีพิถัน ทำให้ ZEEKR 7X ดูโดดเด่นและแตกต่างจาก SUV ไฟฟ้า ทั่วไปในท้องตลาดได้อย่างชัดเจน การปรากฏตัวของมันจึงเป็นมากกว่าแค่รถยนต์คันใหม่ แต่เป็นการประกาศถึงยุคใหม่ของ รถ SUV ไฟฟ้า ที่ฉีกกรอบเดิมๆ

สมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย: ขุมพลังไฟฟ้า 800V สู่การขับขี่ที่เร้าใจ

หัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X โดดเด่นคือขุมพลังไฟฟ้าที่ล้ำสมัย ด้วย แพลตฟอร์ม 800V Technology Lithium-ion (NMC) ที่มีขนาดความจุแบตเตอรี่ 100 kWh ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มักจะพบในรถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์เท่านั้น แพลตฟอร์ม 800V นี้ ไม่ได้ให้แค่การชาร์จที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมของระบบขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการสูญเสียพลังงาน และทำให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างราบรื่นและแม่นยำ

ZEEKR 7X มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยที่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน:

Long Range RWD: มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ให้พละกำลังสูงสุด 422 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.0 วินาที และระยะทางวิ่งมากกว่า 700 km. (มาตรฐาน NEDC) รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์ไฟฟ้า ที่เน้นระยะทางวิ่งไกลเป็นพิเศษ และการขับขี่ที่นุ่มนวลในชีวิตประจำวัน สมรรถนะที่ได้ก็ถือว่าเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไปบนท้องถนนในประเทศไทย

Performance AWD: สำหรับผู้ที่มองหา สมรรถนะ EV ที่เหนือกว่า รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้พละกำลังสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD All-Wheel Drive ทำให้การออกตัวจาก 0-100 km/h ทำได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่เทียบเท่ากับซูเปอร์คาร์หลายๆ รุ่น ระยะทางวิ่งมากกว่า 600 km. (มาตรฐาน NEDC) ด้วยพลังขับเคลื่อนสี่ล้อที่มาพร้อมแรงบิดมหาศาล ทำให้รุ่น Performance AWD ไม่ได้โดดเด่นแค่ความแรง แต่ยังเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่บนสภาพถนนที่หลากหลาย และแน่นอนว่าคือหัวใจสำคัญของความสามารถในการลุย

เทคโนโลยีการชาร์จ: ลดเวลา หยุด เพิ่มเวลาเดินทาง

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้ รถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2025 ให้ความสำคัญอย่างมากคือความเร็วในการชาร์จ และ ZEEKR 7X ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการรองรับการชาร์จกระแสตรง DC Fast Charging สูงสุดถึง 420 kW ซึ่งหมายความว่าการชาร์จจาก 10% ถึง 80% สามารถทำได้ในเวลาเพียง 13-16 นาที เมื่อใช้สถานีชาร์จ DC ที่มีกำลัง 360 kW นี่คือ นวัตกรรมยานยนต์ ที่ช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทาง (range anxiety) ได้อย่างแท้จริง ทำให้ การเดินทางด้วย EV ระยะไกลไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ผู้ขับขี่สามารถหยุดพักสั้นๆ เพื่อเติมพลังงานให้รถและเดินทางต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังมาพร้อมระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L) สูงสุด 3.3 kW ซึ่งเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งานอย่างมหาศาล คุณสามารถใช้รถเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกทริปตั้งแคมป์ การทำงานนอกสถานที่ หรือแม้แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน นี่คือคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบแอคทีฟ และตอกย้ำถึงความเหนือชั้นของ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ที่ ZEEKR นำเสนอ

มิติใหม่แห่งความอเนกประสงค์: การทดสอบ Off-Road ที่พิสูจน์แล้ว

สิ่งที่ทำให้ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญรู้สึกทึ่งกับ ZEEKR 7X มากที่สุดคือความสามารถในการลุยที่โดดเด่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่แทบไม่เคยปรากฏใน รถยนต์ไฟฟ้า ที่เน้นความหรูหราเลย เมื่อได้มีโอกาสเข้าร่วมการทดสอบสมรรถนะแบบ Off-Road ที่เขาใหญ่ ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพราะรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้ แต่ ZEEKR 7X ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามันสามารถทำได้ดีเกินคาด และกลายเป็นจุดเด่นที่น่าประทับใจ

ช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD: ระบบช่วงล่างถุงลมแบบปรับระดับอัตโนมัติเป็นหัวใจสำคัญของการผจญภัยนี้ เมื่อเข้าสู่โหมด Off-Road ความสูงจากพื้นดิน (Ground Clearance) จะเพิ่มขึ้นอัตโนมัติถึง 230 มม. ซึ่งช่วยให้รถสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น การปรับความสูงนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ประโยชน์ในการเพิ่มระยะห่างจากพื้น แต่ยังช่วยให้มุมจากและมุมคราด (approach and departure angles) ดีขึ้นอย่างมาก ทำให้ ZEEKR 7X สามารถปีนป่ายเนินชันหรือลงจากทางลาดชันได้อย่างมั่นใจ

การผ่านเนินสลับและอุปสรรค: ในสถานีทดสอบเนินสลับ (articulation test) ที่ทำให้ล้อลอยออกจากพื้น ระบบขับเคลื่อนของ ZEEKR 7X สามารถถ่ายกำลังไปยังล้อที่ยังคงยึดเกาะกับพื้นได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าประทับใจคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม ตัวรถมีการโคลงตัวน้อยมาก แม้ในสภาวะที่ล้อต้องทำงานหนัก นี่คือสิ่งที่บ่งชี้ถึงการออกแบบช่วงล่างที่คำนึงถึงทั้งความแข็งแกร่งและความสบาย

การขับขี่บนเนินชัน: ด้วยพละกำลังและแรงบิดมหาศาลของมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ ZEEKR 7X สามารถขึ้นเนินชันได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญคือในจังหวะที่หยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบจัดการพลังงานทำได้อย่างนุ่มนวล ไม่มีการออกตัวที่รุนแรงจนล้อฟรีทิ้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจจะเจอในรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปบางรุ่น และเมื่อถึงจังหวะลงเนินสูง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC – Hill Descent Control) ก็ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจให้ผู้ขับขี่เสมือนกำลังขับรถยุโรปหรูหราที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

เส้นทางขรุขระและการควบคุม: การวิ่งผ่านเส้นทางขรุขระด้วยช่วงล่างถุงลม ให้ความรู้สึกนุ่มนวลอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือพวงมาลัยที่ยังคงนิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือตีมือแต่อย่างใด ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการขับขี่แบบ Off-Road ที่ต้องการการควบคุมที่แม่นยำ แม้ในรุ่น Long Range ที่มีช่วงล่างออกแนวแข็งกว่า Performance เล็กน้อย ก็ยังคงให้ความนุ่มนวลที่น่าประทับใจ

จากประสบการณ์ทั้งหมดนี้ ทำให้ผมสรุปได้เลยว่า ZEEKR 7X ได้ผ่านบททดสอบ Off-Road อย่างสง่างาม มันคือ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ได้มีดีแค่ความแรงและความหรูหรา แต่ยังมีความพร้อมสำหรับการผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ ที่รถ EV อื่นๆ อาจจะต้องยอมแพ้

ความหรูหราและเทคโนโลยีเหนือระดับในห้องโดยสาร

การก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คือการเข้าสู่พื้นที่แห่งการผ่อนคลายขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าในทุกการเดินทาง ด้วยเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและหรูหรา ไม่เพียงแต่ให้ความสบายในการนั่ง แต่ยังสื่อถึงรสนิยมระดับสูงของผู้ครอบครอง ระบบนวดและเป่าลมในเบาะคู่หน้าจะช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลหรือหลังจากวันทำงานที่หนักหน่วง ทำให้การขับขี่ไม่ใช่ภาระ แต่กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูพลังงาน

เบาะหลังที่สามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การทำงาน หรือการรับชมภาพยนตร์ ทำให้ห้องโดยสารด้านหลังเปลี่ยนเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ ม่านบังแดดประตูคู่หลังที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ก็เป็นอีกหนึ่งความสะดวกสบายที่ยกระดับประสบการณ์การเดินทาง

ศูนย์กลางแห่งเทคโนโลยี: ระบบสาระบันเทิงและความเชื่อมต่อ

ZEEKR 7X อัดแน่นด้วย เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ที่ล้ำสมัย เพื่อให้การขับขี่ของคุณสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น:

หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K: หน้าจอหลักที่คมชัดระดับ Ultra HD แสดงผลแผนที่ สื่อบันเทิง และแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างละเอียดและสวยงาม ทำให้ทุกการใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นและเพลิดเพลิน
หน้าจอ AR HUD (Augmented Reality Head-Up Display) ขนาด 36.21 นิ้ว: ฉายข้อมูลสำคัญ เช่น ความเร็ว เส้นทางนำทาง และข้อมูล ADAS ขึ้นบนกระจกหน้ารถแบบเสมือนจริง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่อย่างมาก
หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว: แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมข้อมูลสำคัญได้อย่างแม่นยำ
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor: หัวใจหลักที่ขับเคลื่อนระบบ Infotainment ทั้งหมด ด้วยสถาปัตยกรรม 5nm Process Technology ชิปประมวลผลนี้มอบความเร็วและความลื่นไหลในการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอ ทำให้การตอบสนองคำสั่งเป็นไปอย่างฉับไวไร้รอยต่อ
ระบบเสียง ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพง 21 ตำแหน่ง: มอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทางเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดื่มด่ำในสุนทรียภาพของเสียง ไม่ว่าจะเป็นเพลงโปรด หรือพอดแคสต์

ความปลอดภัยระดับโลก: เหนือกว่าทุกความคาดหวัง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่าความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุดใน รถยนต์ไฟฟ้า และ ZEEKR 7X ได้รับการออกแบบมาโดยให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องนี้

แพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture): ZEEKR 7X สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังหลังแบบ Single Piece Die-Cast แบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวถัง ลดน้ำหนัก และส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
มาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว: ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยได้รับการรับรองด้วยคะแนน Euro NCAP 5 ดาว โดยได้คะแนน 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง
ระบบช่วยขับขี่ ZEEKR AD พร้อม Dual Mobileye Chips: ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ทำงานร่วมกับชิป Mobileye สองตัว เพิ่มความแม่นยำและปลอดภัยในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบข้าง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และทำให้ การขับขี่อัตโนมัติ เป็นไปอย่างราบรื่นและเชื่อถือได้

การรับประกันและบริการ: ความมั่นใจในระยะยาว

ZEEKR ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับความสบายใจของผู้ใช้งาน ด้วยแพ็กเกจการรับประกันที่น่าประทับใจ:

รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty) นาน 5 ปี หรือ 150,000 km.
รับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์ นาน 8 ปี หรือ 180,000 km.
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 8 ปี หรือ 180,000 km.

การรับประกันที่ยาวนานนี้สะท้อนถึงความมั่นใจในคุณภาพและ ความทนทานของแบตเตอรี่ EV และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคในตลาด EV ปี 2025 ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการลดภาระด้าน ค่าบำรุงรักษา EV ในระยะยาว และสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นเจ้าของ รถยนต์ไฟฟ้า

บทสรุป: ZEEKR 7X – ยนตรกรรมไฟฟ้าที่พร้อมสำหรับทุกเส้นทาง

จากทุกแง่มุมที่กล่าวมา ZEEKR 7X ไม่ใช่แค่ SUV ไฟฟ้า ทั่วไป แต่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ในตลาด EV ที่พร้อมจะฉีกกรอบนิยามเดิมๆ ด้วยการผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ระดับสูง และที่สำคัญคือความสามารถในการลุยแบบ Off-Road ที่หาได้ยากในเซกเมนต์นี้ นี่คือ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การเดินทางในเมืองไปจนถึงการผจญภัยในวันหยุดพักผ่อน

สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถครอบครัวไฟฟ้า ที่ไม่เพียงมอบความสะดวกสบายและความประหยัด พลังงาน EV แต่ยังสามารถเป็นเพื่อนร่วมทางที่แข็งแกร่งในทุกสภาพถนน และนำเสนอ ประสบการณ์ขับขี่ EV ที่เหนือกว่า ZEEKR 7X คือคำตอบที่ชัดเจน ด้วยการคาดการณ์ ราคา ZEEKR 7X ที่แข่งขันได้และแพ็กเกจการรับประกันที่ครอบคลุม ผมเชื่อว่า ZEEKR 7X จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ปี 2025 และจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ รถ SUV ไฟฟ้า ในอนาคต

อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของยุคใหม่แห่งยานยนต์ไฟฟ้า!

สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและทำความรู้จักกับ ZEEKR 7X อย่างใกล้ชิด มาร่วมเป็นผู้บุกเบิกในโลกของ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ไร้ขีดจำกัด เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา หรือติดต่อศูนย์ ZEEKR ใกล้บ้านคุณเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ทดลองขับ และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า!