[ครบชุด] 1211200 โทษนะ คุณสมบัติไม่ผ่าน กลับไปซะ

ZEEKR 7X: พลิกนิยาม SUV ไฟฟ้า สู่สมรรถนะเหนือระดับ พร้อมลุยทุกเส้นทางในยุค 2025

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของรถยนต์พลังงานสะอาด ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นที่เน้นเพียงแค่การประหยัดพลังงาน ไปจนถึงปัจจุบันในปี 2025 ที่ผู้บริโภคเรียกร้องมากกว่าแค่การเดินทาง พวกเขาต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความหรูหรา สมรรถนะอันทรงพลัง ไปจนถึงความสามารถในการบุกตะลุยเส้นทางที่ท้าทาย และวันนี้ ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะพาคุณดำดิ่งไปกับ ZEEKR 7X ยนตรกรรมไฟฟ้า 5 ที่นั่งรุ่นใหม่ล่าสุด ที่พร้อมจะเข้ามาเขย่าบัลลังก์ตลาด SUV ไฟฟ้า ด้วยการผสมผสานคุณสมบัติที่เคยเป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นความจริง

ZEEKR 7X ไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ไฟฟ้า SUV ทั่วไป แต่คือการประกาศศักดาครั้งสำคัญของ ZEEKR ในการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตา สง่างามแต่แฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง พร้อมเทคโนโลยีที่จัดเต็มทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดที่เหนือความคาดหมาย นี่คือ SUV ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ต้องการความเป็นที่สุดในทุกด้าน ไม่ว่าจะเดินทางในเมืองหลวงที่เร่งรีบ หรือออกสำรวจธรรมชาติในวันหยุดพักผ่อน

เปิดมิติใหม่แห่ง SUV ไฟฟ้า: การมาถึงของ ZEEKR 7X ในปี 2025

การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ ZEEKR 7X ในประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าบ้านเราที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในยุคที่ผู้บริโภคมีความต้องการที่ซับซ้อนและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ZEEKR 7X เข้ามาเติมเต็มช่องว่างของ SUV ไฟฟ้าพรีเมียมที่สามารถมอบทั้งความสะดวกสบายหรูหราแบบรถเมือง และสมรรถนะที่พร้อมสำหรับการผจญภัย ด้วยราคาคาดการณ์ที่น่าดึงดูดใจ ทำให้ ZEEKR 7X มีศักยภาพที่จะเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ redefined นิยามของ SUV ไฟฟ้าในประเทศไทย

ในด้านราคาจำหน่าย ZEEKR 7X มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยหลัก ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า
รุ่น Long Range RWD: คาดการณ์ช่วงราคาอยู่ที่ประมาณ 1,700,000 บาท มุ่งเน้นไปที่ผู้ที่ต้องการระยะทางขับขี่ที่ไกลเป็นพิเศษ พร้อมความประหยัดและสมรรถนะที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
รุ่น Performance AWD: คาดการณ์ช่วงราคาไม่เกิน 1,900,000 บาท สำหรับผู้ที่โหยหาสุดยอดสมรรถนะการขับขี่ อัตราเร่งที่เร้าใจ และความสามารถในการบุกตะลุยที่เหนือกว่า

ZEEKR ประเทศไทย ได้เตรียมมอบความอุ่นใจให้กับลูกค้าด้วยการรับประกันคุณภาพที่ครอบคลุมและน่าประทับใจ:
การรับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty) นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
การรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์ นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร

การรับประกันเหล่านี้สะท้อนถึงความมั่นใจในคุณภาพและเทคโนโลยีของ ZEEKR รวมถึงความมุ่งมั่นในการดูแลลูกค้าอย่างยั่งยืนในระยะยาว

สถาปัตยกรรมยานยนต์แห่งอนาคต: มิติและโครงสร้างอันชาญฉลาด

มิติตัวถังของ ZEEKR 7X ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้สมดุลที่ลงตัวระหว่างพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง ความคล่องตัวในการขับขี่ และความสง่างามบนท้องถนน ด้วยความยาว 4,787 มิลลิเมตร กว้าง 1,930 มิลลิเมตร และสูง 1,650 มิลลิเมตร ทำให้รถดูภูมิฐานและมีมิติที่กำลังดีสำหรับการเป็น SUV 5 ที่นั่ง ระยะฐานล้อ (wheelbase) ที่ยาวถึง 2,900 มิลลิเมตร ไม่เพียงแต่เพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ แต่ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางเป็นพิเศษ ผู้โดยสารทุกคนจึงสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย

จุดที่น่าสนใจและตอกย้ำถึงความอเนกประสงค์ของ ZEEKR 7X คือระยะต่ำสุดถึงพื้น (ground clearance) ที่ 173 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เหมาะสมสำหรับการขับขี่ทั้งบนทางเรียบและทางที่ขรุขระเล็กน้อย หรือแม้กระทั่งการลุยในเส้นทางออฟโรดบางรูปแบบได้อย่างมั่นใจ

ในด้านการใช้งานจริง พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความยืดหยุ่นสูง โดยมีขนาด 539 ลิตร และสามารถขยายได้มากถึง 1,978 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลง ทำให้รองรับสัมภาระขนาดใหญ่ได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กีฬา หรือข้าวของเครื่องใช้สำหรับการเดินทางไกล นอกจากนี้ ZEEKR 7X ยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) ขนาด 66 ลิตร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความได้เปรียบของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มความสะดวกสบายในการจัดเก็บของใช้จุกจิก หรือแม้กระทั่งสายชาร์จได้อย่างเป็นระเบียบ

พลังงานแห่งอนาคต: สมรรถนะที่เหนือกว่าความคาดหมาย

หัวใจสำคัญที่ทำให้ ZEEKR 7X โดดเด่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปี 2025 คือขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V ที่ล้ำสมัย ซึ่งผมกล้าพูดได้เลยว่านี่คือมาตรฐานใหม่ของ SUV ไฟฟ้าสมรรถนะสูง

รุ่น Long Range RWD:
สำหรับผู้ที่มองหาสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน พร้อมระยะทางขับขี่ที่ไร้กังวล รุ่น Long Range RWD มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว มอบพละกำลังสูงสุดถึง 422 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ด้วยแบตเตอรี่ 800V Technology Lithium-ion (NMC) ขนาดความจุ 100 kWh ผมสามารถยืนยันได้เลยว่าตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่บนกระดาษ เพราะ ZEEKR 7X Long Range RWD สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.0 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วเหลือเฟือสำหรับรถ SUV ขนาดใหญ่ และทำความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. ที่สำคัญคือระยะทางวิ่งมากกว่า 700 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ทำให้การเดินทางข้ามจังหวัดเป็นเรื่องง่ายดายและไร้ความกังวลเรื่องสถานีชาร์จ

รุ่น Performance AWD:
สำหรับผู้ที่ต้องการปลดปล่อยขีดจำกัดของสมรรถนะอย่างแท้จริง รุ่น Performance AWD คือคำตอบ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ทำงานร่วมกันเพื่อมอบพละกำลังสูงสุดถึง 646 แรงม้า (PS) และแรงบิดมหาศาลที่ 710 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) เต็มรูปแบบ แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh แบบ 800V Technology Lithium-ion (NMC) เช่นเดียวกัน ไม่เพียงแต่ให้พลังงานสำรองที่เพียงพอ แต่ยังทำให้ ZEEKR 7X Performance AWD สามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.8 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่เทียบเท่ากับซูเปอร์คาร์หลายรุ่นในตลาดปัจจุบัน ด้วยความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. และระยะทางวิ่งมากกว่า 600 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) รุ่นนี้คือที่สุดของ SUV ไฟฟ้าที่มอบทั้งความแรง การควบคุมที่มั่นคง และความสามารถในการลุยที่เหนือกว่า

นวัตกรรมการชาร์จ: ลดเวลา เพิ่มอิสระ

หนึ่งในความท้าทายสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าคือระยะเวลาในการชาร์จ แต่ ZEEKR 7X ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงแนวคิดนี้อย่างสิ้นเชิง ด้วยระบบการชาร์จที่ล้ำสมัยและรวดเร็วเป็นพิเศษ ที่รองรับทั้งหัวชาร์จ Type 2 และ CCS Combo ทำให้ผู้ใช้งานมีความยืดหยุ่นในการเลือกสถานีชาร์จ

การชาร์จกระแสสลับ (AC): รองรับสูงสุด 22 kW ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป ทำให้การชาร์จที่บ้านหรือตามสถานี AC สาธารณะเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การชาร์จกระแสตรง (DC Fast Charging): คือจุดเด่นที่แท้จริง ZEEKR 7X รองรับการชาร์จ DC Fast Charging สูงสุดถึง 420 kW ด้วยเทคโนโลยี 800V ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รถคันนี้สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในเวลาเพียง 13-16 นาที เมื่อใช้หัวชาร์จ 360 kW นี่หมายความว่าคุณสามารถหยุดพักระหว่างทางเพื่อชาร์จไฟเพียงไม่กี่นาที ก็พร้อมที่จะเดินทางต่อได้อีกหลายร้อยกิโลเมตร ลดความกังวลเรื่อง “Range Anxiety” ได้อย่างสิ้นเชิง
ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L): ด้วยกำลังสูงสุด 3.3 kW (3,300 วัตต์) ฟังก์ชัน V2L นี้เปลี่ยน ZEEKR 7X ให้เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ชั้นดี คุณสามารถใช้พลังงานจากรถเพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์ ปิกนิก หรือแม้กระทั่งเป็นแหล่งสำรองไฟฉุกเฉินสำหรับบ้าน นี่คือฟีเจอร์ที่เพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับ SUV ไฟฟ้าคันนี้อย่างแท้จริง

ช่วงล่างเหนือชั้น: ความสบายและความมั่นคงที่ผสานกัน

ZEEKR 7X มาพร้อมช่วงล่างด้านหน้าอิสระแบบ Double Wishbone และช่วงล่างด้านหลังอิสระแบบ Multi-Link ซึ่งเป็นชุดช่วงล่างที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความหนึบแน่น ความนุ่มนวล และการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ให้ความมั่นใจในทุกสภาพการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือการขับขี่ผ่านเส้นทางที่ขรุขระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น Performance ที่มาพร้อมกับช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension with CCD ที่ปรับระดับความสูงและความหนืดได้อัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติระดับพรีเมียมที่ยกระดับประสบการณ์ขับขี่ให้เหนือกว่า

ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/50 R19 ในรุ่น Long Range RWD และล้อ Forged ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/40 R21 ในรุ่น Performance AWD ไม่เพียงแต่เสริมความสวยงาม แต่ยังให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม พร้อมระบบเบรกดิสก์เบรก 4 pot พร้อมคาลิปเปอร์เบรก Akebono สีส้ม ที่ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงามสปอร์ต แต่ยังให้ประสิทธิภาพการหยุดรถที่ยอดเยี่ยมและแม่นยำ

ปลดล็อกศักยภาพแห่งการผจญภัย: ประสบการณ์ทดสอบออฟโรดที่เหนือความคาดหมาย

ก่อนการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ZEEKR ได้จัดให้มีการทดสอบ ZEEKR 7X อย่างเข้มข้นที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้สัมผัสกับสมรรถนะของรถคันนี้อย่างใกล้ชิด ผมยอมรับว่าตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับรถยนต์ไฟฟ้าในเส้นทางออฟโรด เพราะโดยทั่วไปแล้วรถยนต์ไฟฟ้ามักจะถูกมองว่าเหมาะกับการขับขี่บนทางเรียบมากกว่า แต่ ZEEKR 7X กลับพลิกทุกความเชื่อและสร้างความประทับใจได้อย่างเหลือเชื่อ จนกลายเป็นจุดเด่นที่น่าจดจำ

ในสนามทดสอบที่จัดสถานีต่างๆ ไว้ให้ทดสอบ ZEEKR 7X ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม ทันทีที่ปรับเข้าสู่โหมดออฟโรด ช่วงล่างถุงลมจะทำงานอัตโนมัติเพื่อเพิ่มความสูงของตัวรถขึ้นอีก 230 มิลลิเมตร ทำให้รถมีระยะห่างจากพื้นมากพอที่จะผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดดาย

สถานีแรกคือ “เนินสลับ” ที่ท้าทายด้วยการทำให้ล้อบางข้างลอยจากพื้น แต่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้าของ ZEEKR 7X ก็สามารถถ่ายกำลังไปยังล้อที่ยังยึดเกาะพื้นดินได้อย่างฉลาด ทำให้รถเคลื่อนตัวไปได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่น สิ่งที่น่าทึ่งคือการให้ตัวของช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม ตัวรถโคลงเคลงน้อยมาก สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี

เมื่อวิ่งเข้าสู่ “เนินชัน” พละกำลังอันมหาศาลของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้ ZEEKR 7X สามารถปีนป่ายขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย และในจังหวะที่ต้องหยุดกลางเนินแล้วออกตัวใหม่ ระบบการจัดการพลังงานก็ทำได้อย่างชาญฉลาด ไม่ส่งกำลังที่รุนแรงจนเกินไปจนทำให้ล้อฟรีทิ้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่มักพบในรถยนต์สันดาปทั่วไป ส่วนในจังหวะ “ลงเนินสูงชัน” ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ (HDC) ก็ทำงานได้อย่างราบเรียบและนุ่มนวลราวกับรถยนต์ยุโรประดับพรีเมียม ทำให้การลงเนินเป็นไปได้อย่างสบายใจและปลอดภัย

นอกจากนี้ การวิ่งผ่าน “เส้นทางขรุขระ” ก็เป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่ ZEEKR 7X ผ่านฉลุย ด้วยช่วงล่างถุงลมที่ให้ความนุ่มนวล สิ่งที่น่าสนใจคือพวงมาลัยยังคงนิ่งสนิท ไม่มีอาการสั่นหรือสะท้านมือเข้ามาให้รู้สึกกังวล ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ถึงความใส่ใจในการออกแบบโครงสร้างและระบบบังคับเลี้ยวที่ยอดเยี่ยม โดยรวมแล้ว การทดสอบออฟโรดครั้งนี้ ทำให้ผมกล้าพูดได้เลยว่า ZEEKR 7X สอบผ่านอย่างงดงาม และเป็น SUV ไฟฟ้าไม่กี่รุ่นในตลาดที่สามารถลุยได้จริง

ความสมบูรณ์แบบบนทางเรียบ: ผสานความแรงและความนุ่มนวล

เมื่อก้าวเข้าสู่ “ทางเรียบ” ZEEKR 7X ก็ยังคงแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มเปี่ยม ในเรื่องของความแรงนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวเลขที่ระบุในคู่มือนั้นเป็นเรื่องจริง รุ่น Performance มอบแรงดึงมหาศาลที่กระตุ้นอะดรีนาลีนในทุกครั้งที่กดคันเร่ง มาพร้อมกับความนุ่มนวลของช่วงล่างถุงลมที่ช่วยซับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้การเดินทางด้วยความเร็วสูงเป็นไปอย่างสบายและมั่นคง

ส่วนในรุ่น Long Range แม้พละกำลังจะน้อยกว่า แต่ก็เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้า แรงดึงที่ได้นั้นเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล ช่วงล่างของรุ่น Long Range ก็ให้ความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ อาจจะมีความรู้สึกแข็งกว่ารุ่น Performance เล็กน้อย แต่ก็ยังคงมอบความมั่นคงและควบคุมได้ง่าย ทำให้การขับขี่ในเมืองและการเดินทางออกนอกเมืองเป็นไปอย่างราบรื่นและเพลิดเพลิน

ห้องโดยสารพรีเมียมสมบูรณ์แบบ: สุนทรียะแห่งการเดินทาง

ภายในห้องโดยสารของ ZEEKR 7X คือการสร้างสรรค์พื้นที่แห่งการผ่อนคลายขั้นสูง ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับในทุกการเดินทาง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยกให้การตกแต่งภายในของ ZEEKR 7X เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าประทับใจ

เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa Leather: หนัง Nappa ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวล หรูหรา และความทนทาน ไม่เพียงแต่ให้ความสบายในการนั่ง แต่ยังสื่อถึงรสนิยมระดับสูงของเจ้าของรถ เบาะคู่หน้ามาพร้อมระบบนวดและเป่าลม ซึ่งจะช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการขับขี่ระยะไกลหรือหลังจากวันทำงานที่หนักหน่วง เปลี่ยนการเดินทางให้เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูพลังงาน
เบาะหลังปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า: ผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับองศาการนั่งให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน พักผ่อน หรือรับชมสื่อบันเทิง ทำให้ห้องโดยสารด้านหลังกลายเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดทุกมิติของการออกแบบ เพื่อความผ่อนคลายสูงสุดของผู้โดยสาร
ประตูและม่านบังแดดควบคุมด้วยไฟฟ้า: ประตูทั้ง 4 บานที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึงม่านบังแดดสำหรับประตูคู่หลังที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความหรูหราให้กับ ZEEKR 7X อย่างแท้จริง

ดิจิทัลค็อกพิต: ความอัจฉริยะที่เชื่อมโยงทุกมิติ

ระบบสารสนเทศและความบันเทิงของ ZEEKR 7X คือการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ทุกองค์ประกอบได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นและน่าตื่นเต้น

หน้าจอกลาง Mini LED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.5K: เป็นจุดศูนย์กลางของระบบอินโฟเทนเมนต์ มอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็นการดูแผนที่ รับชมสื่อบันเทิง หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ การตอบสนองของหน้าจอทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
หน้าจอ AR HUD ขนาด 36.21 นิ้ว: ระบบ Head-Up Display แบบ Augmented Reality ที่ฉายข้อมูลสำคัญขึ้นมาบนกระจกหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลต่างๆ ได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่ในระดับที่เหนือกว่า
หน้าจอ Cluster ขนาด 13.02 นิ้ว: ทำหน้าที่แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสถานะของรถได้ตลอดเวลา
ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor (5nm Process Technology): หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนการทำงานของหน้าจอทั้งหมดนี้ คือชิปประมวลผลที่ทรงพลังที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ปัจจุบัน มอบการประมวลผลที่รวดเร็ว ลื่นไหล และไร้รอยต่อ ทำให้การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย ตอบสนองต่อคำสั่งได้อย่างทันท่วงที
ระบบเสียง ZEEKR Sound Pro พร้อมลำโพง 21 จุด: มอบประสบการณ์เสียงระดับสตูดิโอ ด้วยลำโพงคุณภาพสูงที่จัดวางอย่างพิถีพิถันรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ ช่วยสร้างสุนทรียภาพแห่งการเดินทางอย่างแท้จริง
ระบบไฟหน้า Stargate Front Light Panel: ไม่ใช่แค่ไฟหน้าธรรมดา แต่เป็นแผงไฟที่สามารถเปลี่ยนกราฟิกได้หลายรูปแบบ ช่วยเพิ่มเอกลักษณ์และความโดดเด่นให้กับ ZEEKR 7X ในยามค่ำคืน เป็นการผสมผสานระหว่างฟังก์ชันการใช้งานและการแสดงออกทางศิลปะได้อย่างลงตัว

ความปลอดภัยคือหัวใจ: ทุกการเดินทางคือความอุ่นใจ

ความปลอดภัยคือสิ่งที่ไม่สามารถประนีประนอมได้ และ ZEEKR 7X ก็ตอกย้ำความมุ่งมั่นในเรื่องนี้อย่างชัดเจน ตัวรถสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดตั้งแต่ต้น

มาตรฐาน Euro NCAP 5 ดาว: ZEEKR 7X ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด 5 ดาวจาก Euro NCAP โดยได้คะแนน 91% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ และ 90% สำหรับการปกป้องผู้โดยสารเด็ก ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง
ระบบช่วยขับขี่ ZEEKR AD พร้อม Dual Mobileye Chips: ยกระดับความปลอดภัยและความแม่นยำด้วยระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับชิป Mobileye สองตัว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นนำในด้านระบบขับขี่อัตโนมัติ ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่และเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน
โครงสร้างตัวรถแบบ Dome-Shaped และโครงสร้างตัวถังหลังแบบ Single Piece Die-Cast: โครงสร้างที่แข็งแกร่งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความปลอดภัยและน้ำหนักเบา แต่ยังส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดียิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบโครงสร้างตัวถังด้านหลังแบบชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงในการรับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยมในกรณีเกิดอุบัติเหตุ

บทสรุป: ZEEKR 7X ยนตรกรรมไฟฟ้าที่ฉีกทุกกรอบ

จากประสบการณ์ที่ผมได้สั่งสมมาในวงการยานยนต์ไฟฟ้า ผมกล้าพูดได้เลยว่า ZEEKR 7X คือหนึ่งใน SUV ไฟฟ้าที่น่าสนใจและน่าจับตามองที่สุดในปี 2025 ในตลาดที่เต็มไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น ZEEKR 7X ได้สร้างความโดดเด่นอย่างชัดเจนด้วยการผสานคุณสมบัติที่หาได้ยากในรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป นั่นคือการเป็น SUV ไฟฟ้าที่ไม่ได้มีดีแค่ความหรูหราและสมรรถนะบนทางเรียบ แต่ยังมีความสามารถในการบุกตะลุยเส้นทางออฟโรดได้อย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งเป็นจุดที่แทบจะหาคู่แข่งได้ยากในปัจจุบัน

นอกจากความสามารถในการลุยแล้ว ออปชั่นและเทคโนโลยีที่ ZEEKR 7X จัดเต็มมาให้นั้นก็อยู่ในระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นห้องโดยสารที่หรูหราสะดวกสบาย ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ล้ำสมัย หรือระบบความปลอดภัยที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องการยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติ

สำหรับผู้ที่ไม่สนใจการขับขี่แบบออฟโรดเป็นพิเศษ แต่เน้นการเดินทางไกลเป็นหลัก รุ่น Long Range ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว ด้วยระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจ ช่วงล่างที่ให้ความนุ่มนวล และออปชั่นต่างๆ ที่ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ารุ่น Performance แต่อย่างใด

อย่าพลาดโอกาสในการเป็นเจ้าของอนาคตแห่งยานยนต์! หากคุณกำลังมองหา SUV ไฟฟ้าที่ไม่เพียงแต่พาคุณไปถึงจุดหมายได้อย่างมีสไตล์และสะดวกสบาย แต่ยังพร้อมที่จะพาคุณออกไปผจญภัยในทุกเส้นทาง ZEEKR 7X คือคำตอบที่คุณตามหา สัมผัสประสบการณ์ขับขี่อันเหนือระดับด้วยตัวคุณเอง ลงทะเบียนเพื่อทดลองขับ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่าย ZEEKR ทั่วประเทศ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไม ZEEKR 7X ถึงเป็นมากกว่ารถยนต์ แต่คือเพื่อนร่วมทางที่พร้อมจะสร้างความทรงจำอันน่าประทับใจไปกับคุณในทุกๆ การเดินทาง