• Sample Page
  • Sample Page
Film Thai lan
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film Thai lan
No Result
View All Result

[ครบชุด] 1010363 กลัวโดนล้อว่าแม่ขับซาเล้ง เลยแกล้งทำเป็นมีแฟนรวย

admin79 by admin79
October 13, 2025
in Uncategorized
0
[ครบชุด] 1010363 กลัวโดนล้อว่าแม่ขับซาเล้ง เลยแกล้งทำเป็นมีแฟนรวย

รีวิว Mazda CX-5 2025 ไมเนอร์เชนจ์ ปรับราคาคุ้มค่า เหนือกว่าที่สมรรถนะ

20 ม.ค. 68 (13:59 น.) พิมพ์

รีวิว Mazda CX-5 2025 ไมเนอร์เชนจ์ ปรับราคาคุ้มค่า เหนือกว่าที่สมรรถนะ

แชร์เรื่องนี้

คัดลอกลิงก์กดฟัง–กก+

รีวิวลองขับ Mazda CX-5 2025 โฉมไมเนอร์เชนจ์ ยังคงเป็นจ่าฝูงด้านสมรรถนะ เพิ่มเติมความสดใหม่ด้วยรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป กับราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ติดตามกับ Sanook Auto ได้เลย

19+ดูภาพทั้งหมด

Mazda CX-5 2025 ใหม่ มีการปรับลดรุ่นย่อยจาก 4 รุ่น เหลือ 3 รุ่น พร้อมราคาจำหน่ายทางการ ดังนี้

  • รุ่น 2.0 S ราคา 1,219,000 บาท
  • รุ่น 2.0 SP ราคา 1,299,000 บาท
  • รุ่น XDL ราคาประมาณ 1,669,000 บาท

จะเห็นว่ามาสด้าได้มีการตัดรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 TURBO ออก แล้วเหลือไว้เฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร และดีเซล 2.2 ลิตรเท่านั้น

ภายนอก

รูปลักษณ์ภายนอกของ Mazda CX-5 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ มีการปรับรายละเอียดด้านหน้าและด้านท้าย ส่วนดีไซน์ตัวถังยังคงเดิมทั้งหมด ติดตั้งไฟหน้าแบบ LED Signature ที่ออกแบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันเป็นรูปตัว L ซ้อนกัน มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติตามน้ำหนักบรรทุก

19+ดูภาพทั้งหมด

กระจังหน้ามีการปรับรายละเอียดกรอบโครเมียม พร้อมกันชนหน้าที่เน้นความมินิมอลคล้ายกับ Mazda3 และ CX-30 รุ่นปัจจุบัน โดยที่รุ่น XDL จะมีการตกแต่งส่วนล่างของกันชนและซุ้มล้อด้วยสีเดียวกับตัวรถ ทำให้ภาพรวมดูมีความพรีเมียมแตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร

ส่วนด้านท้ายมีการปรับดีไซน์ไฟท้ายให้ดูกลมกลืนกับไฟหน้า พร้อมกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ ทุกรุ่นย่อยได้ประตูท้ายแบบไฟฟ้าที่เพิ่มเติมด้วยฟังก์ชัน Hand Free Power Lift Gate สามารถสอดเท้าบริเวณใต้กันชนเพื่อเปิดและปิดประตูท้ายได้

ส่วนล้ออัลลอยของรุ่น 2.0 S เป็นขนาด 17 นิ้ว รุ่น 2.0 SP และ XDL จะได้ล้อขนาด 19 นิ้วลายใหม่ทั้งหมด

19+ดูภาพทั้งหมด

สีภายนอกมีให้เลือก 7 สี โดยมี 2 สีใหม่ ได้แก่ สีเทา Polymetal Gray และสีบรอนซ์ Platinum Quartz จำหน่ายควบคู่ไปกับ 5 สีเดิม ได้แก่

  • สีขาว Snowflake White Pearl
  • สีดำ Jet Black
  • สีน้ำเงิน Deep Crystal Blue
  • สีเทา Machine Gray
  • สีแดง Soul Red Crystal

ภายใน

การตกแต่งภายในห้องโดยสารยกดีไซน์มาจากรุ่นเดิมทั้งหมดเช่นกัน แต่ก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายความพรีเมียมตามฉบับมาสด้า โดยเฉพาะรุ่น XDL ที่ถูกตกแต่งด้วยวัสดุหนัง Nappa สี Deep Red ผิวสัมผัสเนียนละเอียดแบบรถยุโรป ซึ่งสีของหนังจะออกไปทางสีแดงเข้มจัดจนเกือบจะเป็นสีดำ โดยรวมแล้วดูมีความภูมิฐานดี

19+ดูภาพทั้งหมด

จุดเปลี่ยนภายในห้องโดยสารก็คือเรือนไมล์ที่มีการปรับดีไซน์แตกต่างไปจากรุ่นก่อนหน้า โดยยังคงรูปแบบ Analogue ควบคู่ไปกับจอสี TFT ที่ออกแบบได้อย่างกลมกลืน มีความสวยงามและดูพรีเมียม ถือเป็นรายละเอียดที่มาสด้าทำได้ค่อนข้างดี

พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้าน ดีไซน์ยกมาจากรุ่นก่อนหน้า (อีกแล้ว) สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง เพิ่มเติมด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ Sports Paddle Shift ทุกรุ่นย่อย โดยที่รุ่น XDL จะถูกเพิ่มเติมด้วยปุ่ม Mi-Drive เพื่อเปิดใช้งานโหมด Off Road เนื่องจากเป็นรุ่นเดียวที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

ส่วนหน้าจอกลางเป็นแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่ยกชุดมาจากรุ่นเดิม น่าเสียดายที่รูปแบบการแสดงผล หรือ User Interface ยังคงเหมือนเดิมเช่นกัน มาพร้อมกับปุ่ม Center Commander บริเวณคอนโซลกลางที่ช่วยให้สามารถควบคุมสั่งการได้อย่างสะดวก ไม่จำเป็นต้องพึ่งหน้าจอสัมผัสเพียงอย่างเดียว

19+ดูภาพทั้งหมด

ถึงกระนั้น Mazda CX-5 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ก็ได้มีการเพิ่มระบบ Wireless Apple CarPlay มาให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนฝั่ง Android Auto ยังคงต้องเสียบผ่าน USB เหมือนเดิม โดยที่รุ่น 2.0 SP และ XDL จะได้แท่นชาร์จ Wireless Charger เพิ่มขึ้นมา

สำหรับเบาะนั่งแถวหลังสามารถปรับเอนพนักพิงได้ แต่ต้องยอมรับว่าบรรยากาศห้องโดยสารตอนหลังของ CX-5 ไม่ได้โปร่งโล่งเท่ากับคู่แข่ง เน้นไปที่ความกระชับในการโดยสารเสียมากกว่า

19+ดูภาพทั้งหมด

ระบบเสียง Bose พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง ที่ติดตั้งลงใน Mazda CX-5 ถือว่ามีคุณภาพเสียงใช้ได้ทีเดียว ส่วนตัวผู้เขียนเองเป็นคนชอบฟังเพลงที่มีเบสหนักๆ แน่นๆ ซึ่งเครื่องเสียงชุดนี้ก็ตอบสนองโสตประสาทได้เป็นอย่างดี เนื้อเสียงมีน้ำมีนวล จะเปิดเพลงหรือพอดคาสต์ก็รื่นหูเป็นอย่างยิ่ง

อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกบังลมหน้า (Windshied Active Driving Display), ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold, กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone พร้อมช่องแอร์หลัง, ระบบปรับไฟหน้าตามองศาการเลี้ยว AFS, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 รอบทิศทาง

19+ดูภาพทั้งหมด

ขณะที่ระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ของ Mazda CX-5 2025 ไมเนอร์เชนจ์ ประกอบด้วย

  • LAS – Lane-Keep Assist System
  • DAA – Driver Attention Alert
  • LDWS – Lane Departure Warning System
  • MRCC w. Stop & Go – Mazda Radar Cruise Control with Stop & Go
  • RCTA – Rear Cross Traffic Alert
  • ABSM – Advanced Blind Spot Monitoring
  • SBS – Smart Brake Support
  • Advance SCBS – Advanced Smart City Brake Support
  • SCBS-R Smart City Brake Support – Reverse
  • ALH – Adaptive LED Headlamps

โดยที่รุ่น 2.0 SP และ XDL จะได้ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า (CTS – Cruising Traffic Support) และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go เพิ่มขึ้นมา หรือพูดง่ายๆ ก็คือแบบ All-speed ที่สามารถลดความเร็วอัตโนมัติได้จนถึง 0 กม./ชม. นั่นเอง

19+ดูภาพทั้งหมด

อุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มขึ้นแต่ละรุ่นย่อย (เทียบกับรุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์)

รุ่น 2.0 S เพิ่มเติมด้วย

  • ไฟหน้าและไฟท้าย LED Signature ใหม่
  • กระจังหน้าและ Signature Wing ใหม่
  • ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
  • เบาะหนังสีดำ
  • Wireless Apple CarPlay
  • Sport Paddle Shift
  • Hand Free Power Lift Gate

รุ่น 2.0 SP เพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 S

  • ล้ออัลลอย 19 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
  • Wireless Charger
  • Cruising Traffic Support
  • MRCC with Stop & Go

รุ่น XDL เพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 SP

  • ชุดตกแต่งภายนอกสีเดียวกับตัวรถ
  • ท่อไอเสียขนาดใหญ่
  • เบาะหนัง Nappa สี Deep Red
  • ระบบขับขี่ Off Road พร้อมสวิตช์ Mi-Drive

เครื่องยนต์และช่วงล่าง

รุ่น 2.0 S และ 2.0 SP ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-Drive อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 13.9 กม./ลิตร รองรับน้ำมัน E85

19+ดูภาพทั้งหมด

รุ่น XDL ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-Drive พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ i-ACTIV AWD อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.9 กม./ลิตร ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5

ขณะเดียวกันช่วงล่างของรุ่นไมเนอร์เชนจ์ มีการเสริมคานด้านล่างของห้องโดยสารตอนหลัง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างตัวถัง และมีการเปลี่ยนสปริงและโช้กที่ช่วยลดแรงสะเทือนเข้ามายังห้องโดยสาร เพิ่มความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น

การขับขี่

การทดลองขับครั้งนี้ เราได้มีโอกาสจับรุ่น XDL เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D 2.2 ลิตร ค่าตัว 1.669 ล้านบาท ซึ่งแอบน่าเสียดายที่ไม่ได้ลองขับตัวเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร เพราะเชื่อว่าน่าจะขายดีกว่ารุ่นดีเซลเป็นแน่แท้

19+ดูภาพทั้งหมด

โดยที่รุ่น XDL ยังคงมอบอัตราเร่งที่ฉับไว อันเป็นผลมาจากแรงบิดกว่า 450 นิวตัน-เมตร พ่วงเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ช่วยสร้างความเร้าใจในการขับขี่ได้ดีกว่าเกียร์ CVT อย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง

ขณะที่รุ่นเบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร แม้ว่าจะไม่มีโอกาสทดลองขับ แต่ด้วยตัวเลขแรงม้าและแรงบิดที่ไม่ต่างไปจากรุ่นก่อนหน้า ก็พอจะบอกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งทำได้ดี แต่การเร่งแซงในย่านความเร็วกลางถึงสูงอาจเหี่ยวแห้งไปบ้าง หากเน้นใช้งานในเมืองเป็นหลักก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

19+ดูภาพทั้งหมด

Mazda CX-5 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ถือได้ว่าเป็น C-SUV ที่มีช่วงล่างดีที่สุดในตลาด ด้วยการเซ็ตช่วงล่างให้มีลักษณะหนึบแน่น ช่วยลดอาการโคลงที่ความเร็วสูง ขณะเดียวกันก็สามารถเก็บอาการขณะผ่านทางขรุขระได้ดี ไม่ตึงตังจนน่ารำคาญ เหมาะสำหรับพ่อบ้านหรือแม่บ้านที่ต้องการรถใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป วันไหนอยากจะบู๊สักหน่อย ช่วงล่างของ CX-5 ใหม่ ก็พร้อมจะตอบสนองฝีเท้าในทันที

จบทริป กทม. – สัตหีบ รวมระยะทางทั้งสิ้น 175.2 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยบนหน้าจออยู่ที่ 16.5 กม./ลิตร เทียบกับผู้โดยสาร 3 คน (รวมคนขับ) ความเร็วเดินทางประมาณ 110 – 120 กม./ชม. เกือบตลอดทั้งเส้นทาง ก็ถือว่าน่าประทับใจไม่น้อย 

19+ดูภาพทั้งหมด

สรุป

Mazda CX-5 2025 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเป็นมาสด้าไว้อย่างครบถ้วน เพิ่มเติมด้วยรูปลักษณะที่สดใหม่ และออปชันเพิ่มความคุ้มค่า ซึ่งการปรับราคาจำหน่ายรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ทั้ง 2 รุ่นย่อย อยู่ในระดับราคาไม่ถึง 1.3 ล้านบาท พอจะช่วยให้ CX-5 กลับมาเป็นที่น่าจับตามองได้บ้าง ส่วนรุ่น XDL เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร แม้ราคาจะเฉียด 1.7 ล้านบาท แต่หากงบถึงก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซลที่ทั้งแรงและประหยัด ซึ่งหาไม่ได้อีกแล้วจากค่ายคู่แข่ง

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ ของ รีวิว Mazda CX-5 2025 ไมเนอร์เชนจ์ ปรับราคาคุ้มค่า เหนือกว่าที่สมรรถนะ

รีวิว Mazda CX-5 2025 ไมเนอร์เชนจ์
รีวิว Mazda CX-5 2025 ไมเนอร์เชนจ์
รีวิว Mazda CX-5 2025 ไมเนอร์เชนจ์

ดูทั้งหมด
19 ภาพ

แชร์เรื่องนี้

คัดลอกลิงก์

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

Previous Post

[ครบชุด] 1010362 พนักงานเก่าแกล้งพนักงานใหม่ จนแพ้ภัยตัวเอง

Next Post

[ครบชุด] 1010364 คนเป็นแม่ สามารถทำเพื่อลูกได้ทุกอย่าง

Next Post
[ครบชุด] 1010364 คนเป็นแม่ สามารถทำเพื่อลูกได้ทุกอย่าง

[ครบชุด] 1010364 คนเป็นแม่ สามารถทำเพื่อลูกได้ทุกอย่าง

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • [ครบชุด] PI10400 ร้านอาหารยอดแย่ คนแก่ห้ามเข้า ละครสั้น
  • [ครบชุด] PI10399 ปลoมตัวไม่ปลoมใจ Ep
  • [ครบชุด] PI10398 แMvโมลูกเดียวเปลี่euชีวิตพวกเขา 2 คน ละครสั้น
  • [ครบชุด] PI10397 โจsในคsๅUคนแก่ ละครสั้น
  • [ครบชุด] PI10396 วิญญาณแก้แค้u ละครสั้น

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025
  • July 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.