[ครบชุด] PI10013 สีวิเศษใช้ทๅสิ่vไหน สิ่vนั้นก็จะเป็นของเรา ละครสั้น มังกรทองฟิล์ม

Mercedes-Benz EQE 300: เมื่อราคาปรับโฉม สู่ประสบการณ์เหนือระดับในโลก EV ปี 2025

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาด EV ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย และในปี 2025 นี้เอง Mercedes-Benz EQE 300 ได้กลับมาสร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง ด้วยการปรับกลยุทธ์ด้านราคาที่เรียกได้ว่า “พลิกเกม” จากเดิมที่หลายคนมองว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่มีราคาเข้าถึงยาก วันนี้ EQE 300 ได้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าหรู พร้อมสมรรถนะและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย

จากประสบการณ์ตรงของผมที่ได้สัมผัสและใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามาหลายรุ่น ผมต้องยอมรับว่าช่วงแรกที่ EQE 300 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เราไม่ค่อยได้เห็นรถรุ่นนี้โลดแล่นบนท้องถนนมากนัก ปัจจัยหลักคือ “ราคา” ที่อาจจะทำให้หลายคนชะลอการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับ Mercedes-Benz E-Class ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมในเซกเมนต์เดียวกัน ทว่าการประกาศปรับราคาครั้งสำคัญนี้ พร้อมส่วนลดพิเศษกว่า 1,080,000 บาท ทำให้ราคาเริ่มต้นของ EQE 300 อยู่ที่ 2,890,000 บาท ซึ่งเป็นจุดที่น่าจับตาและทำให้รถคันนี้กลับมาอยู่ในเรดาร์ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมอีกครั้งอย่างเต็มภาคภูมิ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ EQE 300 น่าสนใจขึ้นในทันที แต่ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 ที่ผู้ผลิตต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่มองหา “ความคุ้มค่า” ควบคู่ไปกับ “นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า”

EQE 300: การลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ปี 2025

สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณา Mercedes-Benz EQE 300 ในปี 2025 นี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ราคาที่น่าดึงดูดใจเท่านั้น แต่ยังมีข้อเสนอพิเศษที่เข้ามาเสริมคุณค่าให้กับแพ็คเกจนี้อีกด้วย:
ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นาน 1 ปี: มอบความอุ่นใจในการขับขี่ตลอดปีแรกโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี: ข้อเสนอนี้เป็นหัวใจสำคัญสำหรับผู้ใช้รถ EV ในการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และยังช่วยลดความกังวลเรื่องสถานีชาร์จเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เดินทางไกลบ่อยๆ
ฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง: อำนวยความสะดวกในการชาร์จไฟที่บ้าน ซึ่งถือเป็นหัวใจของการใช้ชีวิตกับรถยนต์ไฟฟ้า ลดความยุ่งยากในการติดตั้งและเพิ่มความปลอดภัยในการชาร์จ
นำเข้าทั้งคัน (CBU) จากประเทศเยอรมนี: ตอกย้ำคุณภาพมาตรฐานการผลิตระดับโลก และมาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ High-voltage นานถึง 10 ปี หรือ 250,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการรับประกันที่ยาวนานและครอบคลุม บ่งบอกถึงความมั่นใจในเทคโนโลยีแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าของ Mercedes-Benz

เมื่อพิจารณาข้อเสนอเหล่านี้ประกอบกับราคาที่ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผมมองว่า EQE 300 ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหนือกว่าคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกันอย่างชัดเจน มันไม่ใช่แค่การซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่เป็นการลงทุนในประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียมที่มาพร้อมกับความประหยัดและเทคโนโลยี EV ล่าสุดที่ทันสมัย

ขุมพลังและสมรรถนะ: ประสบการณ์ขับขี่รถไฟฟ้าที่ไม่ธรรมดา

หัวใจของ Mercedes-Benz EQE 300 คือระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดถึง 550 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 89 kWh ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สเปคทางเทคนิค แต่เป็นขุมพลังที่เปลี่ยนทุกการขับขี่ให้ราบรื่น ทรงพลัง และเร้าใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที: เพียงพอสำหรับการขับขี่ในเมืองและการเร่งแซงบนทางหลวงได้อย่างมั่นใจ ให้ความรู้สึกพุ่งทะยานในแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้า
ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.: มั่นใจได้ถึงสมรรถนะในการเดินทางระยะไกล
ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จเต็ม 651 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP): ตัวเลขนี้ถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ EQE 300 โดดเด่นในตลาดรถ EV ระยะทางไกล ด้วยระยะที่น่าประทับใจนี้ ผมสามารถวางแผนการเดินทางข้ามจังหวัดได้อย่างไร้กังวล ลดอาการ “Range Anxiety” ที่ผู้ใช้ EV หลายคนมักประสบ

จากการใช้งานจริง ผมพบว่าการส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้านั้นราบรื่นและทันใจตั้งแต่ออกตัว ไม่มีการรอรอบ ไม่มีเสียงเครื่องยนต์คำราม มีเพียงความเงียบสงบที่มาพร้อมกับอัตราเร่งอันทรงพลัง สิ่งนี้คือแก่นแท้ของประสบการณ์ขับขี่รถไฟฟ้าพรีเมียม ที่ Mercedes-Benz สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างไร้ที่ติ

การชาร์จไฟฟ้า: ความสะดวกสบายในโลก EV ปี 2025

ในปี 2025 สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่การวางแผนการชาร์จยังคงเป็นสิ่งสำคัญ EQE 300 รองรับการชาร์จทั้งสองรูปแบบหลัก:
ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW: ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง 25 นาที จาก 10 – 100% เหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านข้ามคืน หรือชาร์จระหว่างวันทำงาน
ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 170 kW: ใช้เวลาเพียง 32 นาที จาก 10 – 80% นี่คือจุดที่ทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นเรื่องง่าย เมื่อคุณเจอสถานีชาร์จเร็วที่รองรับกำลังไฟสูงเช่นนี้ การหยุดพักระหว่างทางเพื่อชาร์จไฟเพียงไม่กี่สิบนาทีก็เพียงพอที่จะไปต่อได้อีกหลายร้อยกิโลเมตร

จากประสบการณ์ ผมขอแนะนำว่าไม่ควรรอให้แบตเตอรี่เหลือน้อยเกินไปจึงค่อยชาร์จ การชาร์จแบบ “เจอที่ไหนชาร์จที่นั่น” สัก 15-20 นาที เพื่อเพิ่มแบตเตอรี่ 20-30% เป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่าการรอชาร์จจนเต็ม 100% ซึ่งจะใช้เวลานานขึ้นอย่างมากเมื่อแบตเตอรี่เกิน 80% เนื่องจากระบบจะลดกำลังไฟลงเพื่อรักษาอายุการใช้งานแบตเตอรี่ แต่ EQE 300 ก็ยังคงรับไฟได้ค่อนข้างเร็วแม้เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่จะสูง ทำให้ไม่เสียเวลามากนักในการเดินทางจริง

การทดสอบขับขี่และการใช้งานจริง: มิติใหม่แห่งสุนทรียภาพ

หลังจากที่ราคาปรับลดลง ผมได้มีโอกาสกลับมาทดสอบ EQE 300 อย่างจริงจังอีกครั้ง และต้องบอกว่าราคาใหม่นี้คือ “ราคาที่ใช่” สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงคันนี้ การที่รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่สามารถแข่งขันกับรถยนต์สันดาปได้ ย่อมเพิ่มแรงจูงใจในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV อย่างมหาศาล

ดีไซน์ภายนอก: ความล้ำสมัยที่ต้องใช้เวลาสัมผัส
หลายท่านอาจจะยังไม่คุ้นชินกับดีไซน์ภายนอกของ EQE ที่เน้นความเรียบง่าย ไร้รอยต่อ และโค้งมนเพื่อลดแรงต้านอากาศ (Aerodynamic Efficiency) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้า แต่เมื่อมองไปนานๆ ดีไซน์นี้กลับเผยให้เห็นถึงความล้ำสมัยและอนาคตนิยมที่น่าหลงใหล ทุกรายละเอียดถูกออกแบบมาเพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง ซึ่งช่วยให้ได้ระยะทางวิ่งที่ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมในฐานะผู้ใช้งานจริงอยากจะกล่าวถึง นั่นคือ “ฝาปิดช่องจุ๊บลมยาง” ที่ถูกออกแบบมาให้เรียบเนียนไปกับล้อเพื่อลดแรงต้านอากาศ แม้จะเป็นดีไซน์ที่ชาญฉลาด แต่การเติมลมยางกลับกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทาย เพราะช่องเปิดมีขนาดเล็กมากจนทำให้การถอดและใส่ฝาปิดเป็นเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย ซึ่งนี่อาจเป็นข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็สำคัญ เพราะยางของ EQE 300 นั้นค่อนข้างบาง (ขนาด 255/40 R20) และการตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีน้ำหนักมากเช่นนี้ ผมแนะนำให้ตรวจเช็คลมยางเป็นประจำ ไม่ควรรอให้ไฟเตือนขึ้น เพราะอาจสายเกินไปหากเกิดความเสียหายกับยางไปแล้ว

ภายในห้องโดยสาร: เทคโนโลยีนำสมัยกับ ergonomic ที่ต้องปรับตัว
เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสาร สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาคือจอแสดงผล OLED central display ขนาด 12.8 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง และจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Digital ขนาด 12.3 นิ้ว ความสวยงามของกราฟิก ความคมชัด และความลื่นไหลในการใช้งานของระบบ MBUX นั้นยอดเยี่ยมมาก แต่จากประสบการณ์ของผม ตำแหน่งของคอนโซลหน้าและจอแสดงผลที่ค่อนข้างสูงและใหญ่โต อาจทำให้ผู้ขับขี่บางท่านรู้สึกว่าต้องปรับท่านั่งให้สูงขึ้นตามไปด้วยเพื่อให้ได้ทัศนวิสัยที่ดีที่สุด แม้ว่าในแง่ของความสวยงามและการใช้งานแล้ว จอขนาดใหญ่เหล่านี้จะมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและสบายตา

ส่วนเบาะนั่งด้านหลังถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็น “หลุม” ซึ่งอาจทำให้ผู้โดยสารรู้สึกจมลงไปในเบาะและลุกขึ้นได้ยากเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความสบายของเบาะหลังใน E-Class ที่กว้างขวางและนั่งสบายกว่ามาก จุดนี้อาจเป็นข้อแลกเปลี่ยนสำหรับดีไซน์และพื้นที่ภายในที่เน้นความสปอร์ตและความกะทัดรัดแบบ EV ในขณะที่ยังคงความหรูหราตามแบบฉบับ Mercedes-Benz

การขับขี่ในเมืองและนอกเมือง: ความเงียบสงบและมั่นคง
ในการใช้งานในเมือง EQE 300 มอบประสบการณ์ที่แตกต่างจากรถยนต์ Mercedes-Benz สันดาปอย่างชัดเจน ระบบต่างๆ มีความทันสมัยและตอบสนองได้ดีเยี่ยม ที่สำคัญคือความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร ซึ่งเป็นสิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าทำได้ดีที่สุด ความเงียบนี้ทำให้การเดินทางในเมืองที่มักพบเจอการจราจรติดขัดกลายเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายและสบายใจอย่างน่าประหลาด

เมื่อออกเดินทางไกล สู่ขอนแก่น ระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร ผมได้พิสูจน์ระยะทางวิ่งที่รถเคลมไว้ 651 กิโลเมตร (WLTP) ในการเดินทางจริง ซึ่งจากการทดสอบ ผมพบว่าการประคองคันเร่งให้อยู่ในความเร็วที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความคุ้นเคย เนื่องจากความเงียบของรถ ช่วงล่างที่นุ่มนวล และอัตราเร่งที่พร้อมตอบสนอง ทำให้ความเร็วเกิน 120 กม./ชม. ไปได้อย่างง่ายดาย ผมจึงอาศัยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC เป็นตัวช่วยหลัก ซึ่งทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมและราบรื่น ช่วยให้การเดินทางไกลกลายเป็นเรื่องง่ายราวกับมีคนขับรถให้ เพียงแค่เราประคองพวงมาลัย ระบบจะเบรกรถเองเมื่อมีรถช้าด้านหน้า และเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้เมื่อเส้นทางโล่ง ทำให้การเดินทางไกลปลอดภัยและสบายขึ้นมาก

น้ำหนักตัวและเสถียรภาพ: จุดเด่นที่หลายคนมองข้าม
แม้ตัวรถจะดูไม่ใหญ่มากนัก แต่ EQE 300 มีน้ำหนักตัวถึง 2,405 กิโลกรัม ซึ่งยังไม่รวมผู้โดยสารและสัมภาระ น้ำหนักที่มากนี้มาจากชุดแบตเตอรี่ที่อยู่ใต้พื้นรถ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ซึ่งส่งผลดีต่อเสถียรภาพในการขับขี่อย่างมาก รถมีความนิ่ง เกาะถนนได้ดีเยี่ยม ยิ่งกว่า E-Class ด้วยซ้ำ!

ช่วงหน้าฝนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสขับขี่ในสภาพเส้นทางที่มีน้ำขังเป็นบางช่วง ซึ่งรถยนต์ทั่วไปอาจเกิดอาการ “เหินน้ำ” และเสียการควบคุมได้ง่าย แต่ด้วยน้ำหนักของ EQE 300 ที่มาก ทำให้รถพุ่งผ่านแอ่งน้ำไปได้อย่างมั่นคง โดยแทบไม่รู้สึกถึงอาการผิดปกติใดๆ เลย จุดนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความปลอดภัยและสมรรถนะการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมของ EQE 300 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่สำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม

การจัดการพลังงานและค่าใช้จ่าย: ประหยัดจริงหรือไม่?
ในการเดินทางไกลไปขอนแก่น ผมทดสอบการใช้งานจริงโดยไม่รอให้แบตเตอรี่เหลือน้อย พบว่าการจัดการพลังงานของ EQE 300 ทำได้อย่างยอดเยี่ยม รถกินไฟไม่มาก การเดินทางเฉลี่ยโดยรวมกินไฟเพียง 15.4 kWh/100 กม. ซึ่งถือว่าประหยัดมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว และที่น่าตกใจคือค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟเฉลี่ยแล้วตก “กิโลเมตรละ 1 บาท” เท่านั้น! ซึ่งประหยัดกว่าค่าน้ำมันของรถยนต์สันดาปหลายเท่าตัว นี่คือจุดแข็งที่ทำให้การลงทุนใน EQE 300 คุ้มค่าในระยะยาว และตอบโจทย์ผู้ที่มองหารถยนต์ประหยัดพลังงานอย่างแท้จริง

สิ่งที่ผมชื่นชมอีกอย่างคือ “ความแม่นยำของตัวเลขระยะทางวิ่งที่หน้าจอ” ซึ่งจะแปรผันตามความเร็วในการขับขี่ ทำให้เราสามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างมั่นใจ ไม่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นที่ตัวเลขไม่ตรงกับความเป็นจริง

ระบบช่วยเหลือการขับขี่และความปลอดภัย: อุ่นใจทุกเส้นทาง
Mercedes-Benz EQE 300 อัดแน่นด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะและระบบความปลอดภัยระดับสูง ซึ่งเป็นมาตรฐานของรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมในปี 2025:
ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง: ครอบคลุมผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP: ช่วยให้รถทรงตัวได้ดีเยี่ยมในทุกสภาวะ
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist): เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางไกล
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist): ช่วยลดความเสี่ยงการชน โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist): เพิ่มความมั่นใจในการเปลี่ยนเลน
ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC: ระบบนี้คือผู้ช่วยชั้นเลิศสำหรับการขับขี่ทางไกลที่ผมได้กล่าวถึงไปแล้ว
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด: ช่วยให้การจอดรถในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่าย
ระบบป้องกันก่อนเหตุ PRE-SAFE® system: เตรียมพร้อมปกป้องผู้โดยสารก่อนการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบเตือนแรงดันลมยางและอุปกรณ์ปะยางแบบฉุกเฉิน TIREFIT: เพิ่มความปลอดภัยและอุ่นใจในกรณีฉุกเฉิน

นอกจากนี้ ระบบมัลติมีเดีย MBUX ยังมาพร้อมกับแผนที่นำทางแบบ Hard-disc navigation ที่แสดงผลแบบ 3 มิติ และ Live Traffic Information รวมถึงแสดงสถานีชาร์จไฟบนแผนที่ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการวางแผนเส้นทาง

บทสรุป: EQE 300 ตัวเลือกที่คุ้มค่าในยุค EV ปี 2025

โดยสรุปแล้ว Mercedes-Benz EQE 300 ด้วยราคาใหม่ที่ 2,890,000 บาท ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมากในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมของปี 2025 ส่วนต่างราคาที่ประหยัดไปได้กว่าล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเปิดตัว ย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงแค่ราคาเริ่มต้นที่ดึงดูดใจ แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ประหยัดอย่างน่าทึ่ง (เฉลี่ย 1 บาท/กม.) และข้อเสนอพิเศษต่างๆ ที่เสริมความคุ้มค่าให้กับการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าหรูคันนี้

แม้จะมีข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องดีไซน์ภายนอกบางจุด หรือ ergonomic ภายในที่อาจต้องใช้เวลาปรับตัว แต่จุดเด่นในด้านสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ระยะทางวิ่งที่ไกล ระบบความปลอดภัยครบครัน และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้ EQE 300 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะไกลได้อย่างมั่นใจและมีสไตล์

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้า ผมกล้าพูดได้ว่า Mercedes-Benz EQE 300 คือหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด ณ ปัจจุบัน สำหรับผู้ที่ต้องการก้าวเข้าสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Mercedes-Benz โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูงลิบลิ่ว

อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง! หากคุณพร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการยานยนต์ไฟฟ้า มาสัมผัส Mercedes-Benz EQE 300 ด้วยตาของคุณเองที่โชว์รูม Mercedes-Benz ใกล้บ้านคุณวันนี้ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเริ่มต้นเส้นทาง EV ที่เหนือระดับไปพร้อมกับเรา