[ครบชุด] 3010061 คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ

Mercedes-Benz EQE 300 ปี 2025: เมื่อราคาพลิกเกม รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่คุ้มค่าที่สุดในยุค

ในโลกยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในสมรภูมิสำคัญที่แบรนด์พรีเมียมต่างเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด Mercedes-Benz EQE 300 คือหนึ่งในผู้เล่นที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงแรก การเข้าถึงของ EQE 300 ยังจำกัดอยู่ด้วยปัจจัยด้านราคาที่อาจยังไม่โดนใจผู้บริโภคมากนักเมื่อเทียบกับทางเลือกอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรุ่น E-Class ที่เป็นที่นิยม แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2025 ที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทวีความดุเดือดขึ้นอีกระดับ สถานการณ์ของ EQE 300 ก็พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง ในฐานะผู้ที่ติดตามและคลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมมองว่านี่คือการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่เฉียบคมของ Mercedes-Benz ที่ทำให้ EQE 300 กลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้ง และอาจกลายเป็นหนึ่งใน รถไฟฟ้าพรีเมียม ที่มอบ ความคุ้มค่า สูงสุดในตลาดปัจจุบัน

ราคาพลิกเกม: จุดเปลี่ยนสำคัญของ EQE 300 ในปี 2025

สิ่งที่ทำให้ Mercedes-Benz EQE 300 กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในต้นปี 2025 คือการประกาศปรับราคาครั้งสำคัญ ซึ่งส่งผลให้ราคาจำหน่ายลดลงอย่างมีนัยยะ เดิมที EQE 300 มีราคาอยู่ที่ 3,970,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่อาจทำให้หลายคนต้องคิดหนัก แต่ด้วยราคาใหม่ที่ 2,890,000 บาท นั่นหมายถึง ส่วนลดรถยนต์ไฟฟ้า สูงถึง 1,080,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่ธรรมดาเลยสำหรับรถยนต์ในเซกเมนต์พรีเมียม การปรับราคาครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การลดตัวเลข แต่เป็นการวางตำแหน่ง EQE 300 ใหม่ให้สามารถแข่งขันกับรถยนต์สันดาปภายในระดับหรูได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และทำให้ ค่าใช้จ่ายรถไฟฟ้า โดยรวมดูน่าดึงดูดใจยิ่งขึ้น

ข้อเสนอพิเศษนี้ไม่ได้มาเพียงแค่ราคาที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังพ่วงมาด้วยแพ็กเกจที่ครบครัน ซึ่งตอกย้ำถึงความพรีเมียมและการบริการอันเป็นเลิศของ Mercedes-Benz ได้แก่:
ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นาน 1 ปี: เพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่
ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี: สำหรับผู้ใช้งานในพื้นที่ที่มีสถานีชาร์จ DC ของ Mercedes-Benz หรือพันธมิตรครอบคลุม นี่คือสิทธิประโยชน์ที่ประเมินค่ามิได้ ช่วยลด ค่าใช้จ่ายรถไฟฟ้า ในช่วงปีแรกได้อย่างมหาศาล
ฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง: อำนวยความสะดวกสบายในการชาร์จไฟที่บ้าน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการเป็นเจ้าของ รถยนต์ไฟฟ้า
การรับประกันแบตเตอรี่ High-voltage 10 ปี หรือไม่เกิน 250,000 กิโลเมตร: นี่คือหนึ่งในจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของ EQE 300 และ Mercedes-Benz ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีมูลค่าสูงและเป็นกังวลหลักของผู้ใช้รถ EV
ตัวรถเป็นแบบนำเข้าทั้งคัน (CBU) จากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงมาตรฐานการผลิตและคุณภาพระดับโลก

ข้อเสนอเหล่านี้มีจำนวนจำกัดและสำหรับผู้ที่จองรถผ่าน Online Showroom และรับมอบรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2025 เท่านั้น ซึ่งเป็นการสร้างความเร่งด่วนและกระตุ้นการตัดสินใจของผู้ที่กำลังมองหา รถไฟฟ้าพรีเมียม ด้วย ราคา EQE 300 ใหม่นี้ ผมเชื่อว่า Mercedes-Benz ได้เข้ามาเขย่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย อย่างแท้จริง

ขุมพลังและสมรรถนะ: หัวใจไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนอนาคต

เมื่อพูดถึง รถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องของสมรรถนะและประสิทธิภาพ EQE 300 มาพร้อมกับขุมพลังขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 550 นิวตันเมตร แรงบิดที่มาตั้งแต่รอบต่ำนี้คือเอกลักษณ์ของ รถไฟฟ้า ที่ทำให้การออกตัวและการเร่งแซงเป็นไปอย่างราบรื่นและทันใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับขี่บนสภาพการจราจรในเมืองใหญ่ของไทย

แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 89 kWh คือหัวใจสำคัญที่มอบ ระยะทางขับขี่ สูงสุด 651 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจและเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการเดินทางไกลข้ามจังหวัดได้อย่างไร้กังวล ในการทดสอบจริงภายใต้สภาพการขับขี่ของประเทศไทย ตัวเลขนี้อาจมีการปรับลดลงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ ความเร็ว และการใช้พลังงานจากระบบปรับอากาศและอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ แต่โดยรวมแล้ว EQE 300 ยังคงอยู่ในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้า ที่มี ระยะทางขับขี่ ยอดเยี่ยม

ในด้านการชาร์จพลังงาน EQE 300 รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 kW ซึ่งใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง 25 นาทีสำหรับการชาร์จจาก 10% ถึง 100% เหมาะสำหรับการชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนที่บ้าน ส่วนการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สามารถรองรับได้สูงสุดถึง 170 kW ซึ่งเป็นความเร็วที่น่าทึ่ง ทำให้การชาร์จจาก 10% ถึง 80% ใช้เวลาเพียง 32 นาทีเท่านั้น นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเดินทางไกลด้วย EQE 300 เป็นไปได้จริงและสะดวกสบายยิ่งขึ้นในยุคที่ สถานีชาร์จ แบบ การชาร์จเร็ว กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ

ระบบชาร์จในไทยปี 2025: ภาพสะท้อนการใช้งานจริง

จากประสบการณ์ใน ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย ที่ผ่านมา การเป็นเจ้าของ EV ไม่ได้จบลงที่ตัวรถ แต่ยังรวมถึงความพร้อมของระบบนิเวศการชาร์จด้วย ในปี 2025 นี้ แม้ว่า สถานีชาร์จ จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ความท้าทายยังคงอยู่ที่การกระจายตัวและความเร็วของหัวจ่าย โดยเฉพาะในต่างจังหวัด การเดินทางระยะไกลด้วย Mercedes-Benz EQE 300 จากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดใหญ่ๆ อย่างขอนแก่น (กว่า 400 กิโลเมตร) ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของรถในการจัดการพลังงานและการวางแผนการชาร์จ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมแนะนำเสมอว่า “อย่ารอให้แบตเตอรี่เหลือน้อยแล้วค่อยชาร์จ” ควรใช้กลยุทธ์ “เจอที่ไหน ชาร์จที่นั่น” โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไกล การแวะชาร์จประมาณ 15-20 นาที เพื่อเพิ่มพลังงาน 20-30% ระหว่างทาง จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างไร้กังวลและไม่ต้องเสียเวลามากนักที่จุดชาร์จ EQE 300 ที่รับกระแสไฟ DC ได้สูงถึง 170 kW ถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ เพราะแม้ใน สถานีชาร์จ ที่ไม่ใช่หัวจ่ายที่แรงที่สุด (เช่น 120 kW หรือ 180 kW ที่มักพบในต่างจังหวัด) รถก็ยังสามารถรับกระแสไฟได้ค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 10-80% ที่เป็นการชาร์จที่เร็วที่สุด และสิ่งที่น่าประทับใจคือ แม้แบตเตอรี่เกิน 80% แล้ว EQE 300 ก็ยังคงรับกระแสไฟได้ในอัตราที่สูงกว่ารถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น ทำให้ประหยัดเวลาในการรอได้อย่างชัดเจน

สิ่งที่โดดเด่นอย่างยิ่งของ EQE 300 คือ การประหยัดพลังงาน ที่เป็นเลิศ จากการทดสอบวิ่งใช้งานจริง พบว่าอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15.4 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อพิจารณาจากน้ำหนักตัวรถที่ 2,405 กิโลกรัม ถือว่ามีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม การเดินทางไกลด้วยอัตรานี้จะทำให้ ค่าใช้จ่ายรถไฟฟ้า ต่อกิโลเมตรเหลือเพียงประมาณ 1 บาทเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับค่าไฟฟ้า ณ สถานีชาร์จ) ซึ่งประหยัดกว่ารถยนต์สันดาปภายในอย่างเห็นได้ชัด และเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2025 นอกจากนี้ ตัวเลข ระยะทางขับขี่ ที่แสดงบนหน้าจอของ EQE 300 ยังมีความแม่นยำและแปรผันตามความเร็วที่ขับขี่จริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ขับขี่วางแผนการเดินทางได้อย่างมั่นใจ ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขที่สวยหรูบนกระดาษ

การออกแบบและหลักสรีรศาสตร์: เมื่อรูปทรงผสานการใช้งาน

รูปลักษณ์ภายนอกของ Mercedes-Benz EQE 300 สะท้อนถึง ดีไซน์ล้ำสมัย และปรัชญา “Sensual Purity” ของ Mercedes-EQ เส้นสายที่เรียบเนียน โค้งมน ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงต้านอากาศ (Aerodynamics) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ ระยะทางขับขี่ ของ รถยนต์ไฟฟ้า ในช่วงแรก ผู้บริโภคบางรายอาจยังไม่คุ้นชินกับสไตล์การออกแบบที่แตกต่างจาก Mercedes-Benz แบบดั้งเดิม แต่เมื่อมองไปนานๆ จะพบว่ามันดูทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม มีจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเป็นข้อสังเกตจากผู้ใช้งานจริง คือเรื่องของล้อที่มีแผ่นปิดเพื่อลดแรงต้านอากาศ การออกแบบเช่นนี้ทำให้ช่องสำหรับเติมลมยางมีขนาดเล็กและเข้าถึงยาก ซึ่งอาจทำให้การตรวจเช็คลมยางเป็นไปอย่างไม่สะดวกนัก แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอแนะนำว่าการตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยางของ EQE 300 ที่ค่อนข้างบางและรถมีน้ำหนักมาก การรักษาระดับลมยางที่เหมาะสมจึงจำเป็นต่อทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพการขับขี่ น้ำหนักตัวรถที่มากถึง 2,405 กิโลกรัม (ไม่รวมผู้โดยสารและสัมภาระ) ทำให้รถมีความนิ่งและเกาะถนนได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับสภาพถนนเปียก หรือมีน้ำขัง การที่รถมีน้ำหนักถ่วงอยู่ที่พื้นเป็นหลัก ทำให้การทรงตัวดีเยี่ยม ลดอาการเหินน้ำได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งเป็นข้อดีที่หลายคนอาจมองข้ามไป

เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสาร คุณจะพบกับบรรยากาศแห่ง เทคโนโลยี MBUX และความหรูหราที่ผสานความล้ำสมัย จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Digital ขนาด 12.3 นิ้ว และจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลาง OLED central display ขนาด 12.8 นิ้ว มอบภาพที่สวยงามคมชัดและใช้งานง่ายด้วยอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ที่ได้สัมผัส ตำแหน่งของคอนโซลหน้าและจอแสดงผลกลางที่ค่อนข้างสูงและมีขนาดใหญ่ อาจทำให้ผู้ขับขี่บางรายรู้สึกว่าต้องปรับตำแหน่งเบาะนั่งให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ได้ทัศนวิสัยและการใช้งานที่เหมาะสม ซึ่งอาจส่งผลต่อหลักสรีรศาสตร์ส่วนบุคคลของผู้ขับขี่บางกลุ่ม

ในส่วนของเบาะนั่งด้านหลัง แม้จะได้รับการออกแบบอย่างประณีต แต่ด้วยลักษณะที่เป็นหลุมลึก อาจทำให้ผู้โดยสารบางท่านรู้สึกว่านั่งแล้วจมลงไปกับเบาะ ซึ่งอาจจะไม่สบายเท่าที่ควรสำหรับการเดินทางระยะยาว และอาจทำให้การลุกออกจากเบาะทำได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับความสบายของเบาะหลังใน E-Class อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นข้อสังเกตเล็กน้อยที่อาจไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทุกคน และเป็นสิ่งที่สามารถปรับตัวได้

การขับขี่และความปลอดภัย: ลายเซ็นของดาวสามแฉก

ประสบการณ์ขับขี่ ของ Mercedes-Benz EQE 300 คือจุดเด่นที่แท้จริง มอเตอร์ไฟฟ้าให้การตอบสนองที่ฉับไวและเงียบสนิท การขับขี่ในเมืองเป็นไปอย่างนุ่มนวลและผ่อนคลาย ด้วยความเงียบของห้องโดยสาร ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะรู้สึกสบายอย่างมาก แม้ในสภาพการจราจรติดขัด ช่วงล่างที่นุ่มนวลแต่ยังคงความมั่นคงตามแบบฉบับ Mercedes-Benz ทำให้การเดินทางราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นบนถนนในเมืองหรือทางหลวง

สำหรับการเดินทางไกล EQE 300 แสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ด้วยความเงียบและช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม การประคองคันเร่งให้อยู่ในความเร็วที่เหมาะสมอาจเป็นเรื่องท้าทายเล็กน้อย เพราะความเร็วจะขึ้นอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ระบบนี้ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ และปรับความเร็วตามสภาพการจราจร ทำให้การขับขี่ทางไกลรู้สึกผ่อนคลายราวกับมีผู้ช่วยส่วนตัวคอยดูแลพวงมาลัย

ด้าน ระบบความปลอดภัย EQE 300 อัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ซึ่งเป็นมาตรฐานของ Mercedes-Benz และเป็นสิ่งสำคัญที่เพิ่ม ความคุ้มค่า ให้กับรถในราคานี้ ในสภาพการขับขี่ของประเทศไทยที่หลากหลาย ระบบเหล่านี้ช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้อย่างมาก:
ถุงลมนิรภัย รอบคัน ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าผู้ขับขี่ พร้อมถุงลมนิรภัยระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program)
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร ช่วยลดความเสี่ยงจากการออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ Active Brake Assist ตรวจจับวัตถุด้านหน้าและช่วยเบรกฉุกเฉิน
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Assist
ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาพฝนตกหนัก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนเส้นทางที่ไม่เอื้ออำนวย
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system เตรียมความพร้อมของรถและผู้โดยสารเมื่อตรวจจับสถานการณ์เสี่ยงต่อการชน
ระบบเตือนแรงดันลมยาง และอุปกรณ์ปะยางฉุกเฉิน TIREFIT

ระบบมัลติมีเดีย MBUX Entertainment Plus พร้อมระบบนำทางแบบ Hard–disc navigation แผนที่แบบ 3 มิติ และ Live Traffic Information ยังสามารถแสดงสถานีชาร์จไฟบนเส้นทางได้อีกด้วย ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า ในการวางแผนการเดินทางใน อนาคตรถยนต์ไฟฟ้า

บทสรุป: EQE 300 ทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณในปี 2025 หรือไม่?

จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าสังเกต ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย มาอย่างยาวนาน การปรับราคาของ Mercedes-Benz EQE 300 ลงมาเหลือ 2,890,000 บาท พร้อมแพ็กเกจพิเศษที่ครบครัน คือการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดและส่งผลให้ EQE 300 ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน รถไฟฟ้าพรีเมียม ที่มี ความคุ้มค่า สูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัยในปี 2025

เมื่อพิจารณาถึงส่วนต่างราคาที่เคยเป็นอุปสรรคเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปในคลาสเดียวกัน วันนี้ส่วนต่างนั้นลดลงอย่างมีนัยยะ อีกทั้ง ค่าใช้จ่ายรถไฟฟ้า โดยรวม ทั้งการบำรุงรักษาและการเติมพลังงานที่ถูกกว่ามาก ทำให้การตัดสินใจเป็นเจ้าของ รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นนี้ง่ายขึ้นมาก EQE 300 ไม่ได้มอบเพียงแค่ตราสัญลักษณ์ดาวสามแฉก แต่ยังรวมถึง เทคโนโลยี MBUX ล้ำสมัย สมรรถนะรถไฟฟ้า ที่น่าประทับใจ ระยะทางขับขี่ ที่ใช้งานได้จริง และ ระบบความปลอดภัย ครบวงจร

แม้จะมีข้อสังเกตเล็กน้อยเรื่องการเข้าถึงจุกลมยางและหลักสรีรศาสตร์ของเบาะหลังสำหรับบางคน แต่จุดเด่นในเรื่อง ความคุ้มค่า ที่มาพร้อม ราคา EQE 300 ใหม่ ประสิทธิภาพในการจัดการพลังงาน และ ประสบการณ์ขับขี่ ที่เหนือระดับ ทำให้ Mercedes-Benz EQE 300 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถไฟฟ้าพรีเมียม ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้งาน ความหรูหรา และความยั่งยืนใน อนาคตรถยนต์ไฟฟ้า

คำเชิญชวน

อย่าพลาดโอกาสในการสัมผัสประสบการณ์ขับขี่แห่งอนาคตและเป็นเจ้าของ Mercedes-Benz EQE 300 ในราคาและข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ สิทธิพิเศษนี้มีจำนวนจำกัดและช่วงเวลาที่แน่นอน หากคุณพร้อมที่จะก้าวสู่ยุคแห่ง รถยนต์ไฟฟ้า ที่แท้จริงด้วยความหรูหราและประสิทธิภาพระดับโลก ผมขอแนะนำให้คุณไปสัมผัสและทดลองขับ EQE 300 ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมรถคันนี้ถึงเป็น “ราคาที่พลิกเกม” อย่างแท้จริง เยี่ยมชม Online Showroom ของ Mercedes-Benz หรือติดต่อผู้จำหน่ายใกล้บ้าน เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับข้อเสนอสุดพิเศษ ก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2025 นี้