เมอร์เซเดส-เบนซ์ EQE 300 (2025): เจาะลึกสมรรถนะและราคาใหม่ ที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้กลายเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่า
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดรถยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกระแสของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในสมรภูมิสำคัญที่ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด และ Mercedes-Benz ก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าที่สร้างสรรค์นวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ทว่า หนึ่งในรุ่นที่เคยถูกจับตามองด้วยความกังขาในเรื่อง “ราคา” ที่สูงเกินไป จนทำให้หลายคนลังเลที่จะก้าวเข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์แห่งอนาคต นั่นคือ Mercedes-Benz EQE 300
อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 นี้ สถานการณ์ได้พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยการปรับโครงสร้างราคาและข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับ EQE 300 ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมคันนี้กลับมาผงาดในตลาดอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในฐานะตัวเลือก แต่เป็น “ตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง” ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่สุดหรูหรา ควบคู่ไปกับสมรรถนะอันทรงพลัง และต้นทุนการใช้งานที่เหนือกว่ารถยนต์สันดาปอย่างเห็นได้ชัด ในบทความนี้ ผมจะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมของ Mercedes-Benz EQE 300 ในมุมมองของนักขับผู้มากประสบการณ์ เพื่อให้คุณเห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้
พลิกโฉมด้วยราคาที่จับต้องได้: จุดเปลี่ยนสำคัญแห่งปี 2025
ย้อนกลับไปในวันที่ EQE 300 เปิดตัว ราคาจำหน่ายที่ 3,970,000 บาท อาจเป็นกำแพงสำคัญที่ทำให้หลายคนตัดสินใจยาก ด้วยมูลค่าที่ใกล้เคียงกับ Mercedes-Benz E-Class ซึ่งเป็นรถยนต์สันดาปที่คุ้นเคยมากกว่า ทำให้ EQE 300 ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าที่ควร ทว่าวันนี้ ด้วยการปรับราคาครั้งสำคัญเหลือเพียง 2,890,000 บาท ซึ่งลดลงถึง 1,080,000 บาท ทำให้ EQE 300 กลายเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธในตลาดรถ EV หรูระดับพรีเมียม
การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจของ Mercedes-Benz ต่อพลวัตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 ที่ผู้บริโภคไม่ได้มองหาแค่เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ยังมองหาความคุ้มค่าและต้นทุนการเป็นเจ้าของที่สมเหตุสมผล การลดราคาครั้งนี้ไม่เพียงแค่ทำให้ EQE 300 มีความได้เปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่งโดยตรงเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงจูงใจให้ผู้ที่กำลังพิจารณารถยนต์สันดาปหันมามองรถยนต์ไฟฟ้าด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไป ประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวเลขบนป้ายราคาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อเสนอสุดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อลดความกังวลในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV อย่างแท้จริง ได้แก่ ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นาน 1 ปี, สิทธิ์ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้งนาน 1 ปี และฟรี Wallbox พร้อมติดตั้งที่บ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่เสริมให้ EQE 300 เป็นการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาญฉลาดในระยะยาว
ดีไซน์แห่งอนาคต: โฉบเฉี่ยว เหนือระดับ และประสิทธิภาพสูงสุด
แรกเริ่มเดิมที การออกแบบภายนอกของ EQE 300 อาจดูแปลกตาสำหรับผู้ที่คุ้นชินกับเส้นสายแบบดั้งเดิมของ Mercedes-Benz แต่จากประสบการณ์ที่ผมได้สัมผัสมานานนับปี ผมสามารถยืนยันได้ว่า นี่คือการออกแบบที่ “ล้ำสมัย” และ “มีวิสัยทัศน์” อย่างแท้จริง แนวคิด “Sensual Purity” ผสานกับปรัชญา “One Bow” ทำให้ตัวรถดูเหมือนถูกหลอมรวมเป็นชิ้นเดียว เส้นสายที่เรียบเนียน ประตูที่เปิดรับกับส่วนโค้งของหลังคา และกระจกหน้าต่างที่ไหลลื่นไปกับรูปทรงทั้งหมดนี้ไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่ยังถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงต้านอากาศ (Aerodynamics) ให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเพิ่มระยะทางวิ่งและประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้าในทุกมิติ
เมื่อพิจารณาอย่างใกล้ชิด รายละเอียดอย่างเช่นล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษที่มาพร้อมฝาครอบเพื่อลดแรงต้านอากาศ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพเหนือสิ่งอื่นใด แม้ว่าในทางปฏิบัติ การเติมลมยางอาจจะต้องใช้ความประณีตเล็กน้อยเนื่องจากช่องเปิดที่ค่อนข้างจำกัด แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือความประหยัดพลังงานที่จับต้องได้บนท้องถนน นอกจากนี้ ด้วยการนำเข้าทั้งคัน (CBU) จากประเทศเยอรมนี ทำให้มั่นใจได้ถึงมาตรฐานการประกอบและคุณภาพที่เหนือระดับ ซึ่งมาพร้อมกับการรับประกันแบตเตอรี่ High-voltage ยาวนานถึง 10 ปี หรือ 250,000 กิโลเมตร สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของ Mercedes-Benz
ภายในที่หรูหรา ล้ำสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ EQE 300 คุณจะถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศแห่งความหรูหราที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัยได้อย่างลงตัว แผงคอนโซลหน้าที่ถูกออกแบบให้มีความกว้างขวาง พร้อมจอแสดงผล OLED central display ขนาด 12.8 นิ้ว ที่โดดเด่นสะดุดตา และจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Digital ขนาด 12.3 นิ้ว เป็นศูนย์รวมของระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่ใช้งานง่ายและให้ภาพที่คมชัดสบายตา
ในมุมมองของผู้ใช้งานจริง ผมยอมรับว่าขนาดของคอนโซลกลางและจอแสดงผลที่ค่อนข้างสูง อาจทำให้ผู้ขับขี่บางท่านที่ปรับเบาะนั่งต่ำรู้สึกว่าต้องยกสายตาขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อชินแล้ว อินเทอร์เฟซที่ใหญ่และชัดเจนนี้กลับมอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมระบบนำทางแบบ Hard-disc navigation พร้อมแผนที่ 3 มิติ และข้อมูลการจราจรแบบ Live Traffic Information ไปจนถึงการแสดงสถานีชาร์จไฟที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025
สำหรับเบาะนั่งด้านหลัง แม้จะมีการออกแบบให้มีความเป็น “หลุม” เพื่อสร้างความรู้สึกโอบรับ แต่ผมมองว่านี่คือจุดที่ยังสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะในเรื่องของความสบายในการลุกนั่งเมื่อเทียบกับ E-Class ซึ่งมีพื้นที่และความสบายที่เหนือกว่าเล็กน้อยในจุดนี้ อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว วัสดุคุณภาพสูง การตกแต่งที่ประณีต และระบบปรับอากาศแบบ THERMATIC 2-zone ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างผ่อนคลายในทุกเส้นทาง
ขุมพลังไฟฟ้าแห่งความเงียบและความแรง: ประสบการณ์ขับขี่ที่แตกต่าง
หัวใจหลักของ Mercedes-Benz EQE 300 คือระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดถึง 550 นิวตันเมตร ถ่ายทอดลงสู่ล้อคู่หลัง (RWD) ด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 89 kWh ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้บอกเล่าแค่สมรรถนะ แต่บอกถึง “ความรู้สึก” ที่เหนือกว่า การเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประสบการณ์ทั้งหมด
ในเมืองหลวงที่การจราจรหนาแน่น EQE 300 มอบความสบายในการขับขี่ที่หาได้ยากในรถยนต์สันดาป ความเงียบของห้องโดยสารเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุด ช่วยลดความเครียดจากการขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัดได้อย่างมีนัยสำคัญ แรงบิดมหาศาลที่พร้อมใช้งานทันทีเมื่อเหยียบคันเร่ง ทำให้การออกตัวหรือเร่งแซงเป็นเรื่องง่ายดายและราบรื่น จนบางครั้งคุณอาจเผลอเหยียบคันเร่งจนความเร็วเกิน 120 กม./ชม. โดยไม่รู้ตัว ด้วยความนุ่มนวลของช่วงล่างและเสียงรบกวนที่แทบจะไม่มีเลย
เมื่อต้องเดินทางไกล เช่นการทดสอบวิ่งยาวจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ขอนแก่น ระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร กับระยะทางวิ่งสูงสุดที่เคลมไว้ตามมาตรฐาน WLTP ที่ 651 กิโลเมตร ทำให้ผมมั่นใจว่า EQE 300 จะพาเราไปถึงที่หมายได้อย่างสบาย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC ที่ปรับระยะห่างและควบคุมความเร็วได้อย่างชาญฉลาด ทำให้การขับขี่ทางไกลเป็นเรื่องง่ายด ราวกับมีผู้ช่วยขับขี่ที่รู้ใจ ช่วยลดความเมื่อยล้าและเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างยอดเยี่ยม นี่คือเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวล้ำ ตอบโจทย์การใช้งานจริงบนถนนของประเทศไทยในปี 2025
สมดุลแห่งน้ำหนักและสมรรถนะ: ความมั่นคงบนทุกสภาพถนน
สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามไปคือ “น้ำหนักตัว” ของรถยนต์ไฟฟ้า EQE 300 มีน้ำหนักเปล่าถึง 2,405 กิโลกรัม ซึ่งถือว่ามากเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปในขนาดใกล้เคียงกัน แต่น้ำหนักนี้กลับเป็นข้อดีที่สร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำจากการวางแบตเตอรี่ไว้ที่พื้นรถ ทำให้ EQE 300 มีเสถียรภาพในการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่ท้าทาย
จากประสบการณ์ขับขี่ในช่วงฤดูฝน ผมได้พบเจอสถานการณ์ที่มีน้ำขังบนพื้นถนน ซึ่งอาจนำไปสู่อาการ “เหินน้ำ” (aquaplaning) ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่มากของ EQE 300 ทำให้รถสามารถทะยานผ่านบริเวณน้ำขังไปได้อย่างมั่นคง โดยไม่มีอาการร่อนหรือเสียการควบคุมที่น่าตกใจเลย นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถคันนี้ปลอดภัยกว่าที่คิด ระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่หลากหลายยังช่วยเสริมความมั่นใจในการเดินทางให้ถึงขีดสุด ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร หรือระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ
นอกจากนี้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่า แม้ว่ารถจะมีน้ำหนักมากและช่วงล่างที่นุ่มนวล แต่การตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะยางขนาด 255/40 R20 ที่ค่อนข้างบาง ควรเติมลมยางให้อยู่ในระดับที่แข็งกว่าปกติเล็กน้อยเพื่อป้องกันความเสียหายและรักษาสมรรถนะที่ดีที่สุด อย่ารอให้ไฟเตือนลมยางขึ้น เพราะนั่นอาจจะสายเกินไปสำหรับการดูแลยางรถยนต์ไฟฟ้าของคุณ
การเดินทางด้วยไฟฟ้าในโลกแห่งความเป็นจริง: ชาร์จอย่างไรให้ไร้กังวลในปี 2025
หนึ่งในข้อกังวลหลักของผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้รถยนต์ไฟฟ้าคือเรื่องของสถานีชาร์จ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไกล ในปี 2025 นี้ แม้โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จจะพัฒนาไปมาก แต่สถานีชาร์จ DC ความเร็วสูงในต่างจังหวัด โดยเฉพาะเมืองรองในภาคอีสาน ยังคงมีจำนวนจำกัดและอาจไม่ได้กระจายตัวเท่าที่ควร แผนการเดินทางที่ดีจึงไม่ใช่การรอให้แบตเตอรี่เหลือน้อยแล้วค่อยหาที่ชาร์จ แต่คือ “เจอที่ไหน ชาร์จที่นั่น”
จากประสบการณ์จริง การแวะชาร์จประมาณ 15-20 นาที ที่จุดพักรถทั่วไป สามารถเพิ่มแบตเตอรี่ได้ราว 20% ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางต่อไปอีกระยะทางหนึ่ง การชาร์จจนเต็ม 100% อาจใช้เวลานานเป็นชั่วโมง ซึ่งไม่เหมาะสำหรับการเดินทางไกลที่ต้องทำเวลา ข้อดีของ EQE 300 คือความสามารถในการรับไฟ DC ที่ค่อนข้างแรง แม้แบตเตอรี่จะเกิน 80% แล้วก็ตาม รถก็ยังคงรับกระแสไฟได้ดี ทำให้ไม่เสียเวลามากในการรอชาร์จ นี่คือประสิทธิภาพรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญอย่างยิ่ง
ในการทดสอบการเดินทางไกลของผม EQE 300 แสดงให้เห็นถึงระบบการจัดการพลังงานไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยเพียง 15.4 kWh/100 กม. ซึ่งถือว่าประหยัดมากสำหรับรถยนต์ที่มีน้ำหนักตัวมากถึงนี้ และเมื่อคำนวณจากค่าไฟที่ชาร์จโดยเฉลี่ย จะพบว่าต้นทุนต่อกิโลเมตรอยู่ที่ประมาณ 1 บาทเท่านั้น ซึ่งประหยัดกว่ารถยนต์สันดาปอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ระบบจะแสดงระยะทางวิ่งที่เหลืออยู่บนหน้าจอได้อย่างแม่นยำและแปรผันตามพฤติกรรมการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องคาดเดาเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นที่ตัวเลขไม่ตรงกับความเป็นจริง
ความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่: อุ่นใจในทุกเส้นทาง
Mercedes-Benz ไม่เคยประนีประนอมกับเรื่องความปลอดภัย และ EQE 300 ก็เป็นเครื่องยืนยันในเรื่องนี้ รถคันนี้มาพร้อมกับถุงลมนิรภัยที่ครอบคลุมถึง 9 ตำแหน่ง ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า รวมถึงบริเวณหัวเข่าผู้ขับขี่ เสริมด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง และสัญญาณเตือนสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
นอกเหนือจากระบบ Passive Safety แล้ว EQE 300 ยังอัดแน่นไปด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ Active Safety ขั้นสูง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยรถ EV ในยุคปัจจุบัน:
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program) และ ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน Adaptive brake light
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist)
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist ที่ช่วยให้การจอดรถเป็นเรื่องง่าย แม้ในพื้นที่จำกัด
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ Active Brake Assist ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการชน
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Assist
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST
ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE–SAFE® system และ ระบบเตือนแรงดันลมยาง
อุปกรณ์ปะยางแบบฉุกเฉิน TIREFIT
ทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อมอบความอุ่นใจและเพิ่มความมั่นใจให้กับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ แม้ในสภาพอากาศที่ย่ำแย่ หรือการเดินทางในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
สรุป: ทำไม Mercedes-Benz EQE 300 จึงเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าในปี 2025
จากการได้คลุกคลีและทดสอบ Mercedes-Benz EQE 300 อย่างละเอียด ผมสามารถสรุปได้อย่างมั่นใจว่า การปรับราคาลงมาเหลือ 2,890,000 บาท พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่ได้กล่าวไปข้างต้น ทำให้ EQE 300 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่ “น่าจับตามอง” และ “น่าเป็นเจ้าของ” อย่างแท้จริงในปี 2025
ความแตกต่างด้านราคาที่เคยเป็นอุปสรรคสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อ ได้ถูกขจัดออกไปเกือบหมดสิ้น ทำให้ EQE 300 สามารถแข่งขันกับรถยนต์สันดาปในระดับราคาเดียวกันได้อย่างสมศักดิ์ศรี และด้วยต้นทุนการใช้งานที่ประหยัดกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นค่าพลังงานไฟฟ้าที่ถูกกว่าค่าน้ำมัน หรือการบำรุงรักษาที่น้อยกว่า ทำให้การลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้เป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าในระยะยาว
Mercedes-Benz EQE 300 ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แต่เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา นวัตกรรม และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม มันมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ นุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัยที่สุด
หากคุณกำลังมองหารถยนต์พรีเมียมที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน การเดินทางไกล และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่ยั่งยืน Mercedes-Benz EQE 300 คือคำตอบที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยราคาที่พลิกเกมทุกมิติ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้เป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าและพร้อมจะส่งมอบประสบการณ์ EV สุดหรูหราให้คุณสัมผัสได้แล้ววันนี้
อย่ารอช้าที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง! ขอเชิญคุณทดลองขับ Mercedes-Benz EQE 300 ได้ที่ผู้จำหน่าย Mercedes-Benz ทั่วประเทศ เพื่อเปิดประสบการณ์รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่เปลี่ยนทุกนิยามแห่งการเดินทาง
![[ครบชุด] 3010133 ลูกใจร้ายไล่แม่ตาบอด หนังใหม่ล่าสุด](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-355-1.png)
![[ครบชุด] 3010134 ป้าข้างบ้านไร้มารยาท](https://filmthailan.nataviguides.com/wp-content/uploads/2025/10/image-356-1.png)